ในทวีปตะวันออกอันยิ่งใหญ่ทุกคนจะสัญจรกันด้วยรถลาก มีเพียงตระกูลที่ร่ำรวยเท่านั้นที่จะสามารถซื้อรถยนต์ได้ แต่รถยนต์ที่พวกเขามีเป็นรถโบราณ
มาร์คัสขับรถที่พาพวกเขาออกอกเมือง คนของเขาตามติดหลังรถอย่างใกล้ชิด
จีเวลรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้นั่งอยู่ในรถ แม้ว่าเธอจะเติบโตในทวีปตะวันออกอันยิ่งใหญ่ มันคือครั้งแรกของเธอที่ได้ขึ้นรถแม้ว่ามันจะเป็นรถโบราณก็ตาม เธอสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับรถยนต์เป็นอย่างมาก
“รถคันนี้มันมหัศจรรย์จริง ๆ คุณชาย” จีเวลอดที่จะขบขันไม่ได้ เธอจ้องมองไปที่พวงมาลัยอย่างไม่กระพริบตา “แค่ห่วงนั้นก็บังคับได้ทุกอย่าง เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวารวดเร็วทันใจ”
จีเวลนั้นน่ารักน่าเอ็นดู
แดร์ริลหัวเราะขณะเขาลูบหัวจีเวล “ไว้สักวันฉันจะซื้อให้เธอขับ รับรองว่าเธอจะต้องสนุกแน่นอน”
รถโบราณเคลื่อนที่ช้าราวกับหอยทาก
‘ฉันจะพาเธอไปดูรถที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกทันทีที่เรากลับไปจักรวาลโลกได้ รถคันนั้นมันเร็วจริง’ แดร์ริลคิด
จีเวลส่ายหัวและกล่าวเหนียบอาย “คุณชาย ฉันคงควบคุมได้แค่รถม้าแต่รถยนต์คงไม่ไหว เมื่อไหร่ที่คุณมีรถยนต์และได้ขับมันแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปนั่งข้าง ๆ คอยรับใช้คุณเอง”
แดร์ริลหัวเราะเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาลูบหัวจีเวล
ในเวลาต่อมา ในวันนี้พระอาทิตย์ลับฟ้าไปก่อนที่พวกเขาจะมาถึงภูเขา มาร์คัสจอดรถและหันกลับไปหาแดร์ริล เขาฉีกยิ้ม “ท่านอาจารย์ ผมพาท่านมาได้แค่เท่านี้ หลังจากข้ามเขาลูกนี้ไปแล้ว เดินต่อไปที่ทิศตะวันตกและท่านก็จะเจอกับสำนักกระบี่”
ขณะที่มาร์คัสกล่าว รอยยิ้มของเขาก็ดูชั่วร้าย
มาร์คัสต้องการจะสังหารแดร์ริลทิ้ง แล้วทำไมเขาถึงอยากจะช่วยแดร์ริล?
สำนักกระบี่ไม่ได้ตั้งอยู่หลังภูเขาลูกนั้น
แต่ด้านหลังของภูเขาลูกนั้นคือ ผาปราบพยัคฆ์
ส่วนหน้าของภูเขาที่อยู่เบื้องหน้าแดร์ริลนั้นดูเรียบและกว้างขวาง แต่อีกด้านหนึ่งมันเต็มไปด้วยความลาดชันมันจึงได้ชื่อว่าผาปราบพยัคฆ์ แม้แต่เสือที่ทรงพลังก็พลัดตกลงมาจากภูเขาได้อย่างง่ายดายอย่างไม่มีโอกาสรอด ตามชื่อของหน้าผา
สามารถบอกได้เลยว่ามันเป็นหนทางแห่งความตาย
มันเป็นช่วงดึกดังนั้นการมองเห็นของคนจะบกพร่อง ตราบใดที่แดร์ริลยังดั้นด้นปีนข้ามภูเขาทั้งสองลูกไปเขาจะต้องลงหลงกลเข้าไปในหุบเขาอย่างแน่นอนเพราะเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
ไม่ว่าร่างกายของเขาจะทรงพลังแค่ไหน ตัวของเขาจะต้องแหลกเป็นชิ้น ๆ อย่างแน่นอน
‘ไม่ว่าใครหน้าไหนที่มาเอาเปรียบคู่หมั้นของฉัน มันจะต้องตกเหวตายห่า’ มาร์คัสรู้สึกปลื้มใจขณะเขาคิดเช่นนั้น
“งั้นนายก็กลับบ้านได้แล้ว” แดร์ริลลงจากรถ เขาจูงมือจีเวลเดินมุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขา
เมื่อเงาของแดร์ริลและจีเวล ค่อย ๆ เลือนหายเข้าไปในป่าอันมืดมิด มาร์คัสก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายและโบกมืออำลา “เอาล่ะ กลับกันเถอะ”
หลังจากเขากล่าวจบ เขาก็รีบขับรถออกไปนำคนของเขากลับบ้าน
แดร์ริลและจีเวลเดินฝ่าเส้นทางที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปในหุบเขา แต่แดร์ริลสังเกตุเห็นว่าภูเขาลูกนี้ไม่มีร่องรอยของการสัญจรเลย ทุกหนแห่งมีเพียงแค่พุ่มไม้รกรุงรัง มันเห็นได้ชัดว่าไม่เคยมีคนใช้เส้นทางนี้
ซวย!
‘ไอ้มาร์คัสมันตั้งใจจะหลอกให้เรามาผิดทางหรือเปล่า?’ แดร์ริลคิดอยู่ในใจ
ทันใดนั้นจีเวลก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ และก็ไม่พบกับร่องรอยของมุนษย์เลยแม้แต่น้อย เธอเริ่มหวาดผวา เธอคว้าแขนของแดร์ริลและกอดไว้แน่น “มันจะมีสัตว์ป่าอยู่ที่ไหม คุณชาย?”
แดร์ริลหัวเราะและหยอกล้อ “น่าจะมี ฉันคิดว่ามันคงจะอยากกินเนื้อคน เธอกลัวงั้นเหรอ?”
จีเวลพูดไม่ออกอยู่สักพักจนเธอตอบกลับอย่างไม่ลังเล “ฉันไม่กลัว ฉันจะปกป้องคุณชาย”
ในขณะนั้น แดร์ริลพยายามที่จะหาทางลงจากภูเขา อย่างไรก็ตาม มันก็มืดเกินไปและเขามองเห็นไม่ค่อยชัด
ทันใดนั้น จีเวลก็ก้าวเท้าพลาด เธอกรีดร้องขณะที่กำลังจะสูญเสียการทรงตัวและร่วงหล่นจากหน้าผา!