ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 289 ตอนนี้เขาไร้ประโยชน์จริงๆ
น้ำเสียงของแสนรักดุเดือดรุนแรงมาก และสีหน้าเคร่งขรึมที่ไม่เคยเกิดปรากฏให้เห็นมาก่อน
มาร์ตินไม่เข้าใจเรื่องนี้ และเขาตกใจมากเมื่อเห็นแสนรักเป็นแบบนี้
“อะไร… หมายความว่ายังไง? หล่อนมีความสามารถขนาดนี้ ยังเข้าไปได้ยากอีกเหรอ?”
“คุณคิดว่าไงหละ?”
ผู้ชายเต็มไปด้วยความโกรธ ยิ้มเยาะเย้ยอยู่ที่นั่น
มาร์ตินเงียบไป
เขาไม่เข้าใจจริงๆ แต่หากเขาเข้าใจ ลูกพี่ลูกน้องที่อยู่ข้างหน้า เขาจัดการเรื่องของหิรัญชากรุ๊ปของพวกเขาทุกวัน และไม่รู้ว่าลูกค้ากี่คนที่ตายด้วยน้ำมือของเขา
บางทีเขาอาจจะเข้าใจแล้ว
ใช่สิ การเก็งกำไรในการเล่นหุ้น พูดอย่างสุภาพคือช่วยเหลือผู้คนในการวางแผนการลงทุนและการจัดการทางการเงิน
แต่ถ้าพูดหยาบๆคือหลอกลวงให้ลงทุน สิ่งที่พวกเขาได้คือส่วนต่างของการลงทุนในโครงการนี้ และคนที่เก่งหน่อยก็จะทำเรื่องปิดบังกับบริษัทใหญ่ๆ ทันทีที่หลงกล บริษัทนั้นจะโดนหลอกจนตาย
ดังนั้นในบริษัทขนาดใหญ่เหล่านั้น จึงมีหน่วยงานที่ชำนาญการค่อยจัดการกับคนเหล่านี้
โดยเฉพาะธุรกิจเจ้าของคนเดียวอย่างหิรัญชากรุ๊ป
มาร์ตินไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้หมายถึงอะไร แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่หม่นหมองของเขาแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องกังวล เมื่อคืนพวกเราได้ไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในแวดวงหุ้นมาแล้ว และผู้หญิงงี่เง่าคนนั้นโชคดีมาก หาคนได้แล้ว”
“ใคร?”
“ฉันได้ยินว่าชื่ออีริคอะไรสักอย่าง เธอรู้จักไหม”
“อีริค?” สีหน้าแสนรักก็เปลี่ยนไป แต่ครั้งนี้แววตาของเขาเย็นชามากกว่าเมื่อกี้มาก
“อีริค?” หล่อนรู้จักเขาด้วยเหรอ? ใครเป็นคนให้ลู่ทางกับหล่อน”
“ทนายความคนหนึ่งชื่อคณาธิป นี่คุณ…คุณเป็นอะไรกันแน่? ทำไมคุณทำท่าเหมือนฆาตกร ในวงการนี้มีอะไรที่ปิดบังอยู่งั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางของเขา มาร์ตินอดไม่ได้ที่จะถาม
แต่ไม่มีเสียงตอบกลับ ตอนนี้ท่าทางของลูกพี่ลูกน้องของเขาที่แสดงออกมานั้นน่ากลัวมาก จนสามารถใช้คำว่าผีมาอธิบายได้เลย
แท้จริงแล้วอีริคก็คือวอลล์สตรีท ลูกค้าหุ้นรายใหญ่ที่สุด
แต่คนนี้ไม่ได้แสดงตัวอย่างโจ่งแจ้งว่าเป็นคนลงมือ แต่เรียกกลุ่มคนมาเกร็งหุ้นแทนเขา เป็นเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมา วอลล์สตรีทแผลงฤทธิ์ค่อนข้างมาก
แม้แต่หิรัญชากรุ๊ป ช่วงที่คุณท่านต้องรับผิดชอบ ยังเคยขาดทุนด้วยน้ำมือของเขามาแล้ว
แต่ผู้หญิงคนนี้กลับรู้จักเขาแล้ว
คณาธิป!!
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร?
ในตอนนั้นที่เมืองA เขาเกือบจะกลืนผู้หญิงคนนี้ทั้งเป็นเพราะคนนี้
ฉันคิดว่าเขาคงอยากรู้ คิดไม่ถึงว่าเขาจะซ่อนตัวมาถึงที่นี่ และผู้หญิงที่ตายไปแล้วคนนี้ก็มาถึงที่นี่ เพื่อสมรู้ร่วมคิดกับเขาล่วงหน้างั้นเหรอ?
ถ้าเขาได้ยินว่ามีคนช่วยผู้หญิงคนนี้เมื่อครู่นี้ และเขารู้สึกไม่สบายใจมาก ตอนนี้ เมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ เขาแทบจะเรียกได้ว่าเป็นการทำลายโลก
“เพล้ง” แม้แต่แก้วกาแฟในมือก็แตกเป็นชิ้นๆด้วยความโกรธ
เมื่อมาร์ตินเห็นอย่างนั้น เขาก็ตกตะลึง: “คุณ…คุณทำอะไรหน่ะ? คุณคงไม่คิดจะไปฆ่าเขาใช่ไหม?”
นับว่าเขารู้จักลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของเขาอยู่บ้าง
แสนรักเต็มไปด้วยแววตาที่มืดมนแล้วจ้องมองเขา “ไม่มีทาง?”
เชี๊ย!
มาร์ตินคุกเข่าต่อหน้าเขา!
“แน่นอนว่าไม่ได้! คุณเสียสติไปแล้วเหรอ? ถ้าคุณฆ่าเขา คนอย่างยัยบ๊องจะปล่อยคุณไปเหรอ? ฟังฉันนะ หล่อนจะย้อนกลับมาฆ่าคุณแน่นอน”
คำพูดนี้เป็นคำพูดที่ทำร้ายใจมาก ทันใดนั้น แสนรักจ้องมองเขา เหมือนหยุดหายใจไปชั่วขณะ รู้สึกเหมือจุกอยู่ในลำคอ
หล่อนจะฆ่าจะเขางั้นเหรอ?
เพื่อคณาธิปคนนั้นเหรอ?
เขาเหมือนถูกแทงเข้าที่หน้าอกอย่างแรง เขาไม่อยากยอมรับ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันลูกพี่ลูกน้องของเขาพูดถูกจริงๆ
แม้ว่าเมื่อวานพวกเขาพึ่งจะนอนด้วยกันมา
ความสิ้นหวังของเขาเหมือนกระแสน้ำ เมื่อผู้ชายรูปร่างสูงรู้เรื่องนี้ เขาทำอะไรไม่ถูกจนนิ้วมือสั่นเล็กน้อย
เขาไม่เคยไร้ประโยชน์อย่างนี้มาก่อน
“พี่ชาย ผมรู้ว่าตอนนี้คุณเป็นห่วง แต่ถ้าคุณไม่อยากให้ยัยบ๊องเกลียดหน้าคุณ คุณก็อย่าทำตัวเป็นเผด็จการ คุณเป็นคนฉลาด คิดวิธีอื่นไม่ออกเลยเหรอ?”
ในที่สุดมาร์ตินก็ใจอ่อนแล้วเตือนเขา
แสนรักเงียบไปอยู่พักใหญ่
สักพัก เส้นหมี่ก็โทรเข้ามาหามาร์ตินแล้วถามว่าไปรับปอร์เช่มารึยัง?
มาร์ติน: “ กำลังจะไป ตอนนี้กำลังเดินทางอยู่ ถ้าไปรับมาแล้วจะรีบบอกเธอนะ ใช่แล้ว ลูกผู้น้องหน้าตาเป็นยังไงเธอรู้ไหม? ส่งรูปมาให้ฉันหน่อยนะ”
มาร์ตินบอกผู้หญิงในสายให้ส่งรูปมาให้เขา
ต่อหน้าผู้ชายที่นั่งเหม่ออยู่นาน เมื่อเขาได้ยินคำในประโยคนั้นก็กระพริบตา
“ลูกผู้น้องเหรอ?” สักพัก เมื่อรอมาร์ตินวางสาย เขาก็นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วถาม
“……”
จริงแล้วๆวิธีการนี้ก็ไม่แย่
สิ่งที่ธุรกิจครอบครัวต้องการมากที่สุดคือคนที่ไว้ใจได้ และไม่สงสัยคนในตระกูลเป็นสิ่งที่สุด
ปลูกฝังเหรอ?
แบบติดตามทีละก้าวอย่างไม่แยกจากนั้นนะเหรอ?
ผู้ชายคนที่มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับถูกปกคลุมไปด้วยชั้นหิมะที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แววตาที่มืดดำเป็นเวลานาน กลับมาสดใสอีกครั้ง
“เธอไม่ต้องไปรับ เดี๋ยวฉันไปรับให้เอง”