องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 402 ถูกใจอวิ๋นจิ่น
บัตรในมือฉีเฟยอวิ๋นถูกอวิ๋นหลัวฉวนหยิบไป เมื่อเห็นชื่อคนในนั้นนางก็ถึงกับพูดไม่ออก
อวิ๋นจิ่นเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่ง
“อวิ๋นจิ่นดีขนาดนั้น ข้ายังอยากให้มาเป็นพระสนมรองของท่านอ๋องตวนเลย” อวิ๋นหลัวฉวนกระเง้ากระงอดอย่างผิดหวังเล็กน้อย
สีหน้าอ๋องตวนมึนตึงขึ้นทันควัน “ท่านช่างกล้ามิใช่น้อย พระชายารองของข้างั้นหรือ ท่านเริ่มรู้จักวางแผนตั้งแต่เมื่อใดกัน”
“ไม่ใช่ว่าตอนนั้นจวินฉูฉู่ก็หาให้ท่าน…” อวิ๋นหลัวฉวนคิดจะโต้เถียงด้วยเหตุด้วยผล แต่ทันทีที่เห็นสีหน้าอันน่าหวาดกลัวของหนานกงเหยี่ยน นางก็หุบปากทันที
ฉีเฟยอวิ๋นไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นอวิ๋นจิ่น
“ท่านอ๋อง ท่านคิดเห็นอย่างไรบ้าง” ฉีเฟยอวิ๋นหันไปถามหนานกงเย่ที่เดินเข้ามาใกล้
“เสด็จอาใหญ่อยากให้เว่ยหลินชวนแต่งงาน ท่านย่อมต้องทำอย่างเต็มที่ เกรงว่าท่านคงจะมองๆ มานานแล้วนะซี”
“นั่นมันเป็นการคว้าหินมากระแทกเท้าตัวเองแท้ๆ ข้ายังทำใจไม่ได้” ฉีเฟยอวิ๋นไม่พอใจ นางไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อยและไม่มีทางให้ความร่วมมือด้วยได้
นางไม่ดีใจและไม่คิดจะต้อนรับอวิ๋นหลัวฉวนด้วย ดังนั้นนางจึงหันหลังเดินจากไปก่อน
อวิ๋นหลัวฉวนคิดจะตามไปดูแต่ถูกอ๋องตวนลากไปเสียก่อน เขาอยากจะกลับไปพูดเรื่องพระสนมรองให้รู้เรื่อง ใครกันแน่ที่คิดซี้ซั้วจะมอบพระสนมรองให้เขา
เมื่ออวิ๋นหลัวฉวนถูกลากตัวไป ภายในลานก็สงบขึ้น
ฉีเฟยอวิ๋นจำต้องเรียกอวิ๋นจิ่นมาหาอย่างช่วยไม่ได้เพื่อถามถึงเรื่องการแต่งงานกับเว่ยหลินชวน
ไหนเลยจะรู้ว่าทันทีที่ได้ยินว่าจะต้องแต่งงานกับเว่ยหลินชวน อวิ๋นจิ่นจะคุกเข่าลงต่อหน้าฉีเฟยอวิ๋นทันที
นางสาบานว่าจะไม่แต่งงานกับเว่ยหลินชวน
ทั้งยังบอกอีกว่านางมีคนในใจอยู่แล้ว นางยอมตายเสียยังจะดีกว่า!
ฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่ต่างนั่งกันคนละมุมโดยมีโต๊ะคั่นระหว่างกลาง
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกสับสนเล็กน้อย คงไม่ใช่ว่าชอบท่านอ๋องของนางหรอกนะ
ฝ่ายหนานกงเย่กำลังดื่มชาอย่างใจเย็น ทำทีเป็นเพียงผู้ที่คอยสังเกตการณ์เรื่องนี้
“นายท่าน ข้ามีคนในใจแล้วจริงๆ นายท่านโปรดอย่าถาม อย่าให้ข้าแต่งงานเลย”
อวิ๋นจิ่นยินดีจะรับใช้ข้างกายนายท่านไปตลอดชีวิต”
“อวิ๋นจิ่น ต่อให้ข้าจะอยากช่วยเจ้า แต่กับองค์หญิงใหญ่ข้าอาจจะพูดอะไรไม่ได้” ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะพูดอะไร
อวิ๋นจิ่นไม่ยอม และนางยังต้องเกลี้ยกล่อม
จริงๆ แล้วเว่ยหลินชวนเป็นคนดีคนหนึ่ง
คนฉลาดอย่างอวิ๋นจิ่น ไปไหนก็ไม่มีวันเสียเปรียบใคร
“นายท่าน อวิ๋นจิ่นไม่ยอม” อวิ๋นจิ่นก้มหน้าและคุกเข่าปฏิเสธอยู่อย่างนั้น
ฉีเฟยอวิ๋นได้แต่บอกว่า “เช่นนั้นก็ออกไปก่อน ข้าจะไปศาลพิเศษกลางเพื่อคุยเรื่องนี้อีกที”
“ขอบคุณนายท่าน” อวิ๋นจิ่นลุกขึ้นและถอยออกไป
ฉีเฟยอวิ๋นถอนหายใจและหันไปมองหนานกงเย่อย่างกลัดกลุ้ม “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าอวิ๋นจิ่นชอบใครหรือ”
“ข้ามองไม่ออก นางไม่ใช่คนของข้า” หนานกงเย่ตอบอย่างมั่นใจเต็มที่
ฉีเฟยอวิ๋นคิดว่าถ้าไม่ใช่เขาก็นับว่าดี
เพื่ออวิ๋นจิ่น ฉีเฟยอวิ๋นจึงกลับไปที่ศาลพิเศษกลางอีกครั้ง ไปเพื่อคุยกับองค์หญิงใหญ่เรื่องการแต่งงานกับเว่ยหลินชวน
“นางไม่ยินยอมงั้นหรือ” องค์หญิงใหญ่ฟังแล้วก็นึกโกรธและตบโต๊ะเสียงดัง “ให้นางมาเอง นางกล้าดีอย่างไร ไม่อยากมีชีวิตแล้วงั้นรึ”
ยากนักที่องค์หญิงใหญ่จะถูกใจใครสักคน จะปล่อยไปได้อย่างไร
ฉีเฟยอวิ๋นประคองท้องและแสร้งทำเป็นไม่สบายกาย หนานกงเย่รีบเข้ามาโอบฉีเฟยอวิ๋นไว้เพื่อปกป้องครรภ์ของนาง เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “เสด็จอาใหญ่ ท่านกำลังพยายามทำร้ายลูกของข้างั้นหรือ”
นั่นเององค์หญิงใหญ่จึงสำรวมอาการและชักมือกลับ แต่สีหน้ายังดูไม่มีพอใจ
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนที่ข้าถูกใจ ต่อให้มัดไว้ก็ต้องเอาตัวมาให้ได้!”
ฉีเฟยอวิ๋นไม่ค่อยสุขใจนัก นี่จะบังคับให้ซื้อขายกันหรืออย่างไร
“แต่อวิ๋นจิ่นไม่เต็มใจ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน นี่ไม่ใช่เรื่องของการไล่เป็นให้ขึ้นคอนนะเพคะ หากมีอะไรเกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อย ถึงตอนนั้นจะได้ไม่คุ้มเสีย” ฉีเฟยอวิ๋นแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ทุกข์ใจนักและลุกขึ้นพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
หนานกงเย่เป็นห่วงมาก ดังนั้นเขาจึงนั่งอยู่ข้างหลังฉีเฟยอวิ๋นและโอบนางไว้ ใช้สองมือคอยปกป้องครรภ์ของฉีเฟยอวิ๋นราวกับว่าถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น ครรภ์ของฉีเฟยอวิ๋นจะถูกใครสักมาปล้นเอาไป
องค์หญิงใหญ่เห็นดังนั้นก็โกรธ “ไม่ได้เรื่อง สตรีเรือนไหนบ้างที่ไม่เคยให้กำเนิดบุตร เจ้ากอดนางไว้เช่นนี้กลางวันแสกๆ ระวังจะเป็นเรื่องอื้อฉาว
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้สง่าผ่าเผย ไม่กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะเจ้าจนตายงั้นรึ!”
“การที่ลูกปกป้องภรรยาและบุตรมีอะไรน่าขันงั้นหรือ บุรุษเรือนไหนบ้างที่ไม่มีบุตรและภรรยา” หนานกงเย่กล่าวอย่างคนใจกว้าง
องค์หญิงใหญ่กลอกตามองเขา “ไม่ได้เรื่อง”
“เสด็จอาใหญ่ อวิ๋นจิ่นไม่เต็มใจจริงๆ และก็ไม่ง่ายเลยที่จะบังคับ ลูกสะใภ้ขอบังอาจถามเสด็จอาใหญ่หน่อยได้หรือไม่เพคะว่าเหตุใดจึงต้องเป็นอวิ๋นจิ่น” ฉีเฟยอวิ๋นฉวยโอกาสตอนที่อาหลานสงบศึกถามองค์หญิงใหญ่
องค์หญิงใหญ่ตรัสด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “อวิ๋นจิ่นเป็นคนที่ข้าถูกใจมานานแล้ว นางมาส่งเงินให้ข้าอยู่หลายครั้ง นางเป็นเด็กที่ค่อนข้างใสซื่อตรงไปตรงมา แม้ว่าจะไม่ใช่บุตรสาวจากครอบครัวผู้มั่งมีและไม่ใช่จวิ้นจู่ที่ไหน แต่เมื่อเทียบกับพวกที่เอาแต่วางแผนคิดคำนวณทั้งวัน นางดีกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
แต่ก่อนข้าเห็นว่าหลินชวนไม่คิดและไม่พูดอะไร แต่ตอนนี้เขามีความคิดเกิดขึ้นแล้ว นั่นย่อมเป็นเรื่องดีและปกปิดไว้ไม่มิด
อวิ๋นจิ่นเองก็ยังไม่ได้รับหมั้นใคร แม้ว่าภูมิหลังจะไม่ดี แต่ข้าเคยถามนางแล้ว เดิมทีนางเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เพียงแต่ต้องประสบกับเหตุร้ายจึงต้องมาตกยากเช่นนี้
ถ้าหากได้แต่งเข้าไปอยู่ในตระกูลเว่ยก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี
ดั่งสุภาษิตที่ว่า แม้อยู่ห่างไกลเป็นพันลี้ก็ยังถูกลิขิตให้มาอยู่ร่วมกัน มันเป็นเช่นนั้นนั่นละ”
“เป็นเช่นนั้น? เสด็จอาใหญ่รู้เรื่องที่อวิ๋นจิ่นประสบเหตุร้ายหรือเพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นต้องการหาทางตีให้แตก ดังนั้นจึงได้แต่ลองไปทีละอย่าง
“ไม่รู้หรอก แต่อย่าพูดไปละ ข้าเห็นว่าอวิ๋นจิ่นเป็นเด็กดี พวกเจ้าลองไปทบทวนดูเถิด”
“แต่ว่า… อวิ๋นจิ่นไม่เต็มใจเลยจริงๆ”
ฉีเฟยอวิ๋นคิดจะพูดหว่านล้อมองค์หญิงใหญ่ แต่องค์หญิงใหญ่จ้องเขม็งอย่างโกรธเคือง “เรื่องที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้ ถ้าพวกเจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องนี้ คอยดู ข้าจะชิงตายให้ดู”
“เสด็จอาใหญ่ พวกเรา…”
“ส่งแขก!”
องค์หญิงใหญ่ไม่ยอมฟังฉีเฟยอวิ๋นกับหนานกงเย่และไล่พวกเขาออกไป
เมื่อออกมาจากศาลพิเศษกลางแล้วฉีเฟยอวิ๋นก็รู้สึกใจคอเหี่ยวแห้ง ต้องกลับไปจวนอ๋องเย่อย่างจนปัญญา
อวิ๋นจิ่นรออยู่ที่หน้าประตูอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นฉีเฟยอวิ๋นกลับมาก็รีบเข้าไปหา “อวิ๋นจิ่นคารวะนายท่าน”
“ลุกขึ้นเถิด ไปคราวนี้ไม่ได้อะไรเลย องค์หญิงใหญ่ตัดสินพระทัยแน่วแน่ว่าจะให้เว่ยหลินชวนแต่งงานกับเจ้าและบอกว่าเคยพบเจอเจ้าหลายครั้ง รู้สึกว่าเจ้าเป็นคนดีใช้ได้
ข้าบอกพระองค์แล้วว่าไม่ได้ แต่พระองค์ไม่ยอมล้มเลิกความคิด”
ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นซีดเผือด นางจ้องมองฉีเฟยอวิ๋นด้วยสีหน้าที่เศร้าซึม
“อวิ๋นจิ่น เจ้าอย่าเพิ่งกังวลไป บางทีข้าอาจจะคิดหาวิธีได้” ฉีเฟยอวิ๋นยังทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ แต่นางคิดวิธีออกแล้ว หากไม่ได้ผลก็จะเข้าไปเข้าเฝ้าใครสักคนในวัง
อวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายท่านแล้ว”
อวิ๋นจิ่นว่าแล้วจึงกลับไปที่จู๋อวิ๋นไจ เมื่อแม่ทัพฉีได้ยินเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าการแต่งงานนี้เป็นเรื่องที่ดี เว่ยหลินชวนมีบุคลิกลักษณะที่ดี อวิ๋นจิ่นเองก็เป็นเด็กดี เขาได้แต่พูดชื่นชมไม่มีหยุด
ยามค่ำ
อวิ๋นจิ่นไปที่ลานนอกสวนดอกกล้วยไม้ คำนับที่ลานสามครั้งก่อนจะหันกลับไปที่จู๋อวิ๋นไจ
ช่วงนี้แม่ทัพฉีขยันมาที่จวนอ๋องเย่ เขารู้ว่าที่บุตรสาวมีอาการแพ้ท้องนั่นไม่ใช่เรื่องจริง แต่เรื่องที่ทั้งคู่หลับไปนานเป็นสิบวันก็ไม่ใช่เรื่องดี เขาไม่ไว้ใจจึงมักจะมาเยี่ยมเยียนอยู่เสมอ
หลังจากฟื้นมาคราวนี้อยากจะกลับมาดูแต่ยังหาโอกาสไม่ได้ วันนี้มีโอกาสแล้วเขาจึงมาหา
เมื่อเห็นอวิ๋นจิ่นทำความเคารพอยู่นอกสวนดอกกล้วยไม้ แม่ทัพฉีจึงรู้สึกแปลกใจและเดินตามไป
อวิ๋นจิ่นดูเศร้าซึมไปตลอดทาง แม่ทัพฉีผ่านชีวิตมามาก เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่บังคับให้อวิ๋นจิ่นแต่งงานกับเว่ยหลินชวน เขาก็กลัวว่าอวิ๋นจิ่นจะคิดมากจึงตามไปดู
สุดท้ายอวิ๋นจิ่นก็รู้ตัว
ประตูเรือนจู๋อวิ๋นไจเปิดอยู่และแม่ทัพฉีก็กำลังมองเข้าไปข้างใน อวิ๋นจิ่นก้มลงคำนับแม่ทัพฉี “ท่านแม่ทัพฉี”
“อ๊ะ!” ท่านแม่ทัพฉีตกใจจนสะดุ้ง อวิ๋นจิ่นก้าวออกมา “เชิญท่านแม่ทัพ”
แม่ทัพฉีรู้สึกหดหู่ กลางดึกเช่นนี้จะเข้าไปก็ไม่ได้จะไม่เข้าก็ไม่ได้
ท่าทีของอวิ๋นจิ่นดูแปลกประหลาดเล็กน้อย และเขาก็ยังไม่ไว้วางใจนัก
“ได้ยินมาว่าองค์หญิงใหญ่ถูกใจเจ้ามาก แต่เจ้ากลับไม่ยอม การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของพ่อแม่หรือแม่สื่อเท่านั้น แต่ยังต้องดูคุณลักษณะของบุคคลนั้นๆ ด้วย ซึ่งลักษณะแบบเว่ยหลินชวนนั้นก็นับว่าหาได้ยากนัก
เดิมทีข้าตั้งใจจะให้อวิ๋นอวิ๋นลงเอยกับเขา แต่น่าเสียดายที่อวิ๋นอวิ๋นไม่ชอบ”
อวิ๋นจิ่นฝืนยิ้ม “เรียนเชิญท่านแม่ทัพ ข้าเตรียมสำรับสุราและอาหารไว้ ตั้งใจจะกินเพียงคนเดียว แล้วท่านแม่ทัพก็มา”
“…ไม่กินละ ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำและต้องกลับไปก่อน ส่วนเรื่องแต่งงานนั้นข้าจะดูอีกที!” แม่ทัพฉีว่าแล้วก็หันหลังเดินจากไป
อวิ๋นจิ่นมองแผ่นหลังของแม่ทัพฉีและทำความเคารพ!