“รูปร่างดีมากนะเนี้ย”
กู้ชูหน่วนพูดจาเยาะเย้ยอย่างเรียบๆ ทำให้คนไม่สามารถจับอารมณ์ความรู้สึกของนางได้ ยิ่งไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เพียงแต่ว่าสายตาของนางจ้องอยู่กับที่อยู่ตลอด ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางรับได้
นับประสาอะไรกับซ่างกวนหมิงหลางที่ได้รับการทะนุถนอมเอ็นดูเช่นนั้น
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“คืนนี้เจ้าเป็นอาหารในจานของจักรพรรดินีสินะ”
อาหารในจานสามคำนี้ไม่น่าฟังเกินไปแล้ว
สีหน้าของซ่างกวนหมิงหลางทะมึนตึงทันที ราวกับว่ากำลังอดกลั้นไฟโทสะอะไรอยู่
“เจ้าว่า หากว่าข้าทำลายความบริสุทธิ์ของเจ้าไปซะ จักรพรรดินีจะมีการตอบสนองอย่างไรนะ”
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”
“ตัวจริงของที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารตระกูลมู่ของข้าเป็นใคร?”
“ไม่รู้” ซ่างกวนหมิงหลางตอบไปตรงๆโดยไม่แม้แต่จะคิด
กู้ชูหน่วนหยิบกริชสั้นออกมาจากในตัว กวัดแกว่งอยู่เบื้องหน้าซ่างกวนหมิงหลาง แสงเย็นยะเยือกอันเฉียบคมสาดส่องเข้ามาในตาของซ่างกวนหมิงหลาง บังคับให้ซ่างกวนหมิงหลางไม่กล้ามองตรงๆ
“ลูกชายคนโตผู้มีพรสวรรค์ของตระกูลซ่างกวน ซ่างกวนหมิงหลางผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทวีปปิงหลิง ไม่รู้ว่าเรือนร่างของเจ้าจะสมบูรณ์แบบเหมือนกับชื่อเสียงของเจ้าหรือไม่”
ปลายมีดแหลมยกผ้าบางๆของซ่างกวนหมิงหลางขึ้น เพียงแค่กู้ชูหน่วนออกแรงเล็กน้อย ผ้าบางๆชุดนั้นก็จะต้องถูกเลิกออกไปเป็นแน่
ใต้ผ้าโปร่งบางไม่มีเสื้อผ้าใดๆ ก็เท่ากับว่าทั้งร่างกายของซ่างกวนหมิงหลางก็จะแสดงอยู่ต่อหน้ากู้ชูหน่วนแล้ว
ไม่ว่าซ่างกวนหมิงหลางจะสงบนิ่งเพียงใด แต่การหายใจก็เร็วขึ้นมาก
เขากำลังเดิมพัน เดิมพันว่ากู้ชูหน่วนจะไม่ไร้ยางอาย ถึงขั้นเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออก
แต่ทว่าเขาเดิมพันผิดไปแล้ว
กู้ชูหน่วนกะพริบตาโดยตรง ปลายมีดยก ผ้าโปร่งบางก็ถูกยกขึ้นโดยตรง
สีหน้าของซ่างกวนหมิงหลางเปลี่ยนไปทันที คิดจะปิดบังไว้ด้วยสัญชาตญาณ แต่ทั้งร่างกายกลับขยับไม่ได้
เขาไม่กล้ามองหน้ากู้ชูหน่วนตรงๆอย่างแท้จริง
บรรยากาศควบแน่นขึ้น ซ่างกวนหมิงหลางรู้สึกเพียงแค่หัวใจของตัวเองเต้นเร็วขึ้นไม่หยุด
รออยู่เป็นเวลานาน ก็ไม่มีเสียงและการเคลื่อนไหวของกู้ชูหน่วน
ซ่างกวนหมิงหลางลืมตาขึ้นด้วยความสั่นเทา
ที่เข้าสู่สายตาคือแววตาอันเย็นยะเยือกของกู้ชูหน่วน
ดวงตาคู่นั้นไร้ความรู้สึก เย็นชาจนทำให้คนหวาดกลัว
เคลื่อนสายตาลงไป เขาเห็นว่าผ้าโปร่งบางถูกตัดขาดแค่ช่วงท่อนบนเท่านั้น ที่เหลือยังอยู่ดี นับว่ายังไว้หน้าเขาเล็กน้อย
“ความอดทนของข้ามู่หน่วนมีขีดจำกัด ไม่กล้ารับรองว่าครั้งต่อไปจะกรีดออกทั้งหมดหรือไม่”
มีดของนางวาดบนลำตัวของเขาสองสามครั้ง ซ่างกวนหมิงหลางสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ข้าไม่รู้จริงๆว่าใครเป็นคนฆ่าล้างตระกูลมู่”
“กริดเล่มนี้คมเป็นอย่างมาก เจ้าว่า มันจะเอนเอียนโดยไม่ระวัง กรีดให้ผิวหนังของเจ้าทะลุ หรือว่ากรีดใบหน้าอันงามสง่าของเจ้าเสียหายหรือไม่? หากว่าใบหนาอันงามสง่าเช่นนี้กลายเป็นคนอัปลักษณ์ผู้หนึ่ง เจ้าว่าคนใต้หล้านี้จะครหานินทาเจ้าว่าอย่างไร?”
“ไร้ยางอาย”
“หึ เจ้าอยากรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าไร้ยางอายอย่างแท้จริงเหรอ? ก็ได้ เช่นนั้นข้าก็จะแสดงให้เจ้าดู”
ปลายมีดของกู้ชูหน่วนพลาดลงไปตรงทรวงอกของเขา ค่อยๆวาดลงไปด้านล่าง
ทุกที่ที่นางวาดลงไป ร่างกายของซ่างกวนหมิงหลางก็ยิ่งสั่นเทาไม่หยุด
เขาไม่กลัวว่ากู้ชูหน่วนจะกรีดลงไปบนลำตัวของเขาสักกี่มีด
ถูกกรีดซะก็ดี อย่างน้อยจักรพรรดินีเห็นแล้วก็จะได้รู้สึกรังเกียจ เขาก็ยังสามารถรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้
แต่บังเอิญ…….
กริดของกู้ชูหน่วนดันไปค้ำไว้ตรงจุดที่ไม่ควรค้ำที่สุด
เขาไม่มีทางจะสงบนิ่งได้โดยสิ้นเชิง กล่าวด้วยความโกรธว่า “หยุดมือ หากว่าเจ้าไม่หยุด ข้าสาบานว่าจะไล่สังหารเจ้าให้ถึงที่สุด”
เขาไม่กลัวว่ากู้ชูหน่วนจะกรีดลงไปบนลำตัวของเขาสักกี่มีด
ถูกกรีดซะก็ดี อย่างน้อยจักรพรรดินีเห็นแล้วก็จะได้รู้สึกรังเกียจ เขาก็ยังสามารถรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้
แต่บังเอิญ…….
กริดของกู้ชูหน่วนดันไปค้ำไว้ตรงจุดที่ไม่ควรค้ำที่สุด
เขาไม่มีทางจะสงบนิ่งได้โดยสิ้นเชิง กล่าวด้วยความโกรธว่า “หยุดมือ หากว่าเจ้าไม่หยุด ข้าสาบานว่าจะไล่สังหารเจ้าให้ถึงที่สุด”
“คนทั้งโลกหล้าล้วนกำลังไล่สังหารข้า มีเจ้าเพิ่มอีกคนก็ไม่มาก ขาดเจ้าไปคนหนึ่งก็ไม่น้อย ซ่างกวนหมิงหลาง เจ้าคิดให้ดี หากว่ามีดเล่มนี้ของข้าเบี่ยงไปโดยไม่ระวัง เจ้าก็ต้องเป็นขันทีแล้วล่ะ”
“มู่หน่วน เจ้าจะมากเกินไปแล้ว”
“เจ้าควรรู้สึกโชคดี ที่เมื่อครู่ข้าไม่ได้เอาผ้าโปร่งบางทั้งหมดของเจ้าออกไป”
“เจ้า……”
“สาม…….”
กู้ชูหน่วนขี้เกียจพูดพร่ำกับเขา
จากดวงตาอันเคร่งขรึมเฉียบคมของนางสามารถมองออกได้
นางไม่ได้ล้อเล่น
หากว่าซ่างกวนหมิงหลางไม่พูด ชีวิตนี้ของเขาก็จะกลายเป็นขันทีไปโดยสมบูรณ์แล้ว