เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 71 ระบบ แกกลิ่นปากแรงมาก

บทที่ 71 ระบบ แกกลิ่นปากแรงมาก

บทที่ 71 ระบบ แกกลิ่นปากแรงมาก

ระบบเล่าสถานการณ์โดยรวมให้ฟังแล้ว ฟางหนิงถึงค่อยกล้าสังเกตความเคลื่อนไหวข้างนอกผ่านมุมมองระบบ

ระบบไม่อาจอธิบายลักษณะของปีศาจได้ มองโดยละเอียดแล้วค่อนข้างคล้ายกับหมอกหนากลุ่มหนึ่ง รูปร่างเปลี่ยนแปลงเป็นระยะ มิน่าล่ะมันถึงอธิบายไม่ถูก

หมอกกลุ่มนั้นหยุดนิ่งอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุดท้ายก็พูดเบาๆ “พลังปราณคุ้มร่างนั้นเจ๋งขนาดนี้เชียวหรือ”

พูดจบสัตว์ประหลาดก็จากไปอย่างเงียบเชียบ

เวลานี้เอง ในห้องของฟางหนิง ระบบโยนมนุษย์กลไกตัวแทนลงวางบนเตียงให้แกล้งนอนหลับ แล้วเปลี่ยนเป็นอัศวิน A ติดตามออกไป

ฟางหนิงไม่ได้ให้ระบบเลือกแปลงโฉมเป็นคนอื่น เพราะเมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นมังกร ยังมีคนที่มองออกว่านั่นคืออัศวิน A อาจจะทำให้เรื่องแย่ลง

ปีศาจที่เห็นเหมือนหมอกนั้นลอยไปมา สุดท้ายมันก็เข้าไปในห้องหนึ่ง ห้องนี้อยู่ในหอพักเดียวกับฟางหนิงและยังอยู่ชั้นสองเหมือนกัน

ฟางหนิงครุ่นคิด ที่นี่น่าจะเป็นห้องของชายคนนั้นที่ชื่อเจิ้งเต้า

เพราะอีกฝ่ายมีคุณสมบัติฝึกฝนสูงที่สุด เขาจึงคอยจับสังเกต หลังกินอาหารกลางวัน อีกฝ่ายเข้าไปในห้องเพื่อพักผ่อน ตอนนี้ความสามารถในการจดจำของฟางหนิงเพิ่มขึ้นแล้ว เขาสามารถจดจำรายละเอียดที่เกิดขึ้นในวันนี้ได้ชัดเจน

ภายในห้อง เจิ้งเต้าสวมชุดนอน คลุมผ้าห่มกำลังหลับสบายอยู่บนเตียง ท่าทางดูปกติมาก

ตอนนั้นเอง ระบบจึงเอ่ยขึ้น

ระบบ “ปีศาจหายไปอีกแล้ว”

ฟางหนิง “เป็นไปได้ยังไง”

พอเขาดูแผนที่ระบบ ก็พบว่าจุดสีแดงหายไปแล้วจริงๆ ใกล้กันนั้นมีเพียงจุดสีเหลืองของเจิ้งเต้า แต่จุดสีเหลืองนี้ผสมกับสีขาว

เห็นชัดว่าเจิ้งเต้าไม่ใช่ปีศาจ ฟางหนิงเองก็ประหลาดใจ ไม่เคยมีปีศาจที่ระบบเจอแล้วยังหลุดหายไปอีกครั้งได้

เมื่อครู่เขาจับตามองหมอกประหลาดพวกนั้น ก็คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะหายไปตอนพวกเขาเข้าไปในห้องนี้ ตอนนี้การแจ้งเตือนระบบปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ระบบใช้สล็อตพลังปราณระดับสองและสล็อตความโกรธระดับหนึ่ง ระบบเปิดใช้งานทักษะที่ลึกซึ้ง ‘เนตรปีศาจ’ อานุภาพ ‘เนตรปีศาจ’ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระบบได้รับผล ‘มุมมองจริง•สูง’ ต่อเนื่องหนึ่งชั่วโมง ระบบพบทางเข้าที่ซ่อนอยู่ไปยังพื้นที่แตกต่าง

ฟางหนิงตกใจเมื่อมองผ่านมุมมองระบบก็เห็นฉากแปลกประหลาด

เขาเห็นว่าด้านบนของเตียงที่เจิ้งเต้านอนอยู่ มีประตูแสงสีขาวลอยกะพริบรางๆ ด้านในประตูคือโพรงดำมืด

ตอนนี้ระบบก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ระบบสัมผัสได้ถึงไอปีศาจในประตูนั้น”

ฟางหนิงดูแผนที่ระบบ จุดสีแดงนั้นมีสีดำเข้มอยู่ด้วย ตำแหน่งทับซ้อนกับประตูพอดี

ฟางหนิง “ดูแล้วต้องเข้าไปในประตูนั้นถึงจะได้”

ถ้าหากเล่นเกม RPG ฟางหนิงต้องบันทึกข้อมูลไว้แน่ๆ พุ่งเข้าไปโดยไม่หันกลับมา น่าเสียดายที่ความจริงไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้ เขาต้องระวังหน่อยแล้ว

ฟางหนิง “งั้นปีศาจแข็งแกร่งแค่ไหน”

ระบบ “ระบบฆ่ามันได้ในชั่วอึดใจ”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “ระบบ แกกลิ่นปากแรงมาก อย่างลืมแปรงฟันเยอะๆ ล่ะ เข้าไปจัดการมันเลย”

อัศวิน A กดหน้าต่างเบาๆ ให้เปิดออก หลังจากนั้นวิญญาณก็เหมือนลอยเข้าไปในประตูที่กะพริบนั่น ตลอดเวลานั้นเจิ้งเต้าที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย เขาไม่แม้แต่จะพลิกตัว

หลังจากอัศวิน A เข้าไปแล้ว ฉากทั้งหมดก็เปลี่ยนแปลงทันที

เบื้องหน้าคือพื้นที่รกร้างว่างเปล่า สว่างไสว และเวิ้งว้าง มีเพียงหินประหลาดตั้งตระหง่านรอบๆ ไม่ไกลนัก เขามองเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังนอนอยู่

ฟางหนิงมองไปก็เห็นคนที่ตัวเองคุ้นเคยทั้งประธานจ้าว ตาอ้วนหลิว ยังมีครูฝึกสวี่ และเว่ยเซี่ยที่เพิ่งรู้จักวันนี้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ต้อนรับฉายวิดีโอการสอน ทั้งหมดเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับสโมรสฝึกบำเพ็ญเศรษฐีที่ก่อตั้งใหม่ คนที่ขาดไปก็มีแต่เจิ้งเต้าที่เมื่อครู่นอนอยู่บนเตียงในห้อง

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือหลังจากกวาดสายตามองรอบหนึ่งแล้ว มนุษย์กลไกตัวแทนที่ระบบเพิ่งวางไว้บนเตียงก็อยู่ในกลุ่มคนนั้นด้วย

“ดูแล้ว นี่ไม่น่าจะใช่ภาพจินตนาการ” ฟางหนิงดูผ่านมุมมอง เมื่อแน่ใจแล้วจึงพูดขึ้น

ระบบ “แน่นอนว่าไม่ใช่ ระบบเห็นชัดเจน หลังจากที่พวกเราเข้าไปในพื้นที่นี้ พวกเขาก็ปรากฏตัวทันที ดูเหมือนจะถูกลากเข้ามา”

ฟางหนิงประหลาดใจ “นี่มันไม่ใช่การถ่ายโอนข้ามพื้นที่เหรอ แต่นั่นคือความสามารถในตำนาน ระบบอย่างนี้เราจะไม่แย่เหรอ”

ระบบ “ไม่ต้องกังวลหรอก ปีศาจแค่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ขอแค่มันกล้าโผล่หน้าออกมา พวกเราก็ฆ่ามันได้ในชั่วอึดใจ”

ฟางหนิง “ดีๆ ค่อยโล่งใจหน่อย”

ตอนนี้เอง กลุ่มคนที่นอนบนพื้นก็เริ่มรู้สึกตัว อัศวิน A รีบเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังหินก้อนหนึ่ง ไม่ให้พวกเขามองเห็น แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะเป็นการยากที่จะอธิบายว่าทำไมอัศวิน A ถึงมาโผล่มาที่นี่ได้ หากไม่มีความจำเป็นก็ซ่อนตัวทำงานในที่ลับจะสะดวกกว่า

“ที่นี่คือที่ไหน เมื่อกี้ฉันเพิ่งฝันร้าย แล้วทำไมจู่ๆ ถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ หรือว่าฉันยังไม่ตื่น” ตาอ้วนหลิวงงงัน จากนั้นก็มองไปรอบๆ เขาพบว่าไม่ไกลนักยังมีประธานจ้าวที่ยังงุนงงอยู่เช่นเดียวกัน จึงเดินเข้าไปหยิกแขนของอีกฝ่ายเต็มแรง

“บ้าเอ้ย ตาอ้วนแกคิดจะทำอะไร” ประธานจ้าวรู้สึกตัวก็เห็นมืออวบอ้วนของตาอ้วนหลิวกำลังหยิกแขนของตน

“ฉันอยากรู้ว่ายังฝันอยู่หรือเปล่าน่ะสิ”

“แกอยากรู้ว่าตัวเองฝันอยู่ไหม ก็หยิกตัวเองสิ จะมาหยิกฉันทำไมกัน”

“อ้อ เพราะฉันรู้สึกว่านี่ไม่เหมือนฝันสักนิด ถ้าหยิกตัวเองก็เจ็บสิ ตอนนี้เห็นแกร้องโอดโอยขึ้นมาจริงๆ อย่างนี้ ไม่ใช่ฝันแน่ เพราะในฝันทุกครั้งที่ฉันหยิกแก แกจะไม่พูดอะไรแต่เข้ามาตบฉันต่างหาก”

ประธานจ้าวไม่อยากเถียงด้วย เขาลุกขึ้นยืน

เมื่อเห็นว่า ‘ฟางหนิง’ กำลังยืนมองไปรอบๆ ก็ร้องเรียก

“เสี่ยวฟาง มาทางนี้”

‘ฟางหนิง’ รีบเดินเข้าไปทันที “คุณลุงทั้งสองไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”

ประธานจ้าวนวดศีรษะ “เมื่อกี้เหมือนฝันร้าย จู่ๆ ก็มาโผล่ที่นี่ อย่าเจอเรื่องเหนือธรรมชาติอะไรอีกเลย แต่เธอไม่ต้องตกใจนะ ตอนมาป้าของเธอให้ยันต์คุ้มครองมาสองชิ้น เอาไปชิ้นหนึ่งสิ”

พูดแล้วประธานจ้าวก็ถอดสร้อยคอแล้วยื่นให้ฟางหนิง

‘ฟางหนิง’ รับสร้อยมาด้วยความรู้สึกแปลกใจ มันแขวนเครื่องรางทองแดงอยู่ด้านล่าง ด้านบนมีงูขดอยู่ แต่ดูเหมือนมังกรเขาเดียวมาก บนหัวมีเขาและมีกรงเล็บอยู่ที่ท้อง

ตาอ้วนหลิวได้แต่มองด้วยความอิจฉา เขาลูบอกตัวเองที่สวมไว้แค่ชุดนอนเท่านั้น

แต่แล้ว ‘ฟางหนิง’ กลับส่งยันต์นั่นให้ตาอ้วนหลิว “อันนี้ให้คุณลุงหลิวใช้เถอะครับ ในเมื่อผมเป็นผู้มีความสามารถพิเศษ จิตใจแข็งแกร่ง ไม่กลัวสัตว์ประหลาดพวกนี้หรอก”

ตาอ้วนหลิวซาบซึ้งมาก ไม่พูดอะไรเพียงแต่ตบไหล่ ‘ฟางหนิง’ เบาๆ ทั้งหมดนี้ไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด

ประธานจ้าวกลับมีสีหน้าภาคภูมิใจ ในช่วงเวลาประหลาดที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยันต์คุ้มครองอาจจะหมายถึงชีวิต ว่าที่ลูกเขยของตัวเองทำอย่างนี้ ต่อไปคงไม่ต้องกังวลเรื่องในอนาคตแล้วอีกแล้ว

ฟางหนิงที่ซ่อนตัวอยู่ไกลออกไปเห็นเหตุการณ์นี้เข้า ก็นึกไม่ถึงว่าจะได้รับความรู้สึกดีจากประธานจ้าวและตาอ้วนหลิวโดยไม่ตั้งใจไปด้วย

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากทำจริงๆ เพียงแต่เขารู้สึกว่ามนุษย์กลไกตัวแทนจะเรียกคืนเมื่อไรก็ได้ ระบบเองก็อยู่ใกล้ๆ ตาอ้วนหลิวจะพูดอย่างไรก็เป็นคนคุ้นเคย และยังเป็นเพื่อนซี้ของประธานจ้าว จะไม่สนใจก็ไม่ได้

…………

ขณะเดียวกัน ในห้องพักของเจิ้งเต้า จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งกรูเข้ามา

กลุ่มคนที่เข้ามามีทั้งหมดสามคน ถ้าหากอัศวิน A ยังจับตาดูอยู่ข้างนอกเหมือนเมื่อครู่ น่าจะดูออกว่าสองคนคือพี่น้องตระกูลเฉียว

และยังมีอีกคนหนึ่งเป็นผู้หญิง ท่าทางเย็นชา รูปร่างสง่างามสวมชุดกี่เพ้าสีฟ้าสดใส แม้ว่าฤดูหนาวในภาคเหนือจะใกล้เข้ามาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่หวั่นต่อความหนาวเย็น

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มชายชุดดำที่ได้รับการฝึกอบรมอย่างดีและมีอาวุธครบมือติดตามมาด้วย

เฉียวจื่อซานเข้ามาแล้วก็รีบเปิดพลังปราณแผ่คลุมร่างของเจิ้งเต้าที่หลับสนิท

ทว่าพลังปราณนั้นกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ นั่นทำให้เขาขมวดคิ้วแน่น

เฉียวจื่อเจียง “อะไรกัน พลังปราณของพี่ไม่ตอบสนองอะไรกับมนต์ดำที่เพิ่งปรากฏขึ้นเหรอ”

เฉียวจื่อซาน “พี่รู้สึกได้ว่าพลังปราณตอบกลับเล็กน้อยเท่านั้น แต่กลุ่มคนที่หายตัวไปแน่ชัดว่าไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว ปีศาจนั่นก็ไม่ได้อยู่เช่นกัน ถึงได้ไม่มีการตอบสนอง น้าไห่ว่าควรทำอย่างไรกันดี”

ขณะที่เขาพูดก็ปลุกเจิ้งเต้าที่หลับสนิทให้ตื่นขึ้น

เจิ้งเต้าใส่ชุดนอนลุกขึ้นมาด้วยท่าทางสงบ และยังมีใจจัดเสื้อนอนที่ยับยู่ยี่ ราวกับรู้ล่วงหน้าการมาถึงของคนกลุ่มนี้อยู่แล้ว

น้าไห่ที่เฉียวจื่อซานเรียกเมื่อครู่ก็คือหญิงสาวท่าทางสง่างามและเย็นชาคนนี้ เธอคือไห่หลาน หรือก็คือเจ๊ใหญ่ของ “เนตรสีแดง” ไห่เฉิง

ไห่หลานแววตาเย็นชา เอ่ยปากถามตรงๆ “พูดมาเถอะ เจิ้งเต้า คุณเป็นแค่นักจิตบำบัดที่ได้ปลุกความสามารถพิเศษ แล้วทำไมถึงได้เรียกปีศาจร้ายออกมา”

เจิ้งเต้าใบหน้างงงัน “คุณผู้หญิงคนนี้ตัดสินตามความคิดตัวเองแล้ว เอาหลักฐานออกมาก่อนสิ ผมเคารพกฎหมายมาตลอด แม้แต่ไฟแดงยังไม่เคยฝ่า”

ไห่หลานกอดอกพลางส่ายหน้า “พวกเราคือสำนักสัจธรรม ไม่ใช่องค์กรรักษาความสงบ ขอแค่พิสูจน์ได้ว่าคุณเกี่ยวข้องกับเรื่องพิเศษที่ไม่ใช่ขอบเขตของคนธรรมดา เราก็ต้องใช้ขั้นตอนเด็ดขาด คุณไม่ต้องบ่ายเบี่ยงหรอก เห็นได้ชัดว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา ทำไมถึงกล้าหาญอย่างนี้ แถมยังกล้าลงมือที่นี่ตั้งแต่วันแรก”

เจิ้งเต้าฟังถึงตรงนี้ก็ไม่โต้แย้ง เพียงแต่ยักไหล่เผยยิ้มจนใจ “เอาล่ะผมไม่อยากถูกทรมาน ในเมื่อผมบริสุทธิ์จริงๆ ผมจะเล่าให้ฟังละกัน มันยาวหน่อย ผมจะพยายามพูดให้เข้าใจง่ายๆ”

ทั้งสามต่างจ้องมองเขา

เจิ้งเต้า “ผมเป็นนักจิตบำบัด และไม่ใช่คนโง่เง่า ถ้าหากผมทำจริงๆ ย่อมไม่เลือกลงมือที่นี่แน่นอน แถมยังทำตั้งแต่วันแรกด้วย ที่จริงผมกลายเป็นโฮสต์ของปีศาจตนหนึ่ง พวกคุณคงรู้จักปีศาจประเภทนี้ดี…

วิดีโอการสอนเรื่องแรกที่พวกคุณฉายในวันนี้ก็คือประเภทเดียวกับมัน เพียงแต่มันแข็งแกร่งกว่าในบางด้าน ไม่ใช่แค่ดึงสติสัมปชัญญะของคนเข้าไปในความฝัน แต่สามารถทำให้คนเข้าไปอยู่ในโลกของมันได้ด้วย ตอนนี้พวกคุณคงจะพบว่ามีคนหายตัวไป งั้นก็ไม่ต้องตามหาแล้ว พวกเขาถูกดึงเข้าไปอยู่ในพื้นที่ปีศาจร้ายตัวนั้น”

ไห่หลานได้ยินก็รีบถามต่อด้วยความกังวล “งั้นในพื้นที่ปีศาจร้ายมีอันตรายอะไรไหม”

เจิ้งเต้าจนปัญญา “ผมบอกได้แค่เท่าที่ตัวเองรู้ ที่นั่นไม่มีอันตรายอะไร แต่ผมก็ไม่รับรองหรอก โดยพื้นฐานปีศาจตนนี้ไม่มีความสามารถในการโจมตี เพียงแต่ว่าในพื้นที่นั้นว่างเปล่า พอเข้าไปแล้วอย่างน้อยหนึ่งเดือนถึงจะออกมาได้ ถ้าหากมันใช้พลังก็อาจจะนานกว่านั้น แน่นอนว่าที่นั่นไม่เหมือนกับที่นี่ ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ที่นั่นก็ยังเป็นเวลาเพียงชั่วครู่ แต่หากปีศาจนั่นเจอกับศัตรูแข็งแกร่งในโลกนี้ก็จะเลือกพาศัตรูขังไว้ที่นั่น”

“อะไรนะ” ทั้งสามคนตกตะลึง ตอนนี้มีคนถูกขังที่นั่นเกือบสามสิบกว่าคน พวกเขาถูกดึงเข้าไปขณะนอนหลับโดยไม่ได้พกอะไรไปด้วยเลย

ถ้าหากเป็นจริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด อย่างน้อยที่สุด หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เกรงว่าในสามสิบกว่าคนที่หายไปนั้น จะมีแค่ครูฝึกสวี่เว่ยหวาที่ทนได้

……………………………………………

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท