เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 134 อัศวิน A ก็แค่นี้เองหรือ

บทที่ 134 อัศวิน A ก็แค่นี้เองหรือ

บทที่ 134 อัศวิน A ก็แค่นี้เองหรือ
ฟางหนิงที่อยู่ในพื้นที่ระบบตกตะลึงอ้าปากค้าง

ฟางหนิง “ระบบ แกขี้เหนียวมากจนต้อง ‘ขโมยประตู’ ไปจริงๆ เหรอ…”

ระบบ “โฮสต์จะบ้ารึไง ไม่มีใครรู้หรอกว่าประตูนี้ต่างหากที่เป็นสมบัติล้ำค่า รางวัลของราชาอันดับมืด 100 ล้านเหรียญสหรัฐและสิทธิ์ใช้เกาะสวรรค์พวกนั้นไม่แน่ว่าจะดีกว่ามันสักเท่าไหร่”

ฟางหนิง “ลุงของฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินสมบัติ แกบอกว่ามันเป็นสมบัติที่มีค่าฉันเชื่อแน่ แต่แกจะกลายเป็นอัศวินขี้ขโมยน่ะสิ ขโมยของของคนอื่นอย่างนี้ไม่กลัวเสียคุณสมบัติอัศวินเหรอ”

ระบบ “อย่างนี้จะเรียกว่าขโมยได้ยังไง ประตูของพวกเขาขอตามระบบมาเอง ระบบช่วยคนจากหายนะ ต้องเพิ่มคุณสมบัติอัศวินต่างหาก”

ฟางหนิงกลอกตามองบน ยอมก้มหัวให้ตรรกะของระบบ “ให้ตายสิ ลืมไปว่าประตูนั่นมีชีวิต! ฉันได้ยินคนที่ประตูบอกว่าเขาจะบอกความลับให้แก แต่เขาใช้วิธีส่งข้อความไร้เสียง ฉันไม่ได้ยิน บอกหน่อยสิเขาพูดถึงความลับอะไรกันแน่”

ระบบตอบกลับ “ความลับคือเขาบอกว่าเขาเป็นนักชิมอาหารชั้นยอด อาหารที่ระบบทำออกมายังมีข้อบกพร่องไม่น้อย วัตถุดิบที่ใช้ก็แย่ ฝีมือทำอาหารและวัตถุดิบยังพัฒนาได้อีกมาก เขาให้คำแนะนำการทำอาหารได้ หรือก็คือมนุษย์กลไกตัวแทนโฮสต์จะสามารถทำอาหารได้อร่อยขึ้น…”

ฟางหนิงพูดไม่ออก “เชื่อก็บ้าแล้ว…”

ระหว่างการสนทนาของหนึ่งมนุษย์กับหนึ่งสมองกล อัศวิน A ที่ “ขโมยประตู” ก็เดินออกจากทางเดินผู้ท้าชิง และปรากฏต่อเบื้องหน้าสายตากว้างใหญ่ไพศาล

เมื่อเห็นภาพเบื้องหน้าแล้ว ฟางหนิงก็ตื่นตกใจ ที่แท้หลังจากก้าวขาออกไปแล้ว อัศวิน A ก็ตัวห้อยโตงเตงกลางอากาศ

โชคดีที่ไม่เกิดเหตุสลดร่วงตกลงไป ฟางหนิงมองโดยละเอียดจากมุมมองของระบบแล้วถึงได้ทราบรายละเอียดทั้งหมด เขารู้สึกนับถือคนออกแบบไม่น้อย

ที่แท้เท้าของอัศวิน A ก็เหยียบลงบนสะพานกระจกโปร่งใส ตัวสะพานแขวนไปจนถึงราวกั้นทำจากกระจก

ปลายสะพานแขวนเชื่อมต่อกับเวทีโปร่งใสลอยตัวใหญ่ยักษ์ ระหว่างสะพานกับเวทีมีประตูบานหนึ่ง หน้าประตูมีโต๊ะเก้าอี้โปร่งใสเช่นกัน ชายสวมชุดสูทท่าทางเคร่งขรึมจริงจังนั่งอยู่ตรงนั้น และยังมีผู้หญิงแต่งตัวสง่างามกลุ่มหนึ่งอยู่ด้วย คาดว่าพวกเขาน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่

