บทที่ 72 ตัวร้ายรอดตายเพราะพูดมากก็มี…
เวลานี้เฉียวจื่อเจียงพูดขึ้นเบาๆ “พวกเราคุยกันมาตั้งนาน ยังไม่มีใครออกมา พวกเขาจะตายอยู่ในนั้นไหม ทำไมคุณไม่รีบรายงานแต่แรก”
คนอื่นได้ฟังแล้วต่างก็ส่งสายตาไม่พอใจมองไปที่เจิ้งเต้า
เจิ้งเต้าปาดเหงื่อ คิดในใจ ‘ดูท่าจะถูกคิดบัญชีแน่นอน แต่ถ้าเขาบอกไป ปีศาจร้ายก็จะเปลี่ยนโฮสต์ ส่วนเขาก็คงตายไปนานแล้ว และหลังจากเปลี่ยนโฮสต์แล้ว ปีศาจนั่นต้องทำร้ายผู้คนมากขึ้นแน่ ถึงพูดไป พวกเขาก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี’
ในตอนนี้เขาทำได้เพียงฝืนอธิบายต่อ “ผมไม่มีทางเลือกจริงๆ แค่ส่งต่อความคิดนี้ก็จะถูกปีศาจร้ายนั่นสังเกตเห็น หากดำเนินการใดๆ อีก มันก็สังหารโฮสต์อย่างผมทันที ถ้าเปลี่ยนโฮสต์ใหม่ ผมก็จะไม่มีโอกาสบอกใครทั้งนั้น แต่ที่ผมเพิ่งพูดไป เป็นเพียงข้อมูลที่ผมพอหาได้จนถึงตอนนี้ บางทีครูฝึกสวี่อาจจะฆ่ามันได้ ถึงอย่างไรเขาก็ต้านทานความสามารถพิเศษของผมได้มากทีเดียว”
…
เวลาเดียวกันในพื้นที่ปีศาจร้าย
ฟางหนิง “ปีศาจนั่นออกมาแล้ว ระบบ ให้ฉันดูหน่อย แกจะจัดการมันยังไง…”
ทั้งสามสิบกว่าคนที่ถูกจับตัวไป ได้สติกันหมดแล้ว
พวกคนแก่ต่างมองไปรอบๆ ด้วยความหวังเพื่อหาทางออก
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่แห่งนี้ไม่ได้กว้างมาก มันเหมือนกับหมู่บ้านเล็กๆ ทั่วไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินทั่ว
พวกเขาออกค้นหาทุกหนทุกแห่ง ทั้งเหนื่อยล้าและง่วงนอน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังหาทางออกไม่ได้ ทุกครั้งที่พวกเขาไปถึงจุดสูงสุดก็จะย้อนกลับไปที่กองหินระเกะระกะที่พวกเขาเข้ามานอนแต่แรก
ที่นี่ยังดีมีก้อนหิน แต่ที่อื่นๆ แม้จะสว่างจ้าก็ไม่เห็นแม้แต่หญ้า ผืนดินใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาแห้งแตกระแหง ไม่มีทางที่พืชใดๆ จะเติบโตได้เลย มดสักตัวก็ไม่มี…
จนกระทั่ง…ปีศาจที่คล้ายกับไอหมอกนั้นก็ปรากฏตัวในที่สุด มันลอยค้างกลางอากาศสูงเหนือพื้นสิบกว่าเมตร มองคนที่อยู่เบื้องล่างจากมุมสูง น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความพออกพอใจ
“อย่ามัวแต่คิดให้เปลืองสมองเลย อย่าว่าแต่คนธรรมดาอย่างพวกเจ้า ต่อให้ผู้แข็งแกร่งแท้จริงในโลกของพวกเจ้าย่างกรายเข้ามาที่นี่ ตอนแรกอาจพอทนได้สักเดือนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็จะหิวตายในพื้นที่ว่างเปล่าแห่งนี้ หินพวกนี้คือร่างของผู้แข็งแกร่งที่กลายเป็นหินหลังความตาย…ฮ่าๆๆ!”
สิ้นเสียงปีศาจ ระบบที่ได้ยินคำแนะนำของฟางหนิงก็เริ่มหายใจเข้าลึกแล้ว หน้าอกและท้องพองลม…
เวลานี้ปีศาจก็พูดขึ้นอีก “ต่อให้ผู้แข็งแกร่งอดทนจนถึงตายก็ยังหาทางออกไม่เจอ!! ฮ่าๆๆ…”
ฟางหนิง “เดี๋ยวก่อน…”
ระบบชะงัก
ปีศาจหมอก “มีแค่ข้าตายเท่านั้น พื้นที่นี้ถึงจะพังทลาย…”
มันเพิ่งพูดจบ ทุกคนก็แหงนหน้ามอง ตอนนั้นเองจึงเห็นว่าฝ่ากำหมัดยักษ์กำลังทะยานมาทางด้านหลังของมัน!
ชั่วอึดใจนั้น ปีศาจหมอกพลันหายวับไปจากตรงที่ที่มันเคยอยู่ หมัดนั้นฟาดลงบนอากาศว่างเปล่า ปีศาจหลบไปที่อื่น
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดผู้แข็งแกร่งในหมู่พวกเจ้าก็เริ่มลงมือแล้ว! ดีมาก แต่ไร้ประโยชน์! ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ นอกจากการโจมตีของเจ้าจะครอบคลุมพื้นที่แห่งนี้ ก็ไม่มีทางจะทำร้ายข้าได้!”
ฝ่ามือนั้นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งท้องฟ้าแล้วพุ่งทะยานไปทางปีศาจตนนั้น
ทว่าเป็นอย่างที่ปีศาจพูด ทุกครั้งที่มันกำลังจะถูกจับ มันจะเคลื่อนย้ายไปที่อื่นภายในพริบตา
และหลังจากผ่านไปหลายต่อหลายครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าฝ่ามือยักษ์นั้นเคลื่อนช้าลงอย่างมาก
“ฮ่าๆๆ ข้าลืมบอกไปว่าในพื้นที่นี้ไม่มีพลังชีวิตสวรรค์และโลก! เจ้าใช้ได้เฉพาะพลังกายเท่านั้น เก็บไว้ยืดชีวิตตัวเองเถอะ ยังพอทนต่อไปได้อีกสักสองสามวัน”
สายตาทุกคนมองเจ้าของฝ่ามือ ก็เห็นแต่ใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย
“ข้าเตือนแล้วไง เสียแรงเปล่า จริงสิ เจ้าคิดว่าหมอนี่กำลังช่วยชีวิตพวกเจ้าเหรอ ไม่ใช่สักหน่อย เขาไถ่โทษต่างหาก ฮ่าฮ่า เขาต้องรู้ดี ข้าคือวิดีโอที่พวกเจ้าดูวันนี้ ปีศาจอันตรายประเภทแรกไงล่ะ ตราบใดที่มีคนมายั่วยุโฮสต์ของข้า ข้าจะออกมาฆ่าคนทันที แน่นอนว่าโฮสต์ของข้าไม่อยู่ที่นี่…”
สายตาของทุกคนดูซับซ้อนแต่แล้วก็คิดออกอย่างรวดเร็ว สมาชิกที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ในเวลานี้จะต้องเป็นโฮสต์ของปีศาจร้าย ประจวบเหมาะกับที่เจ้าของมือยักษ์นั่นพูดจาไม่เข้าหูในชั้นเรียนก็ได้โจมตีเขาเข้าแล้ว
สมาชิกเหล่านี้ยังสงวนท่าที ไม่มีใครโวยวาย แต่เมื่อเห็นแววตาเริ่มสิ้นหวังก็รู้ว่าการโวยวายนั้นเป็นเพียงปัญหาเรื่องเวลาเท่านั้น เพราะวิดีโอจนถึงตอนจบไม่ได้บอกวิธีทำลายปีศาจ…
“เดิมทีโฮสต์ของข้าดีมาก เขามีความสามารถพิเศษด้านจิตใจคอยปลอบโยนคนที่อยู่รอบข้าง คนจิตใจดีจะไม่ขัดแย้งกับเขา ข้าแทบไม่ได้ออกมาอาละวาดเลย เขาทุ่มเงินทองที่เพิ่งสะสมมาได้นิดหน่อยจนหมด เพื่อเข้ามาเรียนที่นี่จะได้ขับไล่ข้าไป เขารู้สึกว่าใช้เงินไปเยอะและที่นี่ยังเป็นถิ่นของสำนักสัจธรรม ไม่น่าจะเจอกับปัญหาใหญ่
แต่ครูคนแรกที่เขาพบ คนที่โจมตีข้าเป็นคนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ ความสามารถพิเศษด้านจิตใจของโฮสต์ทำอะไรเขาไม่ได้เลย ตอนที่หมอนี่ยั่วยุข้า โฮสต์ของข้าถูกข้าควบคุมหมดแล้ว มันจึงไม่ยุติธรรมเลยที่พวกเจ้าจะตาย!”
ฟางหนิงได้ยินก็หงุดหงิด “รีบฆ่ามันซะ หาทางออกให้พวกเรารีบออกไปเถอะ หมอนี่พูดจาไร้สาระจริงๆ”
ระบบ “ไม่เท่าโฮสต์หรอก…”
พอพูดจบระบบก็เริ่มสูดลมหายใจลึกอีกครั้ง…
ปีศาจหมอกหลบหนีการโจมตีของฝ่ามือยักษ์ได้หลายครั้ง ในที่สุดฝ่ามือนั้นก็ฝืนไม่ไหวหดเล็กลงแล้วสลายไป เจ้าของฝ่ามือเองก็เหนื่อยจนนอนกองอยู่ที่พื้น
“หมอนี่หัวดื้อเหลือเกิน เจ้าต้องรู้ไว้ว่าพื้นที่นี้ยังมีขีดจำกัด มากสุดก็ยืนหยัดได้ถึงครึ่งปี แต่เวลาภายนอกจะผ่านไปนานที่สุดแค่ไม่เกินครึ่งวัน
ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าฆ่าพวกเจ้าไม่ได้สักคน อาจคิดที่จะประหยัดพลังไว้ ไม่คิดจะฆ่าข้าเพื่อพยายามหาทางออกอีกต่อไป แต่จะคิดหาวิธีอื่นที่จะอดทนผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ น่าเสียดาย ต่อให้ตอนนี้พวกเจ้ารู้แล้ว และต่อให้สงวนพละกำลังไว้ก่อน ไม่มีอาหาร ไม่มีน้ำ และไม่มีพลังชีวิตชดเชย คิดจะทนถึงครึ่งปีนั่นฝันไปเถอะ ผู้แข็งแกร่งคนก่อนที่คิดอย่างนี้ก็กลายเป็นก้อนหินไปแล้ว! ฮ่าๆๆ! ข้าคงได้รับอิทธิพลจิตใจดีมาจากโฮสต์แน่ ถึงได้พูดมากอย่างนี้ ช่วยพวกเจ้าตาสว่างก่อนตาย…”
ระบบหยุดหายใจเข้าอีกครั้ง
ฟางหนิงเซ็ง “นายท่านระบบขอรับ ไหนบอกว่าฆ่ามันได้ในอึดใจไง อย่าบอกนะว่าลมหายใจเดียวของแกครอบคลุมไม่ได้ทั้งพื้นที่”
ระบบ “จะเป็นไปได้ยังไง โฮสต์ยังไม่เคยเห็น ‘มังกรเพลิงคำราม’ อย่าว่าแต่หมู่บ้านเล็กๆ อย่างนี้เลย แค่พ่นลมหายใจออกไป ทั้งเมืองฉีก็สั่นสะเทือนได้แล้ว”
ฟางหนิงโบกมือแสดงว่าไม่เชื่อ “อย่าขี้โม้ให้มันมากนัก แล้วทำไมถึงหยุดซะล่ะ”
ระบบ “ในเมื่อมันเพิ่งคายความลับออกมา ก็อย่าเพิ่งฆ่ามันตายสิ ปล่อยให้มันเก็บพื้นที่นี้ต่อไป พวกเรามีเวลาฝึกฝนมากกว่าคนข้างนอกครึ่งปีไม่ใช่หรือ ตอนนี้ร่างกายของโฮสต์ที่ถูกฉันครองร่างฝึกฝน ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ อายุยืนขึ้นไม่น้อย แก่ขึ้นครึ่งปีในพื้นที่นี้ก็ไม่เป็นไรหรอก”
“ในเมื่อโฮสต์สามารถฝึกฝน ‘คัมภีร์โพธิ์’ ไปถึงขั้นสูง…ช่างเถอะนั่นเป็นต้นฉบับ โฮสต์ฝึกไปแล้วไม่ค่อยได้ผล โฮสต์ฝึก ‘การเปลี่ยนร่างมังกร’ ถึงขั้นเปลี่ยนร่างมังกรขั้นต้นไปเลยดีกว่า แม้ว่ายังไม่ถึงเปลี่ยนร่างมังกรหยวนเสิน แต่ก็ยังพอออกมาช่วยเรื่องเล็กๆ ได้เป็นครั้งคราว ไม่ต้องกังวลไป มีระบบคอยดูอยู่ไม่มีทางเกิดอันตรายอะไร และยังเพิ่มประสิทธิภาพจับปีศาจด้วย”
ฟางหนิงฟังจบก็เหงื่อตก ตัวร้ายน่าจะยินดีที่มันพูดมากบอกความลับทั้งหมดของตัวเองละเอียดลออ
ถ้ามันดูหนังที่สร้างจากนิยายของมนุษย์ อาจได้รู้ว่าคนร้ายหลายคนล้วนตายเพราะปากทั้งสิ้น เวลานี้มันคงถูกระบบฆ่าตายไปแล้ว!
ตอนนี้มันยังอยู่ต่อได้ครึ่งปี ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว!
เป็นไปไม่ได้ที่จะเลี้ยงปีศาจ คิดดูแล้วรู้ว่าพลังของปีศาจมาจากคนที่ตายในโลกนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ฟางหนิงจะทำอย่างนั้น ถ้าหัวหน้าระบบทำอย่างนั้นเองจะต้องสูญเสียคุณลักษณะอัศวินจนหมดแน่
แต่แล้วหลังจากนั้นฟางหนิงก็คิดได้เรื่องหนึ่ง เขาหน้านิ่วคิ้วขมวด “ที่นี่ตัดขาดกับโลกข้างนอก เมื่อกี้ฉันลองดูแล้ว ไม่มีไฟยังไม่กลุ้มใจเท่าไร แต่ไม่มีอินเทอร์เน็ต แกจะให้ฉันทนฝึกอย่างนี้ไปครึ่งปีเหรอ”
ระบบ “ใช่แล้ว อย่างนี้ไม่ดีเหรอ เมื่อก่อนตอนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ระบบรู้ว่าการฝึกฝนของโฮสต์มีประสิทธิภาพขึ้นมากทีเดียว”
ฟางหนิงโวยวาย “แต่ฉันทนไม่มีอินเทอร์เน็ตนานขนาดนั้นไม่ไหวแน่ ต้องขาดใจตาย…”
ระบบ “วางใจเถอะ ระบบเข้าใจมนุษย์อย่างพวกโฮสต์บ้างแล้ว อีกไม่นานจะมีกลุ่มที่ขาดอาหารเปรียบเทียบกับโฮสต์ โฮสต์จะมีความสุขมากที่ทนไปได้ครึ่งปี”
ฟางหนิงถึงได้สติ มองดูกลุ่มคนที่ตกอยู่ในความสิ้นหวัง ก็เข้าใจความคิดของระบบทันที “เลวเอ้ย แกมันคนไม่มีมนุษยธรรม! ให้ฉันทนครึ่งปีก็ได้ ในพื้นที่เก็บความสดของพื้นที่ระบบ นิสัยอย่างแกต้องเก็บอาหารไว้เยอะมากๆ หยิบออกมานิดหน่อยได้ไหม เพื่อให้คนพวกนี้ไม่ต้องอดตาย ในนั้นยังมีว่าที่พ่อตาของฉันกับตาอ้วนหลิวที่เป็นคนคุ้นเคยด้วย”
ระบบ “ถึงโฮสต์ไม่พูด ระบบก็จะให้อยู่แล้ว เพราะมักจะมีเหตุไม่คาดคิด ระบบจึงตุนอาหารไว้ล่วงหน้าเสมอ อย่าว่าแต่ครึ่งปีเลย ต่อให้สามปีห้าปีก็ไม่ใช่ปัญหา และในสถานการณ์อย่างนี้ หากระบบไม่ทำเช่นนั้น คุณสมบัติอัศวินต้องหมดสิ้นแน่นอน…”
ฟางหนิง “ก็จริง ในเมื่อกระเพาะคนสามสิบกว่าคนรวมกันแล้วยังไม่เท่าแกคนเดียว แกยังเป็นคนที่อยู่รอดอันดับหนึ่ง ปริมาณอาหารที่เตรียมไว้ต้องไม่ใช่ปัญหาแน่ๆ”
หลังจากนั้นระบบก็ไม่สนใจปีศาจช่างพูดตนนั้นอีก มันเร่งให้ฟางหนิงฝึกฝนและยอมรับปากกับฟางหนิงว่าจะไม่ให้คนใดคนหนึ่งในกลุ่มนั้นหิวตายหรือป่วยตาย เมื่อมีการรับรองเช่นนี้แล้ว ฟางหนิงก็สบายใจ…
ระบบควบคุมร่างกายของอัศวิน A และเริ่มเก็บตัวฝึกฝนทันที เตรียมฝึกทักษะต่างๆ จนสุดทาง ในเมื่อไม่มีค่าประสบการณ์ยังยืดเวลาได้ แน่นอนมันได้เปิดเธรดเล็กๆ คอยเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวภายนอก
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ไม่นานก็ผ่านไปครึ่งวัน หลายคนรู้สึกหิวกระหายและเริ่มตื่นตระหนกยิ่งกว่าเดิม ปีศาจตัวนี้ไม่ได้โกหกพวกเขาจริงๆ
ปีศาจมองกลุ่มคนพวกนั้นก็ผุดยิ้ม
“ว่ายังไง ข้าจะไม่เสียเวลาหลอกลวงพวกเจ้าที่ได้แต่รอความตายเท่านั้น ให้ข้าลองคิดตอนนี้สิว่าพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ กำลังนึกถึงปาฏิหาริย์จากท้องฟ้าสินะ น้ำแร่ตกลงมาสักสองสามขวดจะดีกว่าไหม ฮ่าๆ เมื่อมนุษย์อย่างพวกเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังมักจะมีความคิดไร้เดียงสาอยู่เสมอ ให้ข้าดูหน่อยใครกันจะเป็นคนแรกที่ร้องไห้ขอให้ข้าช่วย แม้ว่าข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าคนใดคนหนึ่งออกไปแน่นอน ฮ่าๆๆ!”
ทันทีที่มันพูดจบก็มีอาหารตกลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับน้ำแร่อีกสองขวด ถ้าปีศาจเคลื่อนที่หลบไม่ได้ล่ะก็…อาหารและน้ำคงหล่นใส่มันไปแล้ว…
……………………………………………………