ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 302 จุดอ่อน
ในที่สุดชายชาวญี่ปุ่นก็เชื่อเส้นหมี่แล้ว จากนั้นทั้งสองก็เริ่มคุยกันอย่างเป็นทางการ
เป็นอย่างที่เส้นหมี่คาดไว้ เมื่อเธอพูดถึงพันธบัตรของตระกูลคริสขึ้นมา ชายชาวญี่ปุ่นก็แสดงความสนอกสนใจอย่างออกหน้าออกตา จากนั้นเขาก็ตกลงซื้อพันธบัตรทั้งหมดในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดถึงสองเท่าอย่างรวดเร็ว
เงินสองเท่าตัว ก็เกือบสิบล้าน และยิ่งไปกว่านั้นเส้นหมี่ยังไม่ได้ออกเงินสักแดงเดียว
เส้นหมี่ดีใจสุดขีด เธอรีบหยิบสัญญาออกมา จากนั้นทั้งสองลงนามในทันที
“ปัง!!”
ไม่มีใครคาดคิดว่าในช่วงสำคัญแบบนี้ ประตูห้องชุดจะถูกเตะเปิดออก และชายวัยกลางคนสวมสร้อยทองขนาดใหญ่ที่มีรอยสักอยู่เต็มตัวก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู
อีริค?!
เส้นหมี่สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที
รวมถึงคนอื่น ๆในห้อง ทุกคนก็ต่างตกตะลึง โดยเฉพาะคณาธิปที่เป็นคนต้นคิดเรื่องนี้
“สวยใส คุณก็ใช้ได้เลยนะ สามารถต่อรองเรื่องใหญ่กับคุณฮาชิโมโตะตัวคนเดียวได้ด้วย เรื่องดี ๆ แบบนี้ ทำไมไม่บอกให้ผมรู้ด้วยล่ะ?”
“คุณอีริค ฉัน…”
“คุณอีริค ขอโทษครับ เรื่องนี้เป็นความคิดของผมทั้งหมด ผมเห็นว่าสวยใสต้องการเงินด่วน ผมเลยตัดสินด้วยตนเอง หวังว่าคุณจะเห็นแก่หน้าผมอย่าโทษเธอเลยครับ”
ในช่วงเวลาวิกฤต คณาธิปยังเป็นชายที่มีความรับผิดชอบ และเดินมายืนขวางด้านหน้าเส้นหมี่ไว้
แต่พออีริคฟังแล้ว ตอนที่ให้เขาเชิญชวนเส้นหมี่ ท่าทางของเขาดีมาก แต่ตอนนี้เขาไม่มองเฉียดคณาธิปด้วยซ้ำ
“เห็นแก่หน้าคุณ? ทนายธิป ผมยังไม่พูดเรื่องที่คุณแนะนำคนแบบนี้ให้ผมรู้จัก คุณกลับอยากให้ผมเห็นแก่หน้าคุณ? เห็นแก่อะไร? มันมีมูลค่าไหม? ดีเลย ถ้างั้นคุณบอกให้เธอมอบสิ่งที่อยู่ในมือเธอทั้งหมดให้ผมแล้วผมจะเห็นแก่หน้าคุณ!”
“คุณ…”
คณาธิปโกรธจนหน้าดำหน้าแดง
แต่เขาไม่มีทางเลือก เพราะทันทีที่ชายคนนี้พูดจบ ลูกน้องด้านหลังที่มากับเขาก็เข้ามาในห้องทันที
“ธิป ทำยังไงดี?”
เส้นหมี่เมื่อเห็นเหตุการณ์แบบนี้ก็ตื่นตระหนก และลนลานขึ้นมาทันที
เธอไม่มีทางให้ของสิ่งนี้กับอีริคแน่นอน พันธบัตรพวกนี้เป็นของเธอ เขามีสิทธิ์อะไรมาเอาไป? ถ้าเธอให้เขา เธอก็ไม่เหลืออะไรแล้ว
เส้นหมี่คิดจะซ่อนสัญญาฉบับนี้
แต่กลับไม่คาดคิดว่าคนของเขาเห็นว่าเธอกำลังจะซ่อนสัญญา จึงรีบเดินเข้ามาหาหวังจะคว้ามันไป “ส่งมาเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ นี่มันของของฉัน พวกแกมีสิทธิ์อะไรจะมาเอามันไป?” เส้นหมี่หน้าซีดทันที เธอจับสัญญาตัวเองไว้แน่น ไม่ว่ายังไงก็ไม่ปล่อยมือเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน เธอมองไปทางคณาธิปอย่างขอร้อง หวังจะให้เขาช่วยเธอ
แต่คณาธิปจนปัญญาจริง ๆ เพราะเหมือนมีกรีชคมกริบจี้อยู่ที่คอของเขาแล้ว
เส้นหมี่หมดหวังอย่างที่สุดแล้ว!
เมื่อเห็นว่าคนพวกนี้กำลังจะแย่งสัญญานี้ไป จู่ ๆ ชายหนุ่มสวมเสื้อสเวตเตอร์สีน้ำเงินที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ก็เดินมาจากด้านหลังของเส้นหมี่
“พี่ครับ ถ้าเขาอยากได้ก็ให้เขาไปเถอะ”
“อะ…อะไรนะ?”
เส้นหมี่เบิกตากว้างมองชายหนุ่มที่หยิบสัญญาออกจากมือของเธอไปด้วยแววตาสั่นเทา!
“ไม่ได้นะ ปอร์เช่ ฉันให้เขาไม่ได้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เราเหลืออยู่ ถ้าให้ไปเขา เราจะไม่มีต้นทุนพอที่จะฟื้นฟูตระกูลวชิรนันท์ให้กลับมาอีกครั้งได้นะ”
“ไม่เป็นไร ถึงพี่จะให้เขาไป เขาก็ออกจากโรงแรมนี้ไม่ได้อยู่ดี”
ปอร์เช่ที่อยู่ ๆ ก็บู่มบ่ามพูดบางอย่างออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย
จากนั้น นิ้วมือผอมแห้งของเขาหยิบสัญญานี้ยื่นออกไป
เสียงภายในห้องก็เงียบลงทันที
ออกจากโรงแรมนี้ไม่ได้? หมายความว่ายังไง?
ไม่ นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือ ทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงพูดแบบนั้น? เขาดูสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ออกหรือยังไงกัน? เขาโง่หรือเปล่า?
คนของอีริคพากันหัวเราะเยาะ
แต่สีหน้าของเส้นหมี่และคณาธิปยิ่งซีดขาวยิ่งกว่าเดิม
เด็กคนนี้ทำไมถึงเวลาแบบนี้ยังก่อเรื่องได้อีก?
แต่ไม่นานนัก พวกเขาก็พบว่าคนกลุ่มนี้หยุดหัวเราะแล้ว และเผยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด จ้องมองเจ้านายของพวกเขา อีริค!
“นั่นมันอะไร? จุดสีแดงบนหน้าบอส”
“…หรือจะเป็น…การลอบยิง?”
“การลอบ…ยิง?!!”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ทุกคนต่างหนีกระเจิง ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก ทุกคนกุมหัวตัวเองและหาที่กำบัง
รวมทั้งอีริค เขาก็อยากหาที่หลบ
แต่ราวกับว่าเขาโดนจี้จุด ดวงตาเพ่งมองจุดสีแดงเล็ก ๆ ระหว่างคิ้วของเขาเอง ใบหน้าซีดเผือด และไม่กล้าขยับแม้แต่นิดเดียว!
“อย่า…อย่ายิงเลยนะน้องชาย มีอะไรคุยกันได้ คุยกันได้นะ” ไม่นึกเลยว่าเขาจะชูมือที่สั่นเทาทั้งสองข้างขึ้นสูง
เส้นหมี่และคณาธิปทั้งสองคนตกตะลึงสุดขีด!
การลอบยิง?
ลอบยิงมาจากที่ไหน? มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันเนี่ย?
เหมือนพวกเขาโดนฟ้าลงโทษ เธอแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน รวมทั้งคณาธิปด้วย
แต่เขามองเห็นว่ามีจุดสีแดงเล็ก ๆ อยู่บนหน้าของอีริคจริง แถมยังเป็นจุดแดงที่อยู่ระหว่างคิ้วพอดี!
ถอนรากถอนโคน!
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
–
สุดท้ายอีริคก็ทำได้เพียงยอมฟังและปล่อยเส้นหมี่พร้อมคนอื่น ๆ ไป
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาด และหลังจากเห็น
ว่าจุดสีแดงระหว่างคิ้วของตัวเองหายไปแล้ว เขาก็รีบออกมาจากห้อง และหลีกเลี่ยงที่ที่มองเห็นจากด้านนอกได้ เขาเผยสายตาชั่วร้ายและโหดเหี้ยมออกมา