เวทีลอยกลางอากาศเป็นราวกับเป็นโดมคว่ำบนพื้นมีลักษณะครึ่งวงกลม

เพียงแต่ว่าพื้นดินและทรงกลมที่นี่ล้วนทำด้วยกระจกใส หากฟางหนิงไม่ได้ใช้มุมมองของระบบแล้ว ตอนที่มาครั้งแรกคงไม่ค้นพบความลึกลับของเวทีนี้

กระจกพวกนี้ไม่มีตรงไหนสะท้อนแสง ไม่ว่ามองจากมุมไหนก็มองทะลุได้หมด ด้านตรงข้ามก็เหมือนกัน นี่ช่างประหลาดมากจริงๆ

เพราะมีความโปร่งใสสูง ฟางหนิงจึงมองไปข้างหน้าได้ง่ายมาก เขาพบว่าอีกฝั่งหนึ่งของเวทีก็มีสะพานแขวนกระจกที่เชื่อมต่อกับทางเดินของผู้ท้าชิงเช่นกัน แน่นอนว่ามันเป็นทางเดินของฝ่ายตรงข้าม

เขามองลงไปที่เวทีอีกครั้ง ครั้งนี้เห็นแต่ที่นั่งผู้ชมด้านล่าง มันค่อนข้างคล้ายคลึงกับที่นั่งผู้ชมในสนามฟุตบอล

ที่นั่งทั้งแบบยืนและนั่งเรียงลดหลั่นกันเป็นแถวๆ แนวโค้งจากต่ำไปสูง น่าเหลือเชื่อเขาพบว่ามีที่นั่งแบบนอนจำนวนมากต่างกระจายอยู่ในตำแหน่งการรับชมที่ดีที่สุด…

น่าเสียดายที่ตอนนี้ที่นั่งยังว่าง ไม่มีใครสักคนเดียว ผู้ชมน่าจะยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามา ไม่รู้ว่าพวกเขารออยู่ที่ไหนกัน แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่ได้เข้าทางเข้าเดียวกับผู้ร่วมแข่งขันแน่นอน

ฟางหนิงวาดแบบจำลองทั้งหมดของเวทีนี้ในหัว มันมีลักษณะทรงกลม ผู้เข้าแข่งขันต่อสู้กันในครึ่งบน ขณะที่ผู้ชมดูการแข่งขันจากด้านล่าง

เขานึกภาพออกแล้วว่าเมื่อการแข่งขันเริ่มต้นขึ้นมันจะเป็นยังไง ผู้วิเศษต่อสู้กันในครึ่งบนนี้ ส่วนผู้ชมที่ซื้อตั๋วยืนต้องแหงนหน้ามองพวกเขา นั่นอาจจะทำให้เมื่อยคอไม่น้อยเลย

แต่ถ้าซื้อตั๋วนั่งก็จะเอนศีรษะพิงเก้าอี้ที่กว้างกว่า ได้เอนหลังชมการต่อสู้ด้วยความสบายกว่ามาก

ส่วนคนที่ซื้อตั๋วนอนได้จะเป็นคนสบายที่สุด เขาจะนอนดูหรือตะแคงดูก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ที่ตำแหน่งไหน

มันแทบจะเหมือนกับการออกไปท่องเที่ยวนอนบนพื้นหญ้าดูท้องฟ้าสีครามและเมฆขาวปุย ขอแค่อย่าเผลอหลับกลางคันจนเสียเงินค่าตั๋วไปเปล่าๆ แน่นอนว่าการต่อสู้ดุเดือดของเหล่าผู้วิเศษ ประกอบไปด้วยเอฟเฟค แสง สี เสียง ย่อมยากที่จะหลับได้ลง…

มันแตกต่างกับสนามกีฬาแบบดั้งเดิมอย่างสนามฟุตบอลโดยสิ้นเชิง ผู้ชมดูการแข่งขันที่กลางสนาม ถ้าพวกผู้ชมไม่พอใจก็โยนผ้าเช็ดหน้าสีขาว ขวดน้ำแร่ ไฟแช็ค มือถือ พลุดอกไม้ไฟ…ลงมาได้

ที่นี่คู่แข่งขันอยู่ด้านบน ขณะที่ผู้ชมต้องมองขึ้นไป…

ถ้าหากการต่อสู้ไม่สนุกก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้าก้มตาลง ถ้าจะโยนของขึ้นไปบนนั้นก็รังแต่จะกระแทกหัวตัวเอง…

ฟางหนิงครุ่นคิดเรื่องความยิ่งใหญ่ของเวที ขณะที่อัศวิน A ยืนนิ่งไม่ขยับ

ตอนนั้นเอง เจ้าหน้าที่สองคนก็เดินเข้ามา

ชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา ผู้ชายเป็นชาวเอเชียที่หน้าตาธรรมดา ส่วนผู้หญิงเป็นสาวผิวขาวขายาวหน้าตาสวยงาม เธอแต่งกายเซ็กซี่ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี

เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง ชายคนนั้นก็หยุดกะทันหัน ราวกับกำลังฟังคำสั่งบางอย่าง

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขากับผู้หญิงก็เดินมาที่อัศวิน A

“สวัสดี ท่านคือท่านเทพมังกรแห่งจิตวิญญาณใช่หรือไม่” ภาษาจีนของชายชาวเอเชียเป๊ะมาก ไม่มีปัญหาเลย

อัศวิน A “ฉันเอง เกมจะเริ่มเมื่อไหร่เหรอ”

ชายชาวเอเชีย “อีกสองชั่วโมงเกมถึงจะเริ่ม คู่ต่อสู้ของคุณมาถึงแล้ว คุณตามเราไปพักผ่อนก่อนครับ”

อัศวิน A “ไปกันเถอะ”

ชายชาวเอเชียรีบทำท่าทาง “มีเรื่องหนึ่งต้องเรียนท่านก่อน ผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านประตูผู้ท้าชิงจะได้รางวัลมูลค่าสูงที่ผ่านเข้าประตู

“เมื่อครู่ท่านเพิ่งเก็บประตูบานนั้นไป ประตูนั้นก็จะต้องเป็นรางวัลการผ่านประตู มิฉะนั้น ขอให้ท่านคืนประตู แล้วเราจะให้รางวัลการผ่านประตูที่แท้จริงแก่ท่าน รางวัลการผ่านประตูนั้นมีค่ามาก ด้วยสถานะผู้ท้าชิงระดับอาวุโสของท่าน เงินสดหลายสิบล้านดอลลาร์ถือว่าเป็นค่าปรากฏตัว นอกจากนี้ยังมีแพ็คเกจของขวัญขนาดใหญ่ ต้องเป็นการเข้าร่วมการแข่งขันครั้งแรกถึงจะได้รับ ต่อไปรางวัลผ่านประตูจะมีแค่ค่าปรากฏตัวเท่านั้น และไม่มีแพ็คเกจของขวัญอีก”

อัศวิน A “งั้นก็ถือว่าเป็น…”

ฟางหนิงได้ยินแบบนั้นก็เห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว ระบบทำอะไรชัดเจนขนาดนั้นกัน คนอื่นไม่ใช่คนโง่ที่จะดูไม่ออกว่าประตูนั่นเป็นสมบัติล้ำค่า

เขารีบบอกให้ระบบหุบปาก จากนั้นก็รีบเรียบเรียงเนื้อหาให้ระบบพูดตาม

หลังจากระบบได้ยินก็ฝืนกลืนคำพูดก่อนหน้าลงไป “จะถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันได้ยังไง รางวัลผ่านประตูก็คือรางวัลผ่านประตูสิ ประตูนั้นเป็นรางวัลของฉัน จะถือว่าเป็นเรื่องเดียวกันไม่ได้เด็ดขาด!

“ฉันติดนิสัย ไม่ว่ารางวัลการต่อสู้จะแย่แค่ไหนก็จะรับหมด ไม่ต้องพูดถึงว่าผู้พิทักษ์ที่ประตูเป็นคนชอบอาหารเหมือนฉันหรอก อีกอย่างเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ไม่ควรจะถูกผนึกที่ประตูตลอดไป ฉันช่วยเขาก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว”

ชายชาวเอเชียฟังแล้วก็จนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไรดี ผ่านไปครู่หนึ่งก็ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนส่งเสียงมาหาเขา เขาฟังจบก็รีบพูดขึ้น “ท่านอัศวินอย่าเพิ่งโกรธเลย ท่านอัศวินเพิ่งมาครั้งแรก พวกเราไม่ได้ชี้แจงกฎให้ชัดเจนก็เป็นความผิดของเราด้วย ประตูบานนั้นให้พร้อมกับรางวัล รางวัลผ่านประตูยังคงให้ตามปกติ”

ระบบยังคงทำตามคำแนะนำของฟางหนิง แสร้งทำเป็นหงุดหงิดมาก “พูดอย่างนี้แต่แรกก็จบแล้ว เสียเวลาของฉันจริงๆ”

เมื่อชายชาวเอเชียเห็นว่าอัศวิน A ทำท่าจะโกรธ เขารีบแจ้งทันทีว่ารางวัลผ่านประตูจะถูกส่งไปยังห้องรับรอง เชิญท่านอัศวินรับรางวัลล่วงหน้าที่นั่น จากนั้นระบบจึงค่อยพยักหน้าให้เขารีบพาไปที่ห้องรับรอง

ทั้งสองคนพาอัศวิน A เดินลงมาจากด้านหนึ่งของสะพานแขวนกระจก ขณะนี้มีบันไดกระจกใสอีก พวกเขาเดินวนเวียนจนในที่สุดก็มาถึงห้องหนึ่งที่ติดป้าย “ห้องพักผ่อนผู้แข่งขัน” เมื่อจัดการอะไรเรียบร้อยแล้วก็กล่าวลา ปล่อยให้อัศวิน A พักผ่อนตามลำพัง

ภายในนี้เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องรับรองหรูหรา เครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมสรรพและตู้เย็นก็เต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่ม

ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็มีเจ้าหน้าที่มาแจกรางวัลผ่านประตูจริงๆ ซึ่งมันคือบัตรทองหนึ่งใบและยังมีกล่องอีกใบหนึ่ง

อัศวิน A ฟังคำอธิบายของอีกฝ่ายอย่างอดทน มีเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐในบัตรถือเป็นค่าปรากฏตัวในรางวัลผ่านประตู ส่วนในกล่องเป็นแพ็คเกจของขวัญที่เข้าร่วมแข่งขันครั้งแรก มีทั้งยาและแร่ รวมถึงของจุกจิกที่เกี่ยวกับการฝึกบำเพ็ญ

เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าตอนนี้การแข่งขันยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ ความสามารถดึงดูดเงินของการแข่งขันจึงจำกัด ยังเทียบกับซูเปอร์สตาร์นักมวยบางคนไม่ได้ แต่ตราบใดที่ข้อจำกัดทั่วโลกถูกยกเลิกในอนาคตแล้ว รางวัลต่างๆ จะสูงกว่าค่าปรากฏตัวมากทีเดียว

อัศวิน A พอใจมากหลังจากได้ยินเรื่องนี้ แล้วขอให้พวกเขาพยายามต่อไป

ระหว่างการสนทนา ชายร่างกำยำผิวคล้ำที่รูปร่างไม่สูงนักก็ผลักประตูพรวดเข้ามา

เขากวาดตามองภายในห้องแล้วพูดกับอัศวิน A ว่า “นายคือคนที่ฆ่าแอนเดอร์สันใช่ไหม ครั้งก่อนแอนเดอร์สันเกือบฆ่าฉันตาย ตลอดหนึ่งปีมานี้ฉันฝึกฝนหนัก คิดจะแก้แค้น นึกไม่ถึงว่าจะถูกนายฆ่าตายแล้ว ฉันอยากจะเห็นหน่อยนายแข็งแกร่งขนาดไหนกัน”

สิ้นเสียงของชายผิวคล้ำ เจ้าหน้าที่อีกคนก็เดินตามหลังเข้ามา

อีกฝ่ายยืนตรงหน้าเขา ยกมือห้ามพลางพูด “คุณหนานคุน ยังไม่ถึงเวลาแข่งขัน ผู้เข้าแข่งขันยังพบหน้ากันไม่ได้ กรุณากลับห้องของคุณไปก่อน ตอนนี้ผู้ชมด้านล่างเริ่มเข้าสู่สนามแล้ว การแข่งขันจะเริ่มในไม่ช้า โปรดอดใจรอ”

“ไปให้พ้น!” หนานคุนถลึงตาใส่แล้วสะบัดมือออก เพียงเท่านั้นเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ลอยไป ศีรษะกระแทกกำแพง!

ปราณแท้นุ่มนวลปรากฏขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่กับกำแพงช่วยชีวิตเขาไว้ เจ้าหน้าที่มองอัศวินด้วยความซาบซึ้ง โชคดีที่เจอกับคนนี้ หากเป็นผู้ท้าชิงคนอื่น เกรงว่าพวกเขาคงจะไม่ใส่ใจว่าตนจะเป็นหรือตาย…

ตอนนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในห้อง

“วันนี้ฉันจะฆ่าแก!”

หลังจากพูดจบ อัศวิน A ก็ไหวตัวมาที่ด้านข้างของหนานคุนแล้วตบหัวของเขาฉาดหนึ่ง

เจ้าหน้าที่ทั้งสองหดตัวลีบ พวกเขาเคยมีประสบการณ์แบบนี้

หนานคุนไม่ได้หลบเลี่ยง ทันใดนั้นรัศมีสีเหลืองเข้มก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาราวกับเปลือกห่อหุ้มตัวเองอยู่ในนั้น

“เปรี้ยง!” เสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนแก้วหู สั่นสะเทือนจนโต๊ะ เก้าอี้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องแทบจะแตกร้าว

หนานคุนรับฝ่ามือได้ตรงๆ สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย อีกฝ่ายส่ายหัวแล้วพูดว่า “ก็แค่นี้เอง พลังโจมตีด้อยกว่าแอนเดอร์สันมาก ฉันหนานคุนชนะการแข่งขันครั้งนี้แน่นอน ราชาอันดับมืดปีนี้เป็นของฉันเท่านั้น!”

หลังจากที่เขาพูดจบก็ผละไป ท่าทางไม่กังวลว่าอัศวิน A จะแอบโจมตีจากด้านหลัง

อัศวิน A ไม่ได้โจมตีเขาจากด้านหลังต่อ เขาพูดกับเจ้าหน้าที่ที่เพิ่งนำรางวัลมาให้เมื่อครู่ “เมื่อกี้คุณยังพูดไม่จบ ตอนนี้ช่วยเล่าต่อหน่อย ‘คริสตัลน้ำแข็งภูเขาหิมะ’ ซื้อได้ที่ไหนเหรอ”

พนักงานคนนั้นก็พูดต่อทันที ส่วนอีกคนตะเกียกตะกายขึ้นมาแล้วเดินตามหนานคุนออกไป แม้ว่าในใจจะทั้งหวาดกลัวทั้งไม่พอใจ แต่เขาก็ยังคงต้องทำงาน

การแข่งขันผู้วิเศษน่าตื่นเต้นและเข้มข้นมาก หากเผยแพร่ออกไปได้จะต้องโด่งดังไปทั่วโลกแน่นอน แต่ใครจะรู้ถึงการทำงานหนักและอันตรายที่อยู่เบื้องหลังการรักษาความสงบเรียบร้อยกัน

เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ผู้วิเศษเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยด้วย เพราะต่อหน้าพวกผู้แข็งแกร่งระดับ A ผู้วิเศษธรรมดาก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา อีกอย่างคนที่ต่อกรกับพวกเขาได้สู้สีจะยอมมาทำหน้าที่แค่เจ้าหน้าที่ระดับล่างงั้นหรือ มีเพียงผู้บริหารระดับสูงบางคนเท่านั้นที่เป็นผู้วิเศษแข็งแกร่งมาก

เว้นแต่ว่าจะมีการสร้างพลังปกป้องที่แข็งแกร่งกว่า พวกเขาถึงจะไม่สร้างปัญหาให้กับเจ้าหน้าที่ทั่วไปได้อีก

หากแต่ตอนนี้มีเรื่องราวเบื้องหลังมากมายในการแข่งขันอันดับมืด และปัจจุบันก็ยังไม่มีการสร้างพลังปกป้องที่เพียงพอจะรับมือกับพวกผู้แข็งแกร่งระดับ A ด้วยเหตุนี้ หนานคุนจึงตรงดิ่งไปยังห้องรับรองของคู่ต่อสู้ได้

……………………………………………………………

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท