บทที่ 35 ความพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายของเวอร์เธอร์ กาวด์
การเดินจากแถวหลังของห้องเรียนไปยังแท่นด้านหน้าไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเวอร์เธอร์เลย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาก้าวขึ้นโพเดียม แต่เป็นครั้งแรกที่เขามั่นใจมากต่างหาก
เวอร์เธอร์หยิบแท่งแก้วปรอทภายขึ้นมาตามคำสั่งของศาสตราจารย์ทอมป์สัน
ปรอทเป็นวัสดุเวทมนตร์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยมีอัตราการส่งพลังเวทมนตร์มากกว่าเก้าสิบสามเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นปากกาพลังเวทหรือแท่งแก้ว พวกมันทั้งหมดก็ใช้ปรอทเป็นแกนหลัก
หลังสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกจากแท่งแก้ว เวอร์เธอร์ก็เหลือบมองไปทั่วห้องเรียนโดยไม่ได้ตั้งใจ
เอ็มม่านั่งอยู่ที่แถวหน้าของห้องเรียน ซึ่งเห็นได้ชัดเจนทีเดียว
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจเขา เพียงแต่จ้องมองไปที่ ‘ของเหลวสีรุ้ง’ โดยไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เพื่อนร่วมชั้นในบ้านอัศวินก็รู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัดที่เห็นเขายกมือขึ้นเป็นครั้งแรก
นักเรียนของบ้านขุนนางทำเหมือนกับกำลังดูละครสัตว์ และเฝ้ารอการแสดงที่ดีของเขาอยู่
เด็กชายไม่รู้ว่านักเรียนของทั้งสองบ้านต่างประหลาดใจพลางขบขันกับทรงผมเล้าไก่และความหมองคล้ำบนใบหน้าของเขา
แถวสุดท้ายของห้องเรียน คนที่นั่งริมหน้าต่างเป็นดาร์ก… ‘เขากำลังอ่านหนังสืออยู่เหรอ?’
‘ทำไมเขาถึงไม่ถูกเรียกออกมาในเมื่อสายตาของเขาไม่ได้ดูโพเดียมในชั้นเรียน’
เวอร์เธอร์ไม่มีเวลาครุ่นคิดเรื่องนี้ เพราะจิตใจของเขากำลังยุ่งเหยิงอยู่ การใช้สมองมากเกินไปตลอดทั้งคืนทำให้เขารู้สึกว่าจิตใจของตัวเองกำลังจะระเบิดออกมา
เพียงเพราะจิตใจที่เข้มแข็ง เขาจึงยังสามารถประคองสติไว้ได้และไม่งีบหลับเหมือนโรเบิร์ต
พูดถึงโรเบิร์ต… เขาออกอาการง่วงอีกแล้ว!
เวอร์เธอร์ตื่นขึ้นทันที เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขา
‘ไม่ ฉันต้องดึงดูดความสนใจของศาสตราจารย์ทอมป์สัน!’
ดังนั้นเขาจึงสอดแท่งแก้วปรอทเข้าไปในบีกเกอร์โดยไม่รู้ตัว!
ของเหลวสีรุ้งเติมเต็มบีกเกอร์ไปครึ่งแก้ว และสีทั้งเจ็ดถูกผสมเข้าด้วยกันราวกับเม็ดสีทั้งหมดถูกเทเข้าด้วยกันในรวดเดียว ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกขยะแขยง ไม่ต้องพูดถึงการแยกสีทั้งเจ็ดเลย!
แต่เพราะเมื่อคืนเวอร์เธอร์ได้อ่านเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้าง มันจึงทำให้เขาเชื่อว่าตัวเองน่าจะสามารถแยกมันออกจากกันได้!
ศาสตราจารย์ทอมป์สันเหลือบมองที่ใบหน้าซีดเผือดของเขาและถามอย่างกังวลว่า “กาวด์ เธอโอเคไหม?”
“ผมไม่เป็นไรครับศาสตราจารย์”
เวอร์เธอร์สูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยายามถ่ายเทพลังเวทมนตร์ลงในแท่งแก้วปรอท
ของเหลวสีรุ้งเป็นของเหลวพิเศษ แต่ละสีมีความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันต่อความเข้มข้นของพลังเวทมนตร์ที่แตกต่างกัน
ดังนั้น เขาเพียงแค่ต้องแบ่งพลังเวทมนตร์ออกเป็นเจ็ดระดับในแท่งแก้วปรอท จากนั้นค่อย ๆ ปรับและกวนมันด้วยความเร็วคงที่ จากนั้นของเหลวสีรุ้งที่มีสีต่างกันจะถูกดูดซับด้วยพลังเวทมนตร์ที่มีความเข้มข้นต่างกัน แบ่งออกเป็นเจ็ดชั้นที่สีต่างกัน!
แน่นอนว่าทฤษฎีก็คือก็ทฤษฎี ส่วนการปฏิบัตินั้นย่อมแตกต่างออกไปเสมอ
แม้ว่าเวอร์เธอร์จะมั่นใจในความสามารถด้านพลังเวทมนตร์ของตัวเอง แต่เขาก็ยังอยู่ในสภาพที่ไม่ดี
เพื่อป้องกันความผิดพลาด เขาจึงชะลอความเร็วให้มากที่สุด
…
เมื่อเวอร์เธอร์เริ่มกวน ดาร์กก็เงยหน้าขึ้น
ความกระตือรือร้นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของบุตรชายวีรบุรุษทำให้เด็กชายประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเวอร์เธอร์จะไปได้ไกลแค่ไหน
เวอร์เธอร์ที่ยืนบนแท่นโพเดียมแบ่งความเข้มข้นของพลังเวทมนตร์ออกเป็นเจ็ดระดับได้สำเร็จ แต่ขั้นตอนต่อไปเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
มันเป็นเรื่องยากมากที่จะรักษาระดับพลังเวทมนตร์อย่างต่อเนื่อง และการควบคุมความเข้มข้นของพลังเวทมนตร์ให้คงที่ จากนั้นจึงกวนแท่งแก้วปรอทด้วยความเร็วที่คงที่!
ในบรรดานักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง มีเพียงดาร์กเท่านั้นที่ทำได้
คนที่สองและคนที่สามคือ เอ็มม่าและซาร่า สวาติผู้จริงจังแห่งบ้านนักปราชญ์
เดิมทีศาสตราจารย์ทอมป์สันต้องการขอให้ดาร์กขึ้นมาสาธิต แต่เวอร์เธอร์ยกมือขึ้นก่อน
เนื่องจากเป็นบุตรชายของวีรบุรุษที่ยกมือขึ้น ศาสตราจารย์ทอมป์สันจึงให้ความไว้วางใจเขาเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเวอร์เธอร์จะทำได้ไม่ดีในเดือนแรกของการเรียนก็ตาม
โชคดีที่แม้ว่าเขาจะช้ากว่าที่คาดไว้เล็กน้อย แต่เขากลับใช้วิธีที่ถูกต้อง
สิ่งนี้เปลี่ยนมุมมองของเขาต่อบุตรชายของวีรบุรุษเล็กน้อย
ไม่กี่นาทีต่อมา
ในที่สุดของเหลวสีรุ้งในบีกเกอร์ก็ถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดชั้นจากบนลงล่าง
‘ฉันทำมันได้’
เวอร์เธอร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ผมทำได้แล้วครับ ศาสตราจารย์!”
แต่เมื่อเขาหันไปมองศาสตราจารย์ทอมป์สันด้วยความประหลาดใจ พลังเวทมนตร์ที่เทลงในแท่งแก้วปรอทก็ควบคุมไม่ได้ในทันที และสีทั้งเจ็ดที่เพิ่งแยกออกจากกันก็กลับไปผสมกันใหม่อีกครั้ง
สิ่งนี้ทำให้เขาตกตะลึง
แปะ! แปะ! แปะ!
เสียงปรบมือดังเข้ามาในหูของเขา
เป็นกำลังใจจากศาสตราจารย์ทอมป์สัน
“ทำได้ดีมากกาวด์ ให้ห้าคะแนน!”
เวอร์เธอร์เกือบจะยิ้มด้วยความประหลาดใจ
‘ตอนนี้ช่องว่างระหว่างฉันกับเดม่อนน่าจะแคบลงแล้วใช่ไหม?’
แต่ทันทีที่เขากำลังจะกลับไปที่นั่ง เขาก็ได้ยินคำตำหนิที่รุนแรงของศาสตราจารย์ทอมป์สันว่า “ฉันเคยพูดถึงเรื่องนี้ในคาบแรกไปแล้ว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้นอนในชั้นเรียนของฉัน! บร็อกไฮม์ หักสิบคะแนน!”
…
กริ่งดังขึ้น เป็นสัญญาณหมดคาบเรียน
เวอร์เธอร์ปลุกโรเบิร์ตที่หลับไปชั่วขณะอย่างเงียบ ๆ
“เป็นอะไรไป เวอร์เธอร์เหรอ? วิชาต่อไปแล้วเหรอ?”
“อืม วิชาต่อไปกำลังจะเริ่มแล้ว”
“อ้อ ใช่ โรเบิร์ต”
“อะไร?”
“ฉันได้คะแนนมากกว่านายสิบห้าคะแนน”
…
ในวิชาอัญเชิญต่อมา
โรเบิร์ตที่เพิ่งตื่นนอนไม่ได้ทำอะไรผิดพลาด
ทว่าในไม่ช้าทั้งคู่ก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามเรียนในนาทีสุดท้าย
คาบเรียนนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ผล็อยหลับไป แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้รับคะแนนเพิ่มเติมอยู่ดี
โชคดีที่ไม่มีการหักคะแนน
หลังเลิกเรียน ทั้งสองก็มานั่งในห้องเรียนเพื่อสรุปผล
“75+20+20-5-10+20=120 ยังขาดไปอีกสี่สิบคะแนน”
เวอร์เธอร์ถอนหายใจแรง เขาพบว่ามันยากมากที่จะหาคะแนนได้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักแล้ว แต่ทำไมมันถึงยังไม่ได้ผลล่ะ?
โรเบิร์ตก็ผิดหวังอย่างมากเช่นกัน
หลังจากผ่านความล้มเหลวมากมาย เขาก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
โรเบิร์ตพูดด้วยความสิ้นหวัง “เวอร์เธอร์ เราควรคุยกับเอ็มม่าอีกครั้งไหม?”
เวอร์เธอร์หันไปมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างตกใจ “ถามจริง? ลืมไปแล้วหรือไงว่านายดุเธอเมื่อสองวันก่อน?”
“แค่ไม่กี่คำเอง” โรเบิร์ตพูดอย่างรู้สึกผิด “เธอน่าจะยกโทษให้เราอยู่แหละ”
เวอร์เธอร์อดไม่ได้ที่จะกุมหัวด้วยความหงุดหงิด “นายคิดอะไรอยู่? เราเลิกเป็นเพื่อนกับเธอแล้ว!”
โรเบิร์ต “แต่…”
ดวงตาของเวอร์เธอร์หรี่ลง “ไม่มีแต่! ฉันจะไม่หนี ยิ่งกว่านั้น เรายังมีโอกาส! ไปเล่นหมากรุกเวทมนตร์แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปซะ”
โรเบิร์ตตกใจมาก “ตอนนี้นายยังอยากเล่นหมากรุกเวทมนตร์อยู่อีกเหรอ?”
เวอร์เธอร์ตอบ “ทำไมล่ะ? ฉันจะนอนหลังจากเล่นสักรอบ ฉันไม่ได้นอนมาสามสิบชั่วโมงแล้ว!”
โรเบิร์ตรั้ง “ไปกินข้าวก่อน วันนี้ไม่มีเรียนแล้ว”
เวอร์เธอร์เห็นด้วย “ก็ได้”
…
ทั้งสองมาถึงโรงอาหารและสั่งอาหารสองสามจาน
โรเบิร์ตกินเยอะมาก
แต่เวอร์เธอร์ไม่มีความอยากอาหารเลย
เขาสังเกตเห็นถึงสายตาของผู้คนรอบตัวที่มองมาที่ตัวเองดูแปลกไปเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงหวีผมยุ่ง ๆ ของตนโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้เอง นักเรียนจากสี่บ้านก็ได้รับแจ้งเตือนพร้อม ๆ กัน
วันนี้มีวิชาดาราศาสตร์!