ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 286 ไม่เอาแล้ว ยกให้เธอไปเลย
หล่อนกล้าเอาความตายข่มขู่เขาเชียวเหรอ?
ผู้ชายที่มาที่นี้ในชั่วข้ามคืน เขาหนาวสั่นเข้ากระดูกจ้องมองไปที่ผู้หญิงคนนี้จากมุมสูง แววตาของเขามืดดำจนไม่เห็นแสงสว่าง ทั้งอันตราย เย็นยะเยือกและน่าสะพรึงกลัว!
“เธอจะตัดความสัมพันธ์กับฉันแบบนี้ ลืมแล้วเหรอว่าตอนแรกเธอไล่ตามตื้อฉันยังไง?
“……”
เส้นหมี่กลับหลังหัน ใบหน้าเล็กๆเท่าฝ่ามือกลับซีดเซียวมากขึ้นมาทันใด
หล่อนไม่เคยลืม
ดังนั้นตอนนี้หล่อนจึงเกลียดตัวเองมาก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้อีกครั้ง หล่อนจะไม่ทำตัวโง่เขลาเหมือนตอนนั้นอย่างแน่นอน
เส้นหมี่รู้สึกอับอายและโกรธจนถึงขีดสุด เหลือเพียงแววตาที่ว่างเปล่า: “ใช่แล้ว แสนรัก ฉันจะลืมมันไปได้ไงหล่ะ? ฉันทิ้งทุกอย่างเพื่อที่จะตามตื้อคุณ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลวชิรนันท์ ตระกูลอัครนันท์และตัวฉันเอง แสนรักนี่คุณกำลังเตือนสติฉันว่าทำไมฉันมันง่ายใช่ไหม?
แสนรัก:“……”
ก้นบึ้งหัวใจเขาก็รู้สึกกระวนกระวาย ทันใดนั้น เขาก็ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้หมายความอย่างนั้น
แต่ว่า ผู้หญิงคนนี้กลับผลักเขาออกไปอย่างแรงทันที
“ก็ดีเหมือนกัน ส่วนขั้นตอนการหย่าฉันจะส่งทนายของฉันไปหาคุณแล้วกัน ตอนนี้คุณออกไปได้แล้ว
คำพูดประโยคสุดท้ายช่างเยือกเย็นถึงที่สุดจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้ หล่อนไม่รู้สึกกลัวและร้อนรนเลย แต่กลับนิ่งสงบแล้วพูด แววตาของชายแปลกหน้าคนนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ทันใดนั้น สีหน้าของแสนรักก็น่าหวาดกลัวขึ้นมาก
และที่เขามาเอาเวลานี้ ก็เพราะว่าต้องการให้ผู้หญิงคนนี้มีเวลาคิดทบทวนอย่างใจเย็น คนๆหนึ่งที่มีอารมณ์หุนหันพลันแล่น ส่วนใหญ่จะตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
ดังนั้น เขาจึงให้เวลากับหล่อน
แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่รอมาสามสี่วันแล้วไปหาหล่อน แต่หล่อนกลับตอบมาแค่ประโยคเดียว
เขาไม่น่าให้อภัยขนาดนั้นเชียวเหรอ?
แม้ว่าเรื่องของแต่งฝันอาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดหรือแม้กระทั่งเรื่องที่คุณท่านทำในปีนั้นจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาเลยก็ตามงั้นเหรอ?
ชายคนนั้นรู้สึกผิดหวังอย่างมาก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดมนราวกับถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของน้ำค้างแข็ง เขาได้ยินเสียงอารมณ์ที่ถูกควบคุมไว้เป็นเวลานานกำลังหุนหันพลันแล่นและกำลังจะแตกสลายไป!
“เธอยังยึดติดกับเรื่องของแต่งฝันนั้นเหรอ? ฉันจะบอกให้เธอฟัง ฉันไปสืบมาแล้ว เรื่องนี้พ่อฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย!”
“มันไม่สำคัญแล้ว แสนรัก ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ตอนนี้ฉันไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลหิรัญชาของพวกคุณอีกแล้ว สิ่งเดียวที่คิดในตอนนี้คืออยากให้ตระกูลวชิรนันท์ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง พ่อฉันกำลังจะออกมาแล้ว
“ลูกก็ไม่ต้องการแล้วใช่ไหม?”
“…ไม่เอา ให้เธอไปหมดเลย!” เส้นหมี่ราวกับใช้พลังแรงกล้าอย่างมากเพื่อพูดประโยคนี้ให้จบด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวเหมือนกระดาษสีขาว แล้วหล่อนก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า
ในที่สุดบรรยากาศก็หยุดนิ่งลง
คนๆหนึ่งจะต้องรู้สึกท้อแท้และสิ้นหวังถึงขั้นไหนจึงจะกล้าพูดประโยคแบบนี้ออกมาได้?
ชายคนนั้นที่ยืนอยู่ก็เริ่มทรุดลง
แต่ไหนแต่ไรอยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาจะทำตามอำเภอใจ แต่ในตอนนี้ เมื่อเขาฟังคำพูดประโยคนั้นราวกับมีบางสิ่งบางอย่างที่อยู่เหนือการควบคุมของเขาเอง ทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกอย่างมากออกมา
แม้กระทั่งมือทั้งสองข้างที่แนบอยู่ข้างๆก็ค่อยๆสั่น
หล่อนไม่ต้องการแม้กระทั่งลูกของหล่อน
สิ่งที่หล่อนเคยมองว่ามันคือทั้งชีวิต…
เส้นหมี่ยังคงรอคำตอบจากเขา แต่ในความมืด หล่อนมองไม่เห็นสีหน้าของเขาเลย สิ่งเดียวที่รู้สึกได้ คือ การเคลื่อนไหวของเขา
แต่หล่อนเห็นเขานิ่งไม่ขยับเลย
จริงสิ เขาจะขยับทำไมหล่ะ?
ตอนนี้เขาคงจะดีใจสินะ ทุกอย่างกลับคืนไปเป็นของเขาแล้ว รวมทั้งลูกสามคนเดียว
เส้นหมี่ยิ้มด้วยความเศร้าโศก หันหลังเดินจากไป
“เธอจะไปไหน?”
หล่อนที่พึ่งขยับตัว ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะยื่นมือมาจับเธอไว้อย่างแรง ทำให้หล่อนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องมาสนใจว่าฉันจะไปที่ไหน? ปล่อยฉัน!”
“ฝันไปเถอะ เส้นหมี่ ฟังฉันนะ สิ่งของของฉัน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากฉัน ยังไงก็ยังเป็นของฉันเสมอ”
ผู้ชายที่มีดวงตาสีแดงกำลังคำราม เขาเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกยั่วยุ หลังจากผลักหญิงสาวไปที่ข้างประตู จูบที่ดุดันก็ประกบลงที่ริมฝีปากหล่อน
เส้นหมี่:“……”
หล่อนตกใจสะดุ้งอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นเริ่มดิ้นขัดขืน: “อือ…แสนรัก ไอ้…สารเลว ปล่อยฉันนะ…”
เขาเป็นพิษร้าย หล่อนจะสัมผัสเขาไม่ได้ มันไม่ง่ายเลยที่หล่อนจะทำใจปล่อยวางได้ และหล่อนจะไม่กลับไปทำผิดพลาดซ้ำอีก!
แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนหวาดกลัวคือ ยิ่งหล่อนตะเกียดตะกายมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งบ้ามากขึ้นเท่านั้น
และในที่สุดเขาก็อุ้มหล่อนเข้าไปในห้องนอน!-
บริษัทคลาวน์โปรที่เคลียร์
หลังจากที่คณาธิปกลับมาและโยนเสื้อสูททิ้งไว้ข้างๆ จากนั้นเขาก็เอนตัวนอนลงบนโซฟา
วันนี้เขาเมามาก ถ้าไม่ยืนกรานที่จะกลับก็คงไม่ได้กลับมา
ในเวลาอย่างนี้ผู้ช่วยก็เข้ามา เมื่อเห็นเหตุการณ์อย่างนั้นก็รีบวุ่นไปตักน้ำให้เขา
“คุณผู้ชาย คุณเป็นอะไร? ทำไมดื่มเหล้าหนักขนาดนี่ล่ะ? ใช่ว่าคุณจะดื่มเก่ง”
ผู้ช่วยทำงานกับเขามาหลายปี เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ
แต่คณาธิปกลับหัวเราะและเอนหลังพิงโซฟา มองดูฝ้าเพดานด้วยท่าทางที่พึงพอใจ
“มีความสุขดื่มสักหน่อยก็ไม่เป็นไร”
“มีความสุข? เป็นเพราะคุณสวยใสเหรอ? หล่อนมาแล้วใช่ไหม?”
“ใช่”
คณาธิปไม่ปฏิเสธ และคว้าแก้วน้ำของผู้ช่วยดื่มอยากรวดเร็ว