บทที่ 95 ดาร์ก เดม่อนเปลี่ยนการต่อสู้
นี่เป็นครั้งแรกที่ดาร์กลองใช้ [ลอกเลียนแบบ] ในการต่อสู้จริง
สำหรับอีบุยที่มีพลังเวทมนตร์เพียงหนึ่งร้อยหน่วย สกิล [ลอกเลียนแบบ] ที่กินพลังเวทมนตร์หนึ่งร้อยหน่วยอาจเป็นเหมือน [เสียงมรณะ] ที่ระเบิดพลีชีพก่อนตาย
แต่ด้วยความช่วยเหลือของน้ำยาพลังงาน มันจึงใช้ [ลอกเลียนแบบ] ในขณะที่ยืนอยู่ในสนามรบได้สำเร็จ
จนกว่าจะใช้สกิล [ลอกเลียนแบบ] ครั้งต่อไป ดังนั้นตอนนี้ [แส้วารี] จะกลายเป็นสกิลประจำตัวของมันไปก่อนชั่วคราว
ไม่เหมือนกับ [แส้วารี] ของนางเงือก เมื่ออีบุยเลียนแบบและใช้มัน ทำให้พลังของ [แส้วารี] นั้นพุ่งสูงขึ้น และทำลายแส้ของนางเงือกลงได้
จากนั้นมันก็ควบคุมแส้ให้หมุนต่อไป และฟาดนางเงือกราวกับตีงู!
“อ๊าาาาา!”
นางเงือกกรีดร้องอีกครั้ง ก่อนที่มันจะชักแส้ยาวซึ่งทำจากน้ำขึ้นเป็นครั้งที่สอง แต่แล้วก็ยังคงถูกอีบุยบดขยี้อย่างไร้ความปรานีอยู่ดี
[แส้วารี] ของอีบุยเฆี่ยนมันอย่างดุเดือดและส่งมันลอยละลิ่วออกไปโดยตรง!
“วี้!” อีบุยจังเชิดหน้าอย่างมีชัย
…
[คะแนน +20]
[คะแนน +60]
น่าเสียดายว่าก็อบลินที่ปลอมตัวเป็นนักเรียน เป็นเพียงผีระดับสองดาวธรรมดาทั่วไป
ดาร์กโยนลูกอมแอปเปิ้ลที่เขาได้รับหลังจากเอาชนะผีก็อบลินเข้าไปในปากของรุกกี้เดวิมอน ผลักมันที่พยายามจะเกาะเขาออกไป แล้วเดินไปยังจุดที่นางเงือกสลายไป
กล่องของขวัญเล็ก ๆ ลอยอยู่ตรงนั้น
เขาเปิดกล่องของขวัญและเก็บเกล็ดนางเงือกทันที!
ออร่าพลังเวทมนตร์ที่เปล่งออกมาจากเกล็ดนั้นแข็งแกร่งผิดปกติ
แม้ว่าจะไม่ได้มีค่าและหายากเท่าขนนกฮาร์ปี้ แต่ก็ยังเป็นรางวัลที่ดีมากสำหรับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง ซึ่งมีปัญหาในการหาคะแนน
ดาร์กใส่เกล็ดนี้ลงในซองใส่การ์ด และใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มมีความสุข
ไม่ว่าดาร์กจะต้องการมันในอนาคตหรือไม่ แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บไว้ก่อน
…
ใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมง คะแนนของดาร์กก็เพิ่มขึ้นจาก +0 เป็น +170 คะแนน และเขาก็ขึ้นไปอยู่ด้านล่างสุดของอันดับนักเรียนบ้านขุนนางชั้นปีหนึ่ง
ดาร์กไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่เขายังคงออกสำรวจอย่างกระตือรือร้น
ผีที่แอบซ่อนอยู่เหล่านี้กลับมีความน่าสนใจอย่างคาดไม่ถึง
…
เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยงสวมหน้ากาก
นักเรียนชั้นปีหกยังคงแยกย้ายกันไปในช่วงเวลานี้ โดยกระจายออกจากพื้นที่ที่ปกติจะใช้เรียน และไปยังทั่วทุกหนแห่งของปราสาท
ในมุมมืดที่ไม่มีใครรู้จัก สมาชิกของภาคีทั้งสิบหกคนมารวมตัวกันทีละคน
เมื่อปลาปักเป้า สมาชิกคนสุดท้ายมาถึง ในที่สุดหัวหน้าปลาดาวก็เดินออกมาจากเงามืด
“การซ่อมแซมรูปปั้นเทพธิดาเสร็จเรียบร้อย”
“ถึงเวลาเริ่มสงครามศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
“ชัยชนะจะเป็นของเราในที่สุด”
“ให้ไอ้พวกนั้นได้รู้ว่าใครคือผู้ชนะที่แท้จริง”
“ถึงเวลาที่พวกมันต้องชดใช้แล้ว”
“เพื่อเทพธิดา!”
“ภาคีต้องชนะ!”
“ได้เวลาแล้ว!”
…
สมาชิกของภาคีทั้งสิบหกคนพลันถอดเสื้อคลุมสีดำที่คลุมร่างกายของพวกเขาออก เผยให้เห็นชุดใต้เสื้อคลุมสีดำ
ในวันปกติพวกเขาถูกมองว่าเป็นคนนอกรีตเพราะสิ่งที่พวกเขาสวมใส่ แต่ในงานเลี้ยงสวมหน้ากากนั้นเป็นเรื่องปกติมาก
หลังจากปลุกใจกันแล้วก็แยกย้ายกันไปเป็นคู่
…
“ไหงถึงเป็นนาย?”
“ฉันก็อยากจะถามแบบนั้นเหมือนกัน”
ปลาหมึกได้รับมอบหมายให้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงกับปลาปักเป้า ซึ่งทั้งสองไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่นัก ทั้งอย่างนั้นพวกเขาก็จำต้องไปด้วยกันอยู่ดี
หนทางข้างหน้าคงไม่ง่ายดายนัก และคงมีแต่การช่วยเหลือซึ่งกันและกันเท่านั้น จึงจะสามารถก้าวผ่านความยากลำบากไปได้
…
ปลาหมึกหยิบใบรายการที่ภาคีร่างไว้ล่วงหน้าขึ้นมา รายชื่อคู่รักถูกบันทึกไว้อย่างแน่นขนัดในใบรายการ ซึ่งทั้งหมดถูกระบุว่าเป็นคนนอกรีตโดยภาคี
ปลาปักเป้าก็มีใบรายการ
เป้าหมายของพวกเขาคือ เลือกคู่รักอย่างน้อยสามคู่จากในรายการนี้ก่อนเวลาสิบโมงเช้า และก็ต้องยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นมีความจริงใจจริง ๆ
เฉพาะคู่รักที่มีความรู้สึกจริงใจเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติที่จะเป็นเครื่องบูชาในงานเลี้ยงฉลองของเหล่านักบุญ
หากเป็นเพียงคู่รักจอมปลอม พวกเขาก็เป็นแค่เศษธุลีที่ไม่ควรค่าแก่การเป็นเครื่องบูชา!
“เรามาเริ่มกันที่คู่รักปีสองกันดีกว่า ฉันดูไว้แล้วว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนบ้าง”
สก็อตต์ภายใต้ชุดปลาหมึกแสดงท่าทางเย็นชาอย่างยิ่ง
คู่รักคู่นี้เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาจากปีสองบ้านขุนนาง
ในแต่ละวันทั้งคู่มักจะแสดงความรักต่อหน้าเขา!
สก็อตต์ถึงกับอยากจะบีบคอพวกเขามากกว่าหนึ่งครั้ง
และในที่สุดเขาก็มีโอกาส!
ปลาปักเป้ารั้งไว้ “เดี๋ยวก่อนปลาหมึก ทำไมเราไม่เริ่มจากคู่รักปีหนึ่งล่ะ พวกเขาน่าจะไร้เดียงสาและอ่อนแอกว่านะ”
ปลาหมึกตอบอย่างเศร้าโศก “นายไม่รู้เหรอว่านักเรียนใหม่ปีนี้มีแต่พวกสัตว์ประหลาดทั้งนั้น?”
ปลาปักเป้า “…!”
…
แมรี่และบรูเดอร์ นักเรียนชั้นปีที่สอง เป็นคู่รักที่ถูกคลุมถุงชนมาตั้งแต่เกิด และในอนาคตก็มีแนวโน้มว่าจะแต่งงานกันด้วยซ้ำ
ทั้งสองเกิดมาพร้อม ๆ กัน เติบโตมาด้วยกัน และได้รับคำเชิญจากสถาบันเซนต์แมเรียนด้วยกัน
มิหนำซ้ำครอบครัวของทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมาตั้งแต่แรก และยังมีกรณีที่บรรพบุรุษแต่งงานกันอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ พ่อและแม่ของพวกเขาจึงมีความสุขมากกับการที่ทั้งสองเป็นคู่รักกัน
อีกทั้งเด็กทั้งสองคนก็ชื่นชอบกันและกันมาก
อย่างน้อยก็จนกว่าพวกเขาจะได้สัมผัสกับโลกที่มีสีสันมากกว่านี้ ในตอนนี้พวกเขายังคงอยู่ในสถานะคู่รักไร้เดียงสา ซึ่งมีความหมายว่าพวกเขาทำแค่ ‘สบตา’ กันเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เมื่อทั้งคู่เติบโตขึ้นและเริ่มรู้ภาษาแล้ว พวกเขาก็มักจะแสดงความรักโดยไม่คำนึงถึงกาลเทศะ และนั่นทำให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นเรื่อย ๆ
สก็อตต์ทนมามากพอแล้ว!
เขาอยากจะจับคนทั้งคู่ส่งเข้าไปในวิหาร และให้เทพธิดาตัดสินโชคชะตาสุดท้ายของพวกเขา!
ไฟแห่งความริษยาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ความโกรธก็ถูกสะสมมากขึ้นและมากขึ้นเช่นกัน
สก็อตต์สามารถมีช่วงเวลาแห่งความสงบสุขได้โดยการซ่อนตัวอยู่ในชุดคอสตูมอันเย็นเฉียบ
“เจอแล้ว!”
ในที่สุดคู่รักไร้ยางอายก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของเขา
สก็อตต์หรี่ตาลง
ระหว่างงานเลี้ยงสวมหน้ากาก ทั้งคู่ซ่อนตัวอยู่บนสะพานกลางแจ้ง เพลิดเพลินกับบรรยากาศโรแมนติกที่แสงจันทร์ส่องมา
“พวกนั้นเหรอ?”
ในขณะนี้ ดวงตาของปลาปักเป้าก็ลุกเป็นไฟด้วยความอิจฉา
“นั่นแหละพวกเขา แต่ก่อนที่เราจะลงมือ เราต้องยืนยันก่อนว่าความรู้สึกของพวกเขานั้นเป็นของจริงหรือเปล่า?”
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของสก็อตต์
…
แอนนาและแองจี้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางปราสาทอันว่างเปล่า
เจ้าหญิงน้อยสองคน คนหนึ่งสวมชุดตุ๊กตาหมี และอีกคนหนึ่งสวมชุดตุ๊กตาเสือ วิ่งไล่หยอกล้อกันเองอย่างเพลิดเพลิน
เหล่าผีที่โผล่ออกมา ล้วนแล้วแต่ถูกสปิริตทั้งสองของอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ขับไล่ให้ออกไปจากเส้นทาง
เวลานี้ ความขัดแย้งภายในอาณาจักรกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่เจ้าหญิงน้อยทั้งสองพระองค์ที่มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์เมื่อถึงวัยผู้ใหญ่นั้น กลับไม่ได้เป็นศูนย์กลางของการต่อสู้แย่งชิงอำนาจแต่อย่างใด
ทว่าในฐานะพระราชธิดาของจักรพรรดินีลำดับที่สองแห่งราชวงศ์ พวกเธอยังเป็นตัวแทนของกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังจักรพรรดินีลำดับที่สองอีกด้วย
ในมุมของคนอื่น เหล่าเจ้าหญิงอาจดูซุกซนและไม่ค่อยเรียบร้อย แต่ความจริงพวกเธอรู้ว่าตนเองกำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
สำหรับเจ้าหญิงเอลิซา เธอเกิดมาเพื่อเป็นจักรพรรดินีและเป็นผู้มีสถานะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ส่วนเจ้าชายชาร์ลส์ เป็นพระราชโอรสองค์โตซึ่งประสูติจากจักรพรรดินีลำดับที่หนึ่งและองค์จักรพรรดิ ทั้งยังเป็นเจ้าชายพระองค์เดียวของราชวงศ์
หากเจ้าหญิงเอลิซาได้ขึ้นครองบัลลังก์ สถานภาพของผู้หญิงก็จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน
แต่หากว่าเจ้าชายเป็นผู้ขึ้นครองบัลลังก์ แม้ว่าเจ้าหญิงทั้งสามจะยังคงมีสถานะอันสูงส่ง แต่พวกเธอก็จะไม่มีอำนาจในตัดสินเรื่องต่าง ๆ เช่น การแต่งงานของพวกเธอเอง
ดังนั้นพวกเขาจึงมีท่าทีอคติต่อองค์หญิงใหญ่ชั่วคราว
เมื่อแอนนามองไปที่หน้าต่างปราสาท นัยน์ตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาในทันใด
“แองจี้ มีปลาหมึกอยู่ตรงนั้น!”
“มันคือหมึกกระดองต่างหาก!”