เมื่อผมโดนระบบครองร่าง – บทที่ 183 ต้องโทษที่อีกฝ่ายมีความสามารถสูง

บทที่ 183 ต้องโทษที่อีกฝ่ายมีความสามารถสูง

บทที่ 183 ต้องโทษที่อีกฝ่ายมีความสามารถสูง

ณ ห้องทำงานของคณะที่ปรึกษา สำนักงานใหญ่ของสำนักงานสัจธรรมแห่งเสินโจว มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังจัดประชุมฉุกเฉิน

สมาชิกคนหนึ่งกำลังรายงาน “เรียนหัวหน้า ตำแหน่งลองจิจูด XX และละติจูด XX เหนือมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือ จู่ๆ มีกระแสปราณอันทรงพลังและแปลกประหลาดมากปรากฏขึ้นแล้วหายไป จัดเป็นเหตุการณ์พิเศษประเภทที่ 76

เทียนหลัวจับพลังกระแสปราณไว้ได้ เพียงแต่ไม่มีเครือข่ายภาคพื้นดินร่วมมือ จึงทำได้เพียงประเมินระดับความรุนแรงของพลังเบื้องต้นเท่านั้น กำหนดคร่าวๆ ตามเกณฑ์การประเมินทางการเป็นระดับ S ถ้าหากกำหนดตามมาตรฐานการประเมินพลังของตระกูลมังกรคือระดับทะเลสาบครึ่งก้าว ผู้อำนวยการเพิ่งแจ้งให้พวกเราคณะที่ปรึกษาวางแผนรับมือเหตุการณ์พิเศษครั้งนี้”

เหรินรั่วเฟิงได้ฟังแล้วก็ไม่ตกใจและไม่หวาดกลัว เพียงแค่ลูบหน้าพลางครุ่นคิด

อืม ดูเหมือนว่าอัศวิน A จะไม่ได้หลอกฉัน ใช้ ‘ยาเม็ดบำรุงผิว’ แช่ในน้ำสะอาดนำมาล้างหน้า เพิ่งจะใช้มาไม่กี่วัน ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก

นอกจากกระด่างดำบนใบหน้าหายไปบ้างแล้ว แม้แต่ผมขาวยังเริ่มมีผมดำแซมขึ้นมาหลายเส้น สมกับที่เป็นท่านอัศวินรักษาคำมั่นสัญญาจริงๆ ยาเม็ดที่ขายยังได้ผลเสริมด้วย ไม่เหมือนกับบางที่แอบลดคุณภาพทำให้ได้ผลลดลง แถมยังแพงหูฉี่ ทัศนคติแย่มาก

ตอนนี้มีคนกระแอมทีหนึ่ง หัวหน้าทีมเหริน หัวหน้าทีมเหริน”

เหรินรั่วเฟิงหันไปมอง คนที่เรียกเขาคือผู้หญิงใบหน้างามสง่า มีเพียงรอยย่นบริเวณหว่างคิ้วบ้าง ใบหน้างามแทบไม่มีที่ติ

เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ทุกคนไม่ต้องกังวล เรื่องเล็กน้อยแค่นี้…อ้อ รองหัวหน้าทีมหง คุณคิดเห็นยังไงบ้าง ผมคิดว่าจะให้คุณตัดสินใจแผนการตอบสนองครั้งนี้”

หญิงสาวใบหน้างามสง่าก็คือหงอวิ๋นเจียว เมื่อได้ยินดังนั้นความพึงพอใจก็ฉายแวบหนึ่งบนใบหน้าของเธอ จากนั้นก็กวาดตามองผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมดสิบกว่าคน ทุกคนต่างก็เป็นคนเก่งระดับหัวกะทิของคณะที่ปรึกษา

หงอวิ๋นเจียวถึงค่อยเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เครือข่ายเทียนหลัวรวบรวมพลังจิตมหาศาลแล้ว พลังโจมตีที่ปล่อยออกมาได้สูงสุดคือระดับ S+ ซึ่งเป็นพลังพิเศษสูงสุดที่กฎเกณฑ์ของโลกปัจจุบันอนุญาต เมื่อดูจากข้อมูลที่มีอยู่ จักรวาลของเรานั้นกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด กฎเกณฑ์แข็งแกร่งมาก อีกฝ่ายไม่อาจฝ่าฝืนกฎเกณฑ์นี้ได้

“ตอนนี้ปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือการเข้าใจทิศทางการเคลื่อนไหวของผู้แข็งแกร่งให้ชัดเจนทันท่วงที ถ้าอีกฝ่ายมีสัญญาณที่จะบุกรุกเสินโจว เราต้องใช้เครือข่ายเทียนหลัวโจมตีและข่มขวัญ เมื่อดูจากพลังและตำแหน่งของอีกฝ่าย ไม่มีทางที่จะเสี่ยงบาดเจ็บง่ายๆ ต่อสู้กับพวกเราเจ็บด้วยกันทั้งคู่ เพียงแค่รักษาสมดุลของอำนาจก็พอแล้ว แน่นอนว่าพร้อมกันนี้เรายังต้องแจ้งเรื่องผู้แข็งแกร่งที่มีความเสี่ยงสูงไปยังสำนักงานสหพันธ์นานาชาติด้วย”

เวลานี้ ชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่งยกมือขึ้นเพื่อขออนุญาตพูด

หงอวิ๋นเจียวพยักหน้า “สวี่เทียนเฉิง ลองเสนอความเห็นได้เลย ไม่ต้องอึกอัก”

สวี่เทียนเฉิงมองหัวหน้าทีมเหรินแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้านิดๆ จึงเอ่ยขึ้นว่า “หัวหน้าหงครับ ตื้นลึกหนาบางของผู้แข็งแกร่งคนนี้ไม่ชัดเจน ถ้ามันสร้างอิทธิพลนอกประเทศ สุดท้ายก็จะพัฒนาจนแข็งแกร่ง เกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต”

หงอวิ๋นเจียวส่ายหน้าพลางยิ้ม “เทียนเฉิง นั่นไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะจัดการได้ในตอนนี้ สำนักสัจธรรมไม่ใช่เทพเจ้า ตอนนี้เราสนใจแค่เสินโจวก็พอ ในเมื่อกังวลว่ามันจะแข็งแกร่งขึ้นในต่างประเทศ อย่างนั้นเราจะเฉื่อยชาไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ไม่เหมือนบางคน พัฒนามายี่สิบปีเพิ่งจะประสบความสำเร็จ ทรัพย์สินมีมากขึ้นก็เหม่อลอยคิดเรื่องสัพเพเหระ ไม่สนใจงานหลัก”

หัวหน้าทีมเหรินได้ฟังก็กระแอมสองที เขาทำสีหน้าจริงจังแล้วพูดกับทุกคน “หัวหน้าหงเตือนได้ดีมาก คณะที่ปรึกษาของเราเป็นมันสมองของสำนักสัจธรรม เวลาทำอะไรจะต้องเป็นผู้นำ หลีกเลี่ยงความหยิ่งผยองและหุนหันพลันแล่น ลืมความสำเร็จที่ได้มาในอดีตแล้วขยันขันแข็งต่อไป

แน่นอนว่าเราไม่เรียนอย่างนักพรตที่ฝึกอย่างทรมาน คนธรรมดามีงานอดิเรกที่เหมาะสม ตราบใดที่ปฏิบัติตามกฎหมายต่างก็ได้รับความยินยอม เพื่อไม่ให้เอาแต่ฝึกฝนก้าวหน้าอย่างเดียว สุดท้ายฝึกฝนจนไม่สนใจโลก สูญเสียความตั้งใจเดิมและทำเรื่องที่ลืมตัว”

“หัวหน้าทีมพูดได้ดีมาก เราต้องเข้าใจสถานการณ์รอบด้านโดยถี่ถ้วน ทุกคนต้องนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง”

พอหงอวิ๋นเจียวพูดจบก็นำทุกคนปรบมือ ชั่วขณะนั้นภายในห้องก็เต็มไปด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น…

สีหน้าของเหรินรั่วเฟิงผ่อนคลายและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ปิดการประชุมฉุกเฉินก่อน ทุกคนไปวางแผนอย่างรอบคอบตามความคิดเห็นของหัวหน้าหง เลือกแผนที่ดีที่สุด ส่งให้หัวหน้าหงตรวจสอบ สุดท้ายฉันจะลงชื่อส่งให้เบื้องบน ตอนนี้ทุกคนแยกย้ายได้”

สมาชิกทั้งสิบกว่าคนก็ยืนขึ้นทำความเคารพแล้วออกไป เหลือเพียงหัวหน้าทีมสองคน

เหรินรั่วเฟิงจ้องมองหงอวิ๋นเจียว อีกฝ่ายก็จ้องกลับโดยไม่แสดงความอ่อนแอ…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เป็นฝ่ายถอนสายตาก่อน เอ่ยขึ้น “ช่างเถอะ สุภาพบุรุษยินดีที่จะรับฟังคำติ…คำนวณเวลาดูแล้ว เดือนหน้าจะถึงวันที่ไปเปิดประตูภูเขาที่นั่นอีกครั้ง หัวหน้าหงมาถูกทางแล้ว งั้นคุณจัดการเถอะ จับตาดูผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งปรากฏตัวไว้ดีๆ ผมจะจับตามองผู้มีฝีมือที่สำรวมตน”

หงอวิ๋นเจียว “คุณจะจับตาดูก็ตามใจ แต่ต้องช่วยฉันซื้อของสักสองสามอย่าง”

เหรินรั่วเฟิง “ครั้งก่อนคุณยังติดหนี้ผมอยู่ครึ่งหนึ่ง ครั้งนี้ผมจะไม่ให้คุณยืมแล้ว…ผมยังต้องเก็บเงินไว้ซื้อยาเม็ดบำรุงผิวของพี่มังกร”

หงอวิ๋นเจียวเพียงอุทาน “อ๋อ” พูดอย่างไม่แยแส “งั้นฉันจะบอกพวกผู้อาวุโสสวี่ หัวหน้าทีมบางคนจัดประชุมเรื่องสำคัญแต่ยังใจลอย ควรจะแจ้งหัวหน้าให้พักงานชั่วคราวไปทบทวนตัวเองก่อนดีไหมนะ…”

เหรินรั่วเฟิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ครั้งนี้ผมให้คุณยืมได้แค่หนึ่งในสาม มากกว่านี้ไม่มีให้แล้ว”

อินทรีสวรรค์เห็นแมวดำตัวนั้นเปลี่ยนเป็นเสือดำแต่ไกล จากนั้นก็คว้าร่างของสัตว์ประหลาดสี่เศียรแล้วบินจากไป

มันส่งข่าวไปยังมังกรวายุตัวหนึ่งที่บินเร็วกลางเวหาทันที

ระบบฝึกฝนวิทยายุทธ์คุณสมบัติลมประเภทมังกรสำเร็จ จึงแปลงร่างเป็นมังกรวายุได้นานแล้ว ถึงแม้อานุภาพจะไม่เท่ามังกรเพลิง แต่ว่องไวกว่ามาก

ความเร็ยวสูงสุดในรูปแบบมังกรเพลิงคือความเร็วเหนือเสียง แต่รูปแบบของมังกรวายุ มีความเร็วในการเดินทางสองเท่าของความเร็วเหนือเสียง โดยพื้นฐานแล้วมังกรจะบินได้ 2,500 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป

ถ้าใช้ปราณแท้เสริมมากหน่อยยังเพิ่มความเร็วได้อีก เมื่อเทียบกับความโกรธที่สามารถใช้ได้แค่กับการแสดงกระบวนท่าขั้นสูงสุด ตอนนี้การใช้ปราณแท้มากกว่าและกว้างกว่า

เพราะฉะนั้น เมื่อระบบเห็นคุณชายชางที่มีคุณสมบัติ ‘ยุติธรรม’ ถึงได้มีท่าทางเหมือนเห็น ‘สมบัติล้ำค่า’

