ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 600 สามีของฉัน เป็นวีรบุรุษ1
เส้นหมี่:“……”
ผ่านไปสักพัก เธอที่ยืนอยู่หน้าประตู ได้ยินตัวเองถามออกมาหนึ่งประโยค:“เรื่องที่พวกคุณพูดกันเมื่อสักครู่ ทำไมที่ชั้นล่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“ห๋า?”คนเหล่านั้น ทันใดก็พูดติดๆขัดๆขึ้นมา “คือ……คือว่าตอนเช้าคนของฝ่ายกฎหมายโทรมาหาผู้ช่วยเค หลังจากนั้นพวกเราถึงได้รู้”
ฝ่ายกฎหมาย?
เส้นหมี่ก็ได้เข้าใจแล้ว
คณาธิปคนคนนี้ เธอค่อนข้างเข้าใจ ถ้าเขาไปทำเรื่องอื่น เธอคงจะมีท่าทีสงสัยขึ้นมา
แต่ว่า เขาถือว่าเป็นทนายคนหนึ่ง ความสามารถของเขานั้นอย่าได้มองข้ามไป ตรรกของเขานั้น ความสามารถในการอภิปรายของเขานั้น แม้กระทั่งวิธีการของเขา บนโลกใบนี้ เกรงว่าจะไม่มีทนายคนไหนที่มีมีความสามารถขนาดนี้แบบเขาอีกแล้ว
ดังนั้น เธอรู้สึกว่านี่เป็นลางบอกเหตุที่ไม่ดีเลย
ในใจของเส้นหมี่กระสับกระส่ายเดินเข้าออฟฟิศของท่านประธานไป
“หมี่ เป็นอะไรเหรอ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย”
แสนรักที่ยังยุ่งเหยิงอยู่ในออฟฟิศ ได้ยินเสียงคนเข้ามา จึงเงยหน้าขึ้น พบว่าเป็นหญิงสาวคนนี้ เขาอึ้งไปทันที เมื่อมองไปยังใบหน้าเล็กของเธอที่ซีดขาวออกมานั้น
เส้นหมี่ลังเลที่จะพูด
ผ่านไปสักพัก จึงเดินมายืนอยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขา
“พี่ชาย เมื่อกี้ฉันได้ยิน……ด้านนอกพวกเขากำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องคดีความ พวกเขาพูดกันว่า ฝั่งนู้นไม่ยอมรับความผิดเหรอ ยังจะมาแก้ต่างด้วยตัวเองอีกเหรอ”
เธอตั้งใจไม่พูดชื่อของคณาธิปออกมา จุดประสงค์ แน่นอนว่าไม่อยากให้ชายหนุ่มคนนี้โมโห
แสนรักพยักหน้า:“อืม ทำไมเหรอ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มี ก็คือ……ก็คือคุณรู้ว่าเขาเป็นใครหรือเปล่า เดิมทีเขาเป็นทนายความ ฉันกังวลว่า……”เส้นหมี่พูดออกมาอย่างติดๆขัดๆ อยากพูด กลับไม่กล้าพูดออกมาอย่างชัดเจน
แสนรักเอาปากกาวางลง
เขาไม่ชอบให้เธอพูดถึงชื่อของผู้ชายคนนั้นจริงๆ
แต่ว่า เธอตั้งใจหลบเลี่ยงชื่อของเขาแบบนี้มาถามเรื่องนี้ เขาก็รู้แล้วว่า ตอนนี้เธอพูดถึงเขา ไม่ได้มีความหมายอื่นใด
“ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ฝ่ายกฎหมายของหิรัญชากรุ๊ป ก็ไม่ได้กินหญ้า”
“แบบนี้……”
เส้นหมี่ได้ยินแบบนี้ จึงโล่งอกไป
“งั้นฉันขึ้นไปทำกับข้าวแล้วนะ พี่ชายคุณอยากจะทานอะไร”เธอยิ้มออกมาอีกครั้ง หนึ่งวินาทีเท่านั้น เหมือนฟ้าหลังฝนที่ดูสดใส ผู้หญิงคนนี้สดใสร่าเริงจนทำให้คนใจสั่น
“อะไรก็ได้ คุณทำอะไร ผมก็ทานอันนั้นแหละ”
พูดถึงประโยคนี้ น้ำเสียงในตอนท้ายของชายหนุ่มทันใดฟังดูกระหาย สายตายิ่งมองตรงไปที่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าที่สวมใส่ชุดสูทจึงทำให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างชัดเจน……
เส้นหมี่:“……”
คนคนนี้จริงๆเลย!!
กลางวันแสกๆ เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
เส้นหมี่หน้าแดงลามไปถึงหูจึงรีบวิ่งออกไป ไปทำกับข้าวที่ชั้นบนสุด
แต่ว่า ทำยังไงเธอก็คิดไม่ถึงเลยว่า วันนี้ตอนเที่ยง ที่คฤหาสน์หลังเก่าด้านโน้นเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
คฤหาสน์หิรัญชา
หลังจากที่เมื่อคืนแสนรักได้เสนอมา วันถัดมาในตอนเช้าดิลกจึงถูกรับตัวมาแล้ว
“คุณตา คุณมาแล้ว!”
“คุณตา——”
เด็กๆทั้งสามคนได้เห็นคุณตา แน่นอนว่าก็ดีใจขึ้นมาอย่างมาก แต่ละคนรีบวิ่งเข้ามาห้อมล้อมดิลกเอาไว้
ดิลกมองดูหลานๆที่น่ารักสดใส แน่นอนว่าชื่นชอบเป็นอย่างมาก แต่ว่า หลังจากที่เขาเข้ามา ภารานินที่อยู่ในบ้านก็มองเห็นเขาเช่นกัน
แต่ทันใดนั้น เธอเหมือนถูกสะกดจุดเอาไว้ ยืนนิ่งๆอยู่อย่างนั้นที่นั่น
“ภารานิน?”
ตอนนี้ แสงดาวที่อยู่ที่นี่พอดี หลังจากมองเห็นเธอมีปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยปกติ จึงเรียกชื่อออกมา
ภารานินกำลังสั่นเทา
“อ๊าาา——!”
ทันใดนั้น เธอเบิกตากว้างจ้องมองไปที่ดิลกแล้วกรีดร้องออกมา หลังจากนั้น นานแล้วที่เธอไม่มีอาการตกใจแบบนี้ กุมศีรษะของตัวเองเอาไว้แล้ววิ่งหนีขึ้นไป
“ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่แบบนี้!!”
ไม่กี่วินาที เธอจึงวิ่งหนีขึ้นชั้นบนไปแล้ว ในปากก็พูดอยู่อย่างนั้น เหมือนกับว่าได้เจอกับสิ่งที่น่ากลัวเข้า หลังจากที่เข้ามาในห้อง ก็แอบหลบอยู่
แสงดาว:“……”
สี่ห้านาทีเต็ม เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
อยู่ดีๆ คนบ้าคนนี้ก็บ้าขึ้นมาอีก?
สีหน้าของดิลกเปลี่ยนไป
ภารานิน แน่นอนว่าเขารู้จัก ในปีนั้น เธอโชคดีที่รอดชีวิตมาได้ ต่างต้องพึ่งเขากับธนากรทั้งสองคนทั้งหมด คนหนึ่งไปช่วยเธอสองแม่ลูก ส่วนอีกคนหนึ่งไปส่งข่าวให้ขุนนาย
อีกทั้งตอนนั้นหลังจากที่เธอกับขุนนายคบหากัน ก็อยู่ในสายตาของพวกเขาตลอด
งั้นตอนนี้เธอเป็นอะไรกันแน่?
หรือว่าเป็นเพราะว่าได้เห็นเขา จึงไปกระตุ้นความเจ็บปวดกับความหวาดกลัวที่อยู่ภายในใจของเธอ
ดิลกยืนอยู่ที่นั่นครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ในที่สุด เขาจึงก้าวเท้าเดินขึ้นไป
แสงดาว:“คุณจะไปไหน? เธอกำลังเป็นบ้า คุณระวังเดี๋ยวจะโดนเธอทำร้ายเอานะ”
ดิลกยิ้มออกมา:“ไม่หรอก ผมจะขึ้นไปดูสักหน่อย”
หลังจากนั้นเขามองตามทางที่ภารานินวิ่งหนีไป แล้วเดินตามขึ้นไป
ปรากฏว่า พึ่งจะมาถึงที่หน้าประตูห้อง เขามองเห็นเงาของคนคนหนึ่งกุมศีรษะเอาไว้แล้วหลบอยู่ที่ปลายเตียงกำลังสั่นเทาอย่างรุนแรง ในปาก ยังพึมพำอยู่อย่างนั้น
“น้องนิน?”
ดิลกได้เห็นฉากฉากนี้ ภายในใจรู้สึกคับคั่งเสียใจขึ้นมา
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า หญิงสาวที่สวยสดงดงามในปีนั้น ในวันนี้กลับกลายเป็นแบบนี้ไป