องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ – บทที่ 585 เรื่องในอดีตของอู๋กั่ว

บทที่ 585 เรื่องในอดีตของอู๋กั่ว

ฉีเฟยอวิ๋นเห็นอวิ๋นเซวียนอี้สวมกอดอู๋กั่ว จากนั้นนางจึงหันไปมองฮูหยินกั๋วกง “ยินดีด้วยเจ้าคะฮูหยินใหญ่ เป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก!”

“ดูไม่ออกจริงๆ ว่าแม่นางผู้นี้เป็นแผนอะไร ความเก่งกาจช่างเหลือล้น ถ้าเซวียนอี้เต็มใจก็ตามนั้น”

“แม่นางผู้นี้เป็นสตรีที่ดีคนหนึ่ง เพียงแต่ฐานะของนางค่อนข้างคลุมเครือ” ฉีเฟยอวิ๋นกระซิบที่ข้างหูของฮูหยินกั๋วกง

ฮูหยินกั๋วกงกล่าวว่า “ช่างเถิด นี่เป็นวาสนา ไม่ใช่คราวเคราะห์ ถ้าเป็นคราวเคราะห์ก็หลบไม่พ้น ถ้าข้าไม่ยินยอม เกรงว่าคงจะกลายเป็นที่ถูกตำหนิ

เซวียนอี้ไม่ค่อยได้มีความสุขขนาดนี้”

เมื่อทั้งสองกลับไป เฉินอวิ๋นเอ๋อร์แม่ลูกก็ลุกขึ้น

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์กังวลมาก ฉีเฟยอวิ๋นควรจะตายไปแล้วแท้ๆ!

ฮูหยินเสนาบดียังคงนิ่งอยู่เล็กน้อย “ไม่รบกวนแล้วละ เราคงต้องขอตัวก่อน”

ฮูหยินเสนาบดีผู้สง่าผ่าเผยพูดอะไรไม่ออก

“ขอให้ฮูหยินเสนาบดีเดินทางปลอดภัย”

ฮูหยินกั๋วกงกล่าวอำลาตามมารยาท จากนั้นเฉินอวิ๋นเอ๋อร์แม่ลูกจึงลุกขึ้น คนอื่นต่างทยอยตามกันออกไป เดิมทีก็ไม่ได้มีความหวังอะไร ใครเล่าจะกล้าปะทะกับคนจากจวนเสนาบดี ทว่าท้ายที่สุดก็เป็นเช่นเดิม เรียกได้ว่าทุกคนต่างรักษาสมดุลกันได้

ทว่าคราวนี้เฉินอวิ๋นเอ๋อร์เสียดุลอีกครั้ง เมื่อขึ้นมาบนรถม้าเฉินอวิ๋นเอ๋อร์ก็ระเบิดอารมณ์ออกมา “ท่านแม่ ท่านไม่โกรธเลยสักนิดหรือ”

เวลานี้จิตใจของฮูหยินเสนาบดีไม่เป็นสุข “เจ้าเงียบเสียบ้างเถอะ”

“…..”

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์สะบัดหน้าหนีและโกรธจนพูดไม่ออกไปตลอดทาง

“ถ้าไม่พอใจเช่นนั้นก็เข้าวังไปเสีย” ฮูหยินเสนาบดีคิดว่านี่เป็นหนทางเดียว ขอเพียงแค่บุตรสาวคนโตได้ไปอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทสักนิดก็เป็นพอ

เดิมทีเฉินอวิ๋นเอ๋อร์คิดอะไรไม่ออก แต่เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินเสนาบดีนางก็คิดอะไรขึ้นมาได้

เมื่อเข้าวังเป็นพระสนมก็เหมือนกับอูฐที่ต่อให้ผอมตายก็ยังตัวใหญ่กว่าม้า ถึงอย่างไรก็เหนือกว่าฉีเฟยอวิ๋น

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์รีบจับมือของมารดาไว้ “ท่านแม่ จริงๆ หรือ”

ฮูหยินเสนาบดีรู้สึกเสียใจขึ้นมา “ไม่ได้ เจ้าเคยพูดถึงการเป็นพระชายารองของท่านอ๋องเย่แล้ว จะเข้าวังได้อย่างไร ไหนวันนี้จะยังมาที่นี่อีก นี่มันไม่ดีแล้ว ลืมไปเสียเถิด”

เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ดึงมือกลับ นางมองไปด้านข้างและเริ่มรู้สึกเคียดแค้นฉีเฟยอวิ๋น

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉีเฟยอวิ๋น

ณ จวนกั๋วกง

ฉีเฟยอวิ๋นดื่มชาหมดแล้วก็ยังไม่เห็นอู๋กั่วกลับมา นางเริ่มเป็นกังวลและลุกขึ้นเดินไปดูที่ประตู

นั่นเองจึงเห็นว่าอู๋กั่วกำลังกลับมากับอวิ๋นเซวียนอี้และกำลังพูดคุยกันอย่างยิ้มแย้ม ฉีเฟยอวิ๋นรู้ว่าอวิ๋นเซวียนอี้ผู้นี้ก็ไม่ใช่คนที่รับมือง่าย หลอกอู๋กั่วจนหัวปั่น

“พระชายาเย่” อวิ๋นเซวียนอี้ทักทายอย่างสุภาพ

ฉีเฟยอวิ๋นเอ่ยเรียบๆ ว่า “อันที่จริงเรื่องการแต่งงานของอู๋กั่วจะต้องไปถามเจ้าหอแห่งหอทิงเฟิงด้วย เพราะอู๋กั่วเป็นผู้พิทักษ์ของเจ้าหอแห่งหอทิงเฟิง”

“นางบอกแล้วขอรับ ข้าเตรียมจะไปสู่ขอกับเจ้าหอเฟิง เลือกวันอย่างไรก็สู้วันที่เหมาะสมไม่ได้ ถ้ายื้อเวลาไปอุปสรรคก็จะยิ่งมาก ข้าจะไปทีหลังและอยากจะขอให้พระชายาเย่ล่วงหน้ากลับไปก่อนเพื่อช่วยบอกเรื่องนี้”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดว่าคราวนี้อวิ๋นเซวียนอี้จะส่งทัพไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันจะพูดอะไรนางก็พาอู๋กั่วกลับไปที่จวนอ๋องเย่ก่อน

เวลานี้เฟิงอู๋ชิงยังไม่รู้ว่าผู้พิทักษ์ที่เขาภาคภูมิใจกำลังจะจากไปอีกครั้ง

นอกจากนี้เขายังอยู่ในช่วงขาดเงินอย่างรุนแรง ไหนจะต้องจัดหาสินสอดทองหมั้นของอู๋กั่วอีก

ฉีเฟยอวิ๋นกลับไปที่จวนอ๋องเย่ในขณะที่อู๋กั่วรีบกลับไปหาเฟิงอู๋ชิง เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่ไม่น่าอภิรมย์ ฉีเฟยอวิ๋นจึงกลับไปกอดลูกชายของนาง

เฟิงอู๋ชิงตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ฟังสิ่งที่อู๋กั่วเล่า เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงและเริ่มหายใจไม่สะดวก

“นายท่าน ข้าจำได้ว่าท่านบอกว่าเมื่อข้าแต่งงานออกเรือน ท่านจะมอบสินสอดให้ข้าห้าล้านตำลึง ท่านจำได้หรือไม่”

อะไรไม่ควรพูดก็พูดออกมา เฟิงอู๋ชิงปรายตาขึ้นมองและส่งเสียงอืม

สีหน้าของอู๋กั่วเต็มไปด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ “แล้วข้าก็ยังมีร้านค้าอีกสามสิบสองร้าน ร้านเกลือสี่ร้าน ร้านผ้าไหมสองร้าน สำนักการเงินหนึ่งแห่ง…”

เฟิงอู๋ชิงนิ่งคิดนิดหนึ่ง “อืม”

“แล้วข้าก็ยังมีอัญมณีอีกหนึ่งกล่อง?”

“อืม” เฟิงอู๋ชิงปวดหัว!

“นายท่าน ท่านให้ข้าตอนนี้เลยนะ ข้าจะให้คนไปยกมา อีกเดี๋ยวอวิ๋นเซวียนอี้ก็จะมาสู่ขอแล้ว ถ้าไม่มีคงไม่ดี”

“…รีบร้อนอะไรกัน ข้ายังไม่ทันเห็นเลย บางทีอาจจะไม่ได้แต่งก็ได้…”

“เอ๊ะๆ…” อู๋กั่วเกลียดระดับการแต่งงานอย่างร้ายกาจ จะทำตามสิ่งที่คนอื่นพูดสักนิดก็ไม่ได้ ทันทีที่เฟิงอู๋ชิงเอ่ยปาก อู๋กั่วก็ขัดจังหวะเอาไว้

เฟิงอู๋ชิงชายตามองอู๋กั่วนิดหนึ่งและเอ่ยว่า “ให้ข้านอนสักหน่อยเถิด ข้ายังทำใจไม่ค่อยได้ ถ้าเจ้าแต่งงาน ข้างกายข้าก็จะขาดคนคอยดูแล และข้าก็กังวลว่าเจ้าจะเสียเปรียบเมื่อไปอยู่ที่จวนกั๋วกง”

“ไม่เสียเปรียบหรอก เซวียนอี้เป็นคนดี เขาบอกข้าว่าไว้เมื่อมาอยู่ด้วยกันแล้วเราจะอยู่ในเรือนเล็กๆ ของเราเอง มีคนรับใช้สักสามสี่คน ไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งอื่นๆ ถ้าอยากไปที่เรือนอื่นๆ ก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป นอกจากมีลูกให้เขา อย่างอื่นนั้นขึ้นอยู่กับข้าทั้งหมด”

“…..” แววตาของเฟิงอู๋ชิงว่างเปล่า เหตุใดจึงได้มีผู้หญิงสมองกลวงอยู่บนโลกนี้กันนะ

พูดไปพูดมาอู๋กั่วก็คิดจะไป เฟิงอู๋ชิงเกียจคร้านเกินกว่าจะพูดอะไรอีกซึ่งนั่นไม่เข้ากับนิสัยที่เฉยชาของเขา เขาโบกไม้โบกมืออย่างตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย เป็นเชิงบอกให้อู๋กั่วออกไปก่อน

หลังจากอู๋กั่วออกไป เฟิงอู๋ชิงก็ไอขึ้นมา อู๋ซังเดินไปตรงหน้าเฟิงอู๋ชิง “นายท่าน!”

“อู๋ซัง เจ้าเองก็ออกไปด้วย”

อู๋ซังเห็นว่าเฟิงอู๋ชิงดูเหมือนจะตายได้ตลอดเวลาและรู้สึกไม่วางใจเลยจริงๆ ดังนั้นจึงถามว่า “นายท่าน ท่านอยากจะให้พระชายาเย่มาดูอาการหรือไม่ หมอเทวดาไม่ได้กลับมาตั้งแต่เมื่อคืน ได้ยินมาว่าตามไปอยู่ที่เรือนกลับหมอประจำจวนโจว ต่อไปนี้เกรงว่าคงจะไม่กลับมาอีก หมอเทวดาเป็นพวกที่เชื่อถือไม่ได้มาแต่ไหนแต่ไร”

อู๋ซังและอู๋กั่วตามๆ กันเข้ามาที่นี่ เมื่อมาถึงหอทิงเฟิงก็ไล่ตามหมอเทวดา และหมอเทวดาก็เป็นศิษย์พี่ของเฟิงอู๋ชิงที่อายุห่างกันเล็กน้อย เขาทำตัวเป็นเหมือนอาจารย์คนหนึ่งที่สั่งให้พวกเขาทำอะไรตามอำเภอใจ แต่กลับไม่เคยถ่ายทอดความรู้อะไรให้เลย พอว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็จะไปเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์ ถึงขนาดเรียกได้ว่าหมกมุ่นอยู่กับการแพทย์ได้เลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้อู๋กั่วและอู๋ซังจึงฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อย่างหนักและลงแรงอย่างหนัก จนตอนนี้ไม่รู้เลยว่าทักษะการต่อสู้นี้ได้มาจากที่ไหน!

เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่บางครั้งอู๋ซังจะใส่ร้ายหมอเทวดาผู้ไร้ชื่อเสียงลับหลัง

เฟิงอู๋ชิงเหลือบมองอู๋ซัง “ไปได้แล้ว หญิงอัปลักษณ์นั่นน่าจะร่ำรวยแล้ว”

อู๋ซังชะงัก “นายท่าน ท่าน…”

“ไม่เป็นไร มาก็มาหมดแล้ว จะไปก็ไปไม่ได้ สู้อยู่หาเงินเสียหน่อยดีกว่า นอกจากนี้ตอนนี้ยังเป็นเวลาที่ดีที่จะใช้เงิน การแต่งงานของอู๋กั่วนี่ หรือว่าเจ้าอยากเอาเงินจากกระเป๋าของข้าไปเป็นสินสมรสให้นาง”

อู๋ซังงงงัน “นายท่าน เงินของเราไม่ได้อยู่กับท่านทั้งหมด เหตุใดท่านจึงยังพูดถึงเรื่องเงินกับข้าอีก ยิ่งไปกว่านั้นอู๋กั่วต้องไปหาครอบครัวสามีและยังเป็นท่านที่มอบสินสมรสให้ เหตุใดจึงยังพูดถึงข้าได้อีก”

ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นศิษย์พี่ของอู๋กั่ว ไม่ใช่ว่ายังคงคิดจะเป็นพวกกระดูกขัดมัน(ตระหนี่)หรือ วันข้างหน้าหากเจ้าไปที่เยี่ยมเยียนอู๋กั่วที่จวนกั๋วกง มันจะไม่ทำให้คนหัวเราะเยาะหรือ”

“…..” อู๋ซังมองเฟิงอู๋ชิงอยู่ครู่หนึ่ง นี่มันคือเหตุผลอะไร อย่างแย่ที่สุดก็คือไม่ต้องไปมาหาสู่ในอนาคต นิสัยของอู๋กั่วไม่เหมาะกับการไปมาหาสู่เลยจริงๆ

อู๋ซังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอู๋กั่วจะเจอคนที่จะแต่งงานด้วยและออกเรือนเร็วๆ จะเป็นการดีที่สุดถ้าจากกันไปไกลสุดหล้าและไม่ต้องกลับมา ไม่อย่างนั้นนางอยู่กับใครก็คงอยู่ไม่ได้

ผู้พิทักษ์หลักคนที่สามอย่างอู๋กั่วทำให้คนหวาดกลัว ทันทีที่ได้ยินชื่ออู๋กั่ว สตรีในหอต่างก็ไม่กล้าเข้าใกล้เขากับหมอเทวดา เนื้อตัวของหมอเทวดาเต็มไปด้วยพิษ หากสตรีเหล่านั้นไม่เข้าใกล้ก็ไม่เป็นแล้ว แต่อู๋ซังเหมือนต้นอวี้ซู๋งดงามที่ต้านลม สายลมโชยเป็นอิสระและสง่างาม นั่นเป็นคนรักแบบที่เหล่าสตรีชื่นชอบ ทว่าอยู่ๆ ก็มีคนบอกว่าเขากับอู๋กั่วเคยมีอะไรกัน ถ้าเขากล้ายั่วแหย่กับแม่นางข้างนอกนั่น อู๋กั่วจะเป็นคนแรกที่ไม่ยอมปล่อยแม่นางผู้นั้นไป

สาบานต่อฟ้าดินเลยว่าเขาไม่เคยมีอะไรกับอู๋กั่ว ไม่รู้จักคนที่ปล่อยข่าวลือและสร้างความเสียหายให้เขา!

ภายในห้องนอนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อู๋กั่วจามขึ้นมาอย่างฉับพลัน

นางถูจมูกและนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา!

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท