ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 284 การพบเจอที่ไม่คาดคิด
แสนรัก:“……”
ในเสี้ยววินาที ราวกับว่ามีบางอย่างทุบเข้าที่สมองของเขา เขาจ้องมองไปที่ถั่วแดงที่ถูกตักออกมา ทำให้เขาพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
เมื่อรินจังเห็นจึงเงยหน้าขึ้นถามด้วยน้ำเสียงที่ไร้เดียงสา “คุณลุงเป็นอะไรเหรอคะ?”
จิตใจของแสนรักสั่นไหวอีกครั้ง
เวลาผ่านไปนานมาก เขานั่งอยู่ที่นั่นและได้ยินตัวเองถามว่า “หนูทำไมต้องเอาถั่วแดงออก ไม่ชอบกินเหรอ?”
รินจังพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ค่ะ มันไม่อร่อย รินจังไม่ชอบกินถั่ว มามี๊บอกว่าถั่วมีคุณค่าทางโภชนาการ รินจังต้องกินเยอะๆ แต่คุณลุงไม่รู้เหรอกว่าถั่วพวกนี้ไม่อร่อยขนาดไหน”
แสนรัก:“……”
แน่นอนว่าเขารู้ดี เพราะตั้งแต่เด็กเขาก็ไม่ชอบกินเหมือนกัน !
นิ้วของแสนรักสั่นเล็กน้อย เหมือนมีบางอย่างแทงเข้าไปที่หน้าอกของเขา เขามองดูถั่วเหล่านี้ที่กองขึ้นเหมือนเนินเขา และใบหน้าของเขาเหมือนถูกแช่แข็ง
แต่แววตาน่าพิศวงทั้งสองข้างนั้นกลับเหมือนเกิดกระแสน้ำลึกเริ่มซัดเข้ามา
จะใช้พายุฝนฟ้าคะนองมาอธิบายความรู้สึกนี้ก็ดูจะไม่เหมาะสม
สองพ่อลูกไม่ได้กินอาหารเช้าต่อ เพราะผู้ชายคนนี้ทนไม่ไหว เขาอุ้มเด็กหญิงคนนี้ไปโรงพยาบาลอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาตรงไปที่แผนกตรวจDNAของโรงพยาบาล
——
ในเวลานี้เส้นหมี่ขึ้นเรือเพื่อไปต่างประเทศแล้ว
หล่อนยังนึกถึงจุดนี้ ดังนั้นหล่อแทบนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนที่อยู่ในห้องโดยสาร หล่อนนั่งอยู่ที่นั่นเหมือนก้อนหิน ดวงตาที่ว่างเปล่าของหล่อนจ้องมองไปที่ทะเลมืดข้างนอกอย่างอ้างว้าง
จนกระทั่งท้องฟ้าทางทิศตะวันออกสว่างขึ้น เงาของคนๆหนึ่งได้ถือบางสิ่งเดินเข้ามา
“คุณ…คุณนอนไม่หลับทั้งคืนเลยเหรอ? โอเคใช่ไหม คุณเป็นอะไร”
ทันทีที่คนๆนี้เดินเข้ามา เขาเห็นว่าหล่อนยังอยู่ในท่าเดิมตอนที่เขาจากไปเมื่อคืน และผ้าห่มข้างๆหล่อนก็ไม่ขยับเลย ทันใดนั้น ใบหน้าที่สวยงามก็เกิดโกรธขึ้น
ไม่ผิดแน่คนๆนี้ก็คือมาร์ติน
เส้นหมี่ยังคงนิ่ง อาจเป็นเพราะดวงตาของเธอมองออกไปข้างนอกนานเกินไปจนหล่อนขี้เกียจหันกลับมา
พอหันกลับ ก็รู้สึกเจ็บ!
มาร์ตินเริ่มโมโห ทำได้แค่โยนทิ้งของที่เขาถือมาต่อหน้าหล่อนและเขาก็วิ่งออกไปเพื่อไปนำน้ำร้อนมาให้หล่อนหนึ่งชาม
“พอแล้ว ไม่ต้องดูแล้ว ในเมื่อคุณตัดสินใจทิ้งทุกอย่าง งั้นก็ไม่ต้องไปคิดถึงมันแล้ว สิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับแสนรัก ถึงแม้ว่าเขาจะโหดเหี้ยม แต่สำหรับลูกๆ เขาก็ถือว่าเป็นพ่อที่ไม่เลวเลย”
“……”
“อีกอย่างตอนนี้คุณมีเป้าหมายของตัวเอง คุณต้องการให้ตระกูลวชิรนันท์กลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง และคุณยังคงต้องชดใช้ให้กับตระกูลอัครนันท์ ดังนั้นคุณไม่ต้องคิดถึงเรื่องพวกนี้อีกต่อไป คุณควรปลุกใจให้ฮึกเหิมหน่อย”
มาร์ตินพยายามเกลี้ยกล่อมผู้หญิงคนนี้อย่างอดทน
โชคดีที่อาจเป็นคำพูดสุดท้ายของเขาที่กระตุ้นเธอ ริมฝีปากแห้งของเส้นหมี่ก็ขยับ และในที่สุดเธอก็หันศีรษะกลับมาอย่างช้าๆ หลังจากที่นั่งมาทั้งคืน
“คุณพูดถูก ฉันควรปลูกใจให้ฮึกเหิม ฉันจะแก้ไขข้อผิดพลาดที่ฉันเคยทำ” หล่อนพึมพำแล้วหยิบขนมปังบนโต๊ะยัดเข้าปาก
เมื่อมาร์ตินเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกบ้าขึ้นอีกครั้ง: “ไม่ต้องรีบ ยังมีอีกเยอะค่อยๆกิน”
เขารู้สึกเป็นห่วงผู้หญิงคนนี้จริงๆ
สิ่งที่โชคดี คือหลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว สภาพจิตใจของเส้นหมี่ก็ดีขึ้นมาก และเริ่มซักถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ
“ฉันยืมคุณหนึ่งล้าน คุณมอบมันให้กับลุงฉันรึยัง?”
“ให้แล้ว ให้แล้ว ฉันทำตามที่คุณบอกนั้นแหละ หาลูกค้าเก่าที่เคยทำงานร่วมกับตระกูลวชิรนันท์และทำเหมือนกับว่าเขาให้เงินลุงคุณยืม ”
มาร์ตินตอบอย่างโกรธเคือง
เมื่อเขาส่งเงินหนึ่งล้านไปให้ตระกูลอัครนันท์ แท้จริงแล้วรู้สึกอึดอัด เพราะเงินนี้เป็นเงินที่เส้นหมี่ยืมเงินจากเขาก่อนแล้วจึงให้ธนาตย์เพื่อช่วยให้เขาผ่านช่วงยากลำบากนี้ไปได้
แต่เส้นหมี่กลัวว่าลุงของหล่อนจะไม่รับมัน ดังนั้นหล่อนจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างเรื่องแบบนี้
โอ๊ย!
ใบหน้าของเส้นหมี่ซีดอีกครั้ง สักพักหล่อนยังคงถามต่ออีกว่า “ฉันขอให้คุณหาคนตระกูลวชิรนันท์ คุณหาเจอไหม?”
มาร์ตินพยักหน้าอีกครั้ง: “ฉันหาเจอแล้ว แต่ทำไมคนตระกูลวชิรนันท์ถึงมีน้อยจัง? หลังจากค้นหาเป็นเวลานานฉันก็พบลูกชายคนเล็กของลุงญาติฝั่งพ่อของคุณ”
“ใช่ ตระกูลวชิรนันท์ของพวกเรามีคนน้อยจริงๆ”
เส้นหมี่กระตุกมุมปากของเธอ ใบหน้าเล็กๆที่ซีดเซียวของเธอเต็มไปด้วยความเศร้า
นั้นสิ ถ้าครอบครัวเต็มไปด้วยลูกหลาน ตระกูลวชิรนันท์ในปีนั้นที่ถูกปัญหาโอบล้อมจากทุกทิศทาง แม้แต่คนเดียวก็ไม่มีใครสามารถช่วยได้สักคนเลยเหรอ?
แต่สังคมเล็กไปหน่อย ก็คงไม่เป็นอย่างนี้
เส้นหมี่มองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง แต่คราวนี้อาจเป็นเพราะมาร์ตินบอกหล่อนว่าได้หาคนของตระกูลวชิรนันท์พบแล้วแววตาของเธอจึงไม่ได้ดูว่างเปล่ามากนัก
ความหวังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย และความแน่วแน่ก็เพิ่มอีกขึ้นอีกเล็กน้อยเช่นกัน
สองวันต่อมา ภายใต้ความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ดีของหล่อนอย่างพิมแสง ทำให้เส้นหมี่มาถึงเคลียร์และเปลี่ยนโฉมหน้าของหล่อนอีกครั้งจนเข้าสู่วงการทางการเงินได้สำเร็จ
เพียงแต่ว่าหล่อนคาดไม่ถึงว่า เมื่อหล่อนและพิมแสงเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเป็นครั้งแรกในแวดวงนี้ พวกเขาจะได้พบกับคณาธิปที่ไม่ได้เจอกันมานาน
“เส้นหมี่ บังเอิญจริงๆ คุณกลับมาแล้วเหรอ? ทำไมไม่เห็นบอกผมสักคำเลยล่ะ ผมคิดว่าคุณยังอยู่ที่เมืองA”
คณาธิปที่อยู่ในชุดสูท รองเท้าหนังและยังสวมแว่นตาสีทอง หลังจากพบเส้นหมี่ เขาที่มีคิ้วสง่างามและอ่อนโยนเป็นเหมือนระลอกคลื่นที่ปลิวไปตามลม เขาทิ้งเพื่อนผู้หญิงที่มากับเขาด้วยกัน แล้วรีบเดินมุ่งตรงมาหาพวกหล่อน