บทที่ 113 มหาอสนีบาต
บทที่ 113 มหาอสนีบาต
แอนนาในชุดเสือน้อยรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาแทบไหล
เธออดไม่ได้ที่จะจับมือของแมรี่แน่น ทั้งยังมองอีกฝ่ายด้วยน้ำตาคลอ
แต่แมรี่เป็นผู้หญิงที่ฉลาด เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงลำดับที่สองอยากขัดขาดาร์ก?
เธอแสร้งทำเป็นไม่เห็น และจับฝ่ามือของแอนนาพาอีกฝ่ายย้ายไปเต้นรำอีกด้าน
องค์หญิงลำดับที่สองมองดาร์กอย่างหมายหัว ก่อนจะหันไปเจอกับสายตาที่เพิกเฉยของแองจี้
…
ท่วงทำนองเพลงบรรเลงจบแล้ว
ดาร์กปล่อยฝ่ามือของแองจี้ และหลังจากแสดงมารยาทอันสูงส่งตามมาตรฐานแล้ว เขาก็กำลังจะก้าวลงจากฟลอร์
ทันใดนั้น แองจี้ก็จับมือเขาและกระซิบ “แอนนากับฉันก็จะเข้าเรียนที่นี่ในปีหน้าด้วย”
ดาร์กแสดงความยินดีกับเธอล่วงหน้า “ยินดีด้วย”
แองจี้หัวเราะออกมา ก่อนจะปล่อยมืออีกฝ่าย
แล้วดาร์กก็เดินลงจากฟลอร์ไป
แต่สิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจคือ ถ้าเด็กเหลือขอสองคนนี้เข้าเรียนในสถาบันปีหน้า มันคงจะมีปัญหาตามมาไม่รู้จบแน่
…
เมื่อเห็นดาร์กเดินลงจากฟลอร์แล้ว ไดแอนนาก็พุ่งเข้าชาร์จอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด…เจ้าชายรัตติกาลและเจ้าหญิงรัตติกาลก็ได้จับมือเต้นรำกันในเพลงที่สอง
เพราะไดแอนนาเต้นรำไม่เก่งนัก ดาร์กจึงสอนเธอไปทีละขั้น
จากนั้นเพลงที่สาม เพลงที่สี่ ทั้งสองก็ยังคงเต้นรำด้วยกันอยู่
ไดแอนนายิ้มอย่างมีความสุขตลอดเวลา และเหลือบมองที่นั่งของศาสตราจารย์เป็นครั้งคราว
ศาสตราจารย์ส่วนใหญ่ไม่ได้ก้าวขึ้นมาบนฟลอร์เต้นรำ
ข้างศาสตราจารย์ลิลลี่ซึ่งกำลังนอนอยู่บนโต๊ะ มีแอนนาและแองจี้ที่ดูเหมือนจะกำลังโต้เถียงกันด้วยเรื่องบางอย่าง
ส่วนเจ้าหญิงเอลิซากำลังกระซิบบางอย่างกับอาจารย์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง
งานเลี้ยงสวมหน้ากากยังคงดำเนินไปอย่างมีชีวิตชีวา
…
ทว่า ณ ห้องพยาบาลในเวลานี้เอง
ในที่สุดเวอร์เธอร์ กาวด์ก็ ‘ตื่นขึ้น’ ภายใต้การรักษาของซิสเตอร์คาไลด์ เขาอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน เมื่อส่องกระจกแล้วเห็นว่าเขากลับสู่สภาพเดิมแล้ว
“แทนที่จะยืนอยู่ตรงนั้น ทำไมเธอไม่มาช่วยฉันล่ะ? ให้ตายสิ! งานเลี้ยงฮัลโลวีนดี ๆ กลายเป็นแบบนี้ไปได้!”
ซิสเตอร์คาไลด์พึมพำด้วยคำพูดที่ไม่ควรออกมาจากปากของแม่ชี ก่อนจะผสมยาเพื่อแก้เอฟเฟกต์ของน้ำพรากวิญญาณอย่างรวดเร็ว
เวอร์เธอร์หน้าแดงทันที แต่ก็ถูกศาสตราจารย์ซิลเวอร์เรียกตอนที่กำลังจะเข้าไปช่วยซิสเตอร์
เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาของศาสตราจารย์ซิลเวอร์ เวอร์เธอร์กัดฟันบอกเธอถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากที่เขาถูกโจมตีในทางลับ
ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ตั้งใจฟัง ก่อนจะนำมาเทียบกับคำพูดของดาร์ก เพื่อยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ได้โกหก
จากนั้นเธอก็ได้รับรายงานการตรวจสภาพจิตใจของสมาชิกภาคีจากซิสเตอร์คาไลด์ และเข้าใจทุกอย่างในทันที
เรื่องทั้งหมดไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น
มีคนใช้รูปปั้นของเทพธิดาแห่งจันทราเพื่อทำพิธีอะไรบางอย่าง
เธออาจไม่ใช่ผู้ริเริ่ม แต่เธอต้องเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้
และผู้มีส่วนร่วมส่วนใหญ่ รวมทั้งเทพธิดาแห่งจันทรา ไม่ได้เป็นแค่ตัวหมาก
ในปราสาทของเซนต์แมเรียนคนเดียวที่สามารถดำเนินการแบบนี้ได้ก็มีแต่ศาสตราจารย์
ศาสตราจารย์เพียงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในห้องจัดเลี้ยงในคืนนี้คือ ศาสตราจารย์เคเซอร์และศาสตราจารย์ดีดี้
เมื่อคิดถึงอดีตของทั้งสองคน ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ก็ถอนหายใจเล็กน้อย “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนไปลาดตระเวนกับดีดี้เมื่อคืนก่อน ฉันถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ”
สปิริตสฟิงซ์ตัวน้อยลอยอยู่บนไหล่ของเธอ และเสียงของอาจารย์ใหญ่อาร์เต้ก็ดังขึ้น “พาเวอร์เธอร์ไปที่หอนาฬิกากัน”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ศาสตราจารย์ซิลเวอร์จะทันได้ลงมือ ก็มีเสียงดังออกมาจากทางหอนาฬิกา!
…
ตู้ม!
อสนีบาตสีทองผ่าลงมาราวกับจะฉีกท้องฟ้ายามค่ำคืน
สายฟ้าผ่าที่เหนือหอนาฬิกา!
พลังเวทมนตร์ในปราสาทเกิดความปั่นป่วน และดวงไฟเวทมนตร์ในโถงงานเลี้ยงที่ชั้นหนึ่งก็ดับลงในทันที
ท่วงทำนองของเพลงงานเต้นรำก็จบลงอย่างกะทันหันเช่นกัน
นักเรียนที่เพลิดเพลินกับบรรยากาศที่สนุกสนานพลันตื่นตระหนกกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
บรรดารุ่นน้องต่างอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา
ความมืดโรยราและความโกลาหลบังเกิดทั่วทุกแห่งของปราสาท
นักเรียนบางคนรีบหยิบการ์ดเวทมนตร์ของพวกเขาออกมา แต่สปิริตที่อัญเชิญออกมาผิด ๆ กลับทำให้ความโกลาหลรุนแรงยิ่งขึ้น
ดาร์กรู้สึกประหม่าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสงบลงอย่างรวดเร็ว
หลังจากสายตาปรับเข้ากับความมืดแล้ว ดวงตาของเขาก็มองตรงไปยังจุดที่เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมา
ไดแอนนากอดเขาไว้แน่น แต่ดาร์กไม่แน่ใจว่าไดแอนนากลัวจริง ๆ หรือเปล่า
…
กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง! กรุ๊งกริ๊ง!
เสียงกระดิ่งดังลู่ลมอยู่ในอากาศ
กระดิ่งลมขนาดใหญ่ที่มีแสงสีอำพันสว่างกระจายไปทั่วทุกมุมของโถงงานเลี้ยงทีละดวง
แสงสว่างในโถงงานเลี้ยงพลันกลับคืนมา
ดาร์กตบไหล่ไดแอนนา เธอยังคงเม้มริมฝีปากของเธอและเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง “เช้าแล้วเหรอ?”
เช้าแล้วที่หน้า!
ดาร์กดีดหน้าผากของเธอ ก่อนจะผลักเธอออกไปแล้วกระซิบที่หูว่า “ฉันมีบางอย่างที่ต้องไปทำ”
ก่อนที่ไดแอนนาจะตั้งตัวทัน เขาก็กลับไปรวมกับฝูงชนและหายตัวไปในพริบตา
…
ประกายอสนีบาตพุ่งผ่านออกมาทางนอกหน้าต่างของโถงงานเลี้ยงอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้น่ากลัวเท่าในตอนแรก
กลุ่มเมฆหนาเคลื่อนมาปกคลุมดวงจันทร์ที่สว่างไสว สายฝนเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้าเหนือสถาบันเซนต์แมเรียน
ดาร์กมาที่ประตูปราสาทอย่างรวดเร็ว เขามองชุดเจ้าชายรัตติกาลบนตัว ก่อนจะดึง [การ์ดแต่งตัว] ออกมา และแทนที่ด้วย [ชุดหน้ากากทักซิโด้]
หลังสวมหมวกทรงสูงแล้ว เขาก็รีบวิ่งไปกลางสายฝนขณะที่ก้มหน้าลง
หยาดน้ำตกลงอย่างรวดเร็วและผิดปกติอย่างยิ่ง
ผ่านม่านฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ด้านบนสุดของหอนาฬิกาสามารถมองเห็นประกายเจิดจ้าได้
ดาร์กยืนยันที่มาของสายฟ้าได้ในทันที เขาจับการ์ดคัดสรรแล้วอัญเชิญวิญญาณรับใช้ออกมาทันที
รุกกี้เดวิมอนผู้ซึ่งยังคงรักษารูปร่างของเดอะเลดี้ไว้ ได้จงใจกอดดาร์กจากข้างหลัง
ดาร์กไม่สนใจเธอ “พาฉันขึ้นไป!”
เดอะเลดี้แสดงสีหน้าเคร่งขรึมทันที “ได้เลย นายท่าน”
จากนั้นพวกเขาก็บินขึ้นไปบนยอดหอนาฬิกาท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา
แต่อีกด้านหนึ่ง
ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ที่พุ่งตัวออกไปราวสายลมกลับเร็วกว่าเขา!
เช่นเดียวกับที่เวอร์เธอร์ซึ่งยืนอยู่กับเธอ เมื่อเขาปีนขึ้นไปบนหลังสฟิงซ์ ศาสตราจารย์ซิลเวอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นบนหอนาฬิกาแล้ว
หลังจากนั้นไม่นานดาร์กก็บินขึ้นไปบนยอดหอคอยด้วยความช่วยเหลือของเดอะเลดี้
ศาสตราจารย์ซิลเวอร์จำเขาได้โดยไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ “เดม่อน ถอยไป!”
หัวใจของดาร์กบีบแน่นขึ้น ก่อนที่สายตาของเขาจะกวาดมองไปทั่วยอดหอคอย
บนยอดหอคอย ศาสตราจารย์เคเซอร์คุกเข่าลงข้างหนึ่ง เขาถูกล้อมรอบด้วยโล่แปดอัน และอสูรขนนกเนตรทองคำที่อยู่เหนือหัวของเขากำลังกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรง
สปิริตซึ่งเดิมมีขนาดเท่าแมว ตอนนี้กลายเป็นขนาดเท่าสิงโตแล้ว ปีกสีขาวราวหิมะของมันสยายออกมาอย่างโกรธจัด และแสงสีทองในดวงตาของมันก็ทอประกายเจิดจ้า
ฝั่งตรงข้ามของศาสตราจารย์เคเซอร์ มีภูตตัวน้อยตนหนึ่งกำลังลอยตัวอยู่ในระดับเดียวกับเขา ขณะที่มือถือไม้กายสิทธิ์ชูขึ้นสูง
ดาร์กเคยเห็น ‘สิ่งนี้’ ในหนังสือ มันเป็นไม้กายสิทธิ์โบราณ [มหาอสนีบาต] ซึ่งมีชื่อเสียงพอ ๆ กับ [โทสะแห่งพระเจ้า]!
…
ตู้ม!
สายฟ้าวาบบนท้องฟ้าอีกครั้ง สะท้อนใบหน้าของภูตตัวน้อย
แม้ว่าจะดูอ่อนเยาว์ไปบ้าง แต่ใบหน้าอันใสหวานก็บ่งบอกถึงความงามของเธอได้