หลังจากระบบได้รับข้อความก็เอ่ยกับฟางหนิง “แย่แล้ว ยังอีกตั้งไกลขนาดนี้ อย่างน้อย 3,000 กิโลเมตร อย่างน้อยก็อีกหนึ่งชั่วโมง เราจะไล่ตามยังไงดีล่ะ น่าเกลียดชะมัด สำนักสัจธรรมทำงานชักช้าขนาดนี้ ยังไม่ได้ส่งวัตถุดิบกระบี่บินมาให้ฉันอีก ต่อให้ฉันต้องเติมค่าประสบการณ์มากแค่ไหนก็ต้องทำมันออกมาก่อน…”

ฟางหนิง “งั้นตอนนี้แกก็ทำได้แต่บอกสถานการณ์จริงกับอินทรีสวรรค์ ให้มันทำใจกล้าเข้าจับแมวดำตัวนั้นซะ วางใจเถอะ ไม่ใช่ทุกคนที่ขี้งกเหมือนแก…ฉันว่าน้องอินทรีสวรรค์มีน้ำใจต่อมิตรสหาย ในเมื่อมันรู้ว่าแกเป็นผู้ทรงพลังยิ่งใหญ่จับวิญญาณของผู้แข็งแกร่งเอาไว้ได้ มันไม่กล้าขโมยร่างงูไปกินหรอก”

ระบบ “มันเป็นสิ่งที่คุณพูดต่างหาก ถ้าคุณเดาผิด ฉันจะตัดเวลาพักครึ่งหนึ่ง ฉันต้องการใช้เวลานั้นไปรับวัตถุดิบกระบี่บินที่สำนักสัจธรรมเอง”

ฟางหนิง “ฉันไม่น่าพูดเลย กลายเป็นความผิดของฉันอีกแล้ว…”

หนึ่งคนกับหนึ่งระบบเถียงกันไร้สาระพลางเร่งความเร็วเหาะเหินกลางท้องฟ้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดเสียงดังแต่อย่างใด

รูปแบบของมังกรวายุนั้นมีความลับเป็นของตัวเอง ซึ่งเครื่องบินรบความเร็วเหนือเสียงที่เป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ไม่อาจเทียบได้ในด้านนี้

ไม่นานระบบก็ยอมรับความคิดเห็นของฟางหนิงและรีบส่งข้อความผ่านรูปเหมือนของอินทรีสวรรค์

“เรียกอินทรีสวรรค์ ถ้าอินทรีสวรรค์เห็นข้อความโปรดตอบกลับโดยด่วน”

“อินทรีสวรรค์เอง พี่มังกรเชิญพูด”

“วิญญาณของสัตว์ประหลาดงูสี่เศียรถูกข้าใช้วิธีการลับจับได้ ขอให้เจ้าตามไปจับแมวดำตัวนั้นไว้ อีกครึ่งชั่วโมงข้าจะตามไปถึงแล้ว”

“พี่มังกรทรงพลังอย่างยิ่ง…อินทรีสวรรค์เข้าใจแล้ว พี่มังกรโปรดวางใจ มันเป็นเพียงแมวป่วยตัวหนึ่ง หนีไม่รอดจากเงื้อมมือข้าแน่…”

อินทรีสวรรค์ได้รับข้อความก็รีบเร่งติดตามไปทันที พุ่งไปอย่างสุดกำลัง ไม่ลังเลเลยสักนิด ไม่นานก็ใกล้ถึงตัวเสือดำแล้ว ทว่ามันไม่รู้สักนิด อีกฝ่ายเป็นถึงประธานที่แท้จริงของสมาคมรักษาดุลอำนาจแห่งโลก ท่านทอมแมวดำ….

“ขออภัย พี่มังกร แมวดำป่วยตัวนั้นหนีไปแล้ว เหลือไว้แค่ร่างของสัตว์ประหลาดงูสี่เศียร พี่มังกร…เฮ้ พี่มังกร ยังอยู่ไหม ดูเหมือนว่าบนตัวสัตว์ประหลาดงูสี่เศียรจะมีของดี…”

ระบบ “แมวดำตัวนั้นหนีไปแล้ว”

ฟางหนิงตอบอย่างไม่ใส่ใจ “มันปกติมาก แอนเดอร์สันเคยบอกว่าทอมแมวดำเป็นประธานสมาคมรักษาดุลอำนาจแห่งโลกของพวกเขาแต่พลังไม่แข็งแกร่ง เวลานี้ต้องอยู่บนท้องฟ้าและต้องพาร่างงูไปด้วย หมอนี่ต้องรู้แน่ๆ ว่าตัวเองสู้อินทรีสวรรค์ไม่ได้ มันไม่ใช่สัตว์ประหลาด NPC ในเกม ต้องยืนนิ่งๆ แล้วถูกฆ่าตาย การวิ่งหนีในทันทีเป็นพฤติกรรมปกติของแมว”

ระบบ “ต้องโทษสำนักสัจธรรม พวกเขามัวแต่ทำงานชักช้า ผ่านไปตั้งสามวันแล้ว ยังไม่ส่งวัตถุดิบกระบี่บินมาให้ฉันอีก”

ฟางหนิงเอ่ยปลอบใจ “สำนักสัจธรรมเป็นหน่วยงานทางการ การจ่ายและรับวัตถุดิบจะต้องมีสารพัดขั้นตอน โดยเฉพาะวัสดุเชิงกลยุทธ์แบบนี้ ความเร็วของกระบี่บินนั้นเร็วมาก แกเองก็แข็งแกร่งมาก แม้ว่าพวกเขาจะตอบตกลงแล้ว คาดว่าน่าจะแอบทำข้อจำกัดบางอย่าง ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนวัตถุดิบที่คุณภาพด้อยกว่าเพื่อลดประสิทธิภาพสุดท้ายของกระบี่บินลง สุดท้ายต้องหาความแตกต่างระหว่างอาวุธทหารกับอาวุธพลเรือน”

ระบบ “มนุษย์อย่างพวกคุณช่างไร้ยางอาย…เมื่อถึงตอนนั้นคุณช่วยดูให้ฉันหน่อยสิ”

เวลานี้มังกรวายุกับนกอินทรียักษ์กำลังบินวนรอบก้อนเมฆ บนเมฆบรรทุกของสัตว์ประหลาดงูสี่เศียร

อินทรีสวรรค์อธิบาย “แมวดำตัวนั้นระวังตัวมาก อีกทั้งมีความสามารถระดับตำนานในเคลื่อนย้ายข้ามมิติ เมื่อกี้ตอนที่ข้าตามหลังมันอยู่หนึ่งร้อยกิโลเมตร มันหันมามองข้าครู่เดียวก็ทิ้งร่างงู กระโดดเข้าไปในอากาศทันที ใช้เวลาแค่ไม่กี่วินาทีก็หายไปเลย คาดว่าแมวป่วยตัวนี้พบว่าข้าทรงพลังมากเกินไป รู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ถึงได้รีบหนีไป ช่างขี้ขลาดเสียจริง”

ระบบ “ทำไมไอ้หมอนี่ถึงพูดมากล่ะ”

ฟางหนิง “อืม ความหมายของมันชัดเจน ไม่ใช่มันไร้ความสามารถ แต่ต้องโทษทอมแมวดำมีทักษะด้านมิติสูงถึงระดับตำนาน…หวังว่าแกที่สามารถจับจิตวิญญาณผู้แข็งแกร่งได้ด้วยมือเดียวจะไม่ตำหนิมัน”

ระบบ “อ๋อ มันเอาเจ้าสัตว์ประหลาดงูสี่เศียรมารอเราโดยไม่กินเข้าไป ช่างเป็นนกอินทรีที่มีน้ำใจจริงๆ มันเป็นสหายที่ดี ฉันจะตำหนิมันได้ยังไง”

มังกรวายุจึงพยักหน้าให้นกอินทรีเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรๆ แค่เจ้าแมวป่วยหนีไปเท่านั้นเอง ลำบากสหายแล้ว เดี๋ยวข้าต้องมีรางวัลตอบแทน”

จากนั้นก็มองสำรวจ วินาทีต่อมาร่างของงูสี่เศียรก็หายไปในชั่วพริบตา

ครู่หนึ่งร่างงูตัวเล็กปรากฏขึ้นอีกครั้ง

มังกรวายุเอ่ย “อืม ครั้งนี้ต้องขอบคุณสหาย ข้าขอมอบให้สหาย”

อินทรีสวรรค์ขยับปีกปฏิเสธแล้วหยิบไข่มุกสีเทาออกมาพลางกล่าวว่า “เป็นเพราะอานุภาพของพี่มังกร…ท่านไม่ต้องตอบแทนหรอก เมื่อกี้ข้าเจอไข่มุกเม็ดนี้บนตัวงู เปี่ยมด้วยพลังเทพอันยอดเยี่ยม อาจเป็น…”

มังกรวายุขัดจังหวะอินทรีสวรรค์ “อ๋อ เมล็ดพันธุ์ของพลังเทพนี้มอบให้กับสหาย”

เมื่อมันพูดจบ หลังจากนั้นงูตัวนั้นก็หายไปอีกครั้ง

ฟางหนิง “ครั้งนี้แกใจกว้างจริงๆ ไม่ค่อยได้เห็น…”

ระบบ “เมล็ดพันธุ์ของพลังเทพนั่น พอดีกับที่มันจะใช้ฝึกวิถีแห่งเทพ คุณเคยบอกว่าจะรวบรวมยอดฝีมือระดับบ่อน้ำห้าคน มันคือสหายร่วมรบ ความแข็งแกร่งของมันเป็นประโยชน์กับเรา”

ฟางหนิงพยักหน้า “แน่นอน ความขี้งกของระบบไม่ใช่แค่ขี้งกเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อสะสมทรัพยากรให้แข็งแกร่งขึ้น เพิ่มโอกาสการมีชีวิตรอดของพวกเรา แกใจกว้างขนาดนี้ ข้าน้อยละอายใจ…”

ระบบ “อืม คุณรู้แล้วก็ดี”

แววตาของอินทรีสวรรค์ซาบซึ้งจึงไม่ลังเลอีกต่อไป กลืนไข่มุกเม็ดนั้นเข้าไป

หลังจากกลืนลงไปแล้ว หัวใจของมันเต้นระส่ำ พี่มังกรเป็นตระกูลใหญ่บนสวรรค์จริงๆ ของล้ำค่าและมีพลังเทพเช่นนี้ยังไม่อยู่ในสายตา…

แม้ว่าตัวเองจะออกแรงไม่น้อย ถ้าไม่ใช่พี่มังกรอาศัยความรู้ภายในของตระกูลมังกรใช้วิธีลับจับวิญญาณของงูสี่เศียร ผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ตัวเองได้แต่มองอยู่ห่างๆ จดจำรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย วันหลังหนีให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่มีทางกล้าไปยุ่งกับของล้ำค่าบนตัวอีกฝ่าย

ตอนนี้นึกไม่ถึงจะได้รับประโยชน์เช่นนี้ อยากจะก้มหัวขอเป็นผู้ติดตาม…

ช่างเถอะ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่อาจโบยบินได้อย่างอิสระอีกต่อไป เป็นเพื่อนกับพี่มังกรต่อไปเท่านั้นจะดีกว่า…

……………………………………………………..

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

เมื่อผมโดนระบบครองร่าง

Status: Ongoing

จู่ๆ ก็มีดาวตกพุ่งลงมาที่โลก ทำเอาพื้นดินถึงกับสั่นไหวเล็กน้อย

แต่แรงสั่นสะเทือนนั้นกลับทำให้ 'ฟางหนิง' หัวโขกกับโต๊ะคอมพิวเตอร์จนสลบไป

ตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเขามีระบบ ขณะที่กำลังจะดีใจว่าในที่สุดก็มีขาทองคำมาให้เกาะ

เจ้าระบบนั่นกลับประเมินว่าเขาเป็นโรคขี้เกียจระยะสุดท้าย ปล่อยไว้ไม่มีทางเจริญก้าวหน้า

และทำการยึดครองร่างของเขาซะงั้น!?

...

จากหนุ่มโอตาคุผู้แสนจะขี้เกียจที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ

กลับต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนโฉมตนเองเป็นฮีโร่คอยปราบปรามเหล่าปีศาจร้าย

ปกป้องเมืองที่ตนอยู่อาศัย และฝึกวิทยายุทธ์เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดนิ้วทองคำของระบบ!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท