Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 972

ตอนที่ 972

ตอนที่ 972 หายนะที่คาดไม่ถึง
ตะพาบมังกรที่มีกลิ่นอายน่ากลัว แต่ตั้งแต่ต้นจนจบกลับเผยท่าทางหวาดกลัวและวิตกกังวลอย่างมาก

ถ้าเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง หลินสวินคงไม่กล้าเชื่อว่ามันเป็นความจริง

หลังจากยืนอยู่ที่นั่นสักครู่หลินสวินก็ยอมรับความจริงนี้และอดจะหัวเราะไม่ได้

“ผู้สืบทอดของเจ้าเฒ่าบ้าหรือ สัตว์ปีศาจนี่คงไม่ได้จำผิดคนกระมัง” ทันใดนั้นหลินสวินขมวดคิ้วขึ้นเมื่อคิดถึงสิ่งหนึ่งได้

ตั้งแต่เขาฝึกปราณเป็นต้นมาก็ไม่เคยกราบใครเป็นอาจารย์ เสาะแสวงหาและสำรวจบนเส้นทางแห่งมหามรรคเพียงลำพังมาโดยตลอด

หากจะบอกว่าเขามีอาจารย์ คนผู้นั้นก็คือท่านลู่

แต่หลินสวินไม่คิดว่าท่านลู่จะเป็น ‘เจ้าเฒ่าบ้า’ อะไรนี่

หลังจากคิดถึงเรื่องนี้หลินสวินก็ได้ข้อสรุปหนึ่ง

เหตุผลที่อีกฝ่ายมีความ ‘เข้าใจผิด’ เช่นนี้ หากไม่เกี่ยวข้องกับ ‘ห้องโถงมรรคาสวรรค์’ ก็ต้องเกี่ยวข้องกับวิชาอริยะยุทธ์ที่ตนฝึกฝน หรือไม่…

ก็เกี่ยวข้องกับมรดกของเขาพยับคราม!

หาไม่จะไม่สามารถอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้เลย

‘นายท่านลงมือเร็วเข้า! แหล่งกำเนิดวิญญาณบริสุทธิ์นั่นอยู่ในศิลาอุกกาบาต!’ ในห้วงนิมิต เสี่ยวอิ๋นตื่นเต้นหาใดเปรียบในยามนี้

ทันใดนั้นหลินสวินไม่คิดอะไรมาก ทอดสายตามองไปที่ศิลาอุกกาบาตซึ่งระเบิดแตกเป็นโพรงนั้น

ในเวลาเดียวกัน หมียักษ์ขาวเงินและตะพาบมังกรหนีจากไปด้วยกัน ทั้งคู่มีอาการขวัญหนีดีฝ่อ

“เป็นอย่างไร เด็กนั่นไม่ได้ทำอะไรเจ้ากระมัง” หมียักษ์สีขาวเงินถาม

“เปล่า แต่ข้าถูกทำให้ตกใจ”

เสียงของตะพาบมังกรแผ่วต่ำและสั่นสะท้าน “นี่ถึงกับเป็นเรื่องจริง สัตว์ประหลาดตเฒ่าที่กลืนกินธารดารานับไม่ถ้วนในวัฏจักรบรรพกาล ถึงกับมีผู้สืบทอดในดินแดนรกร้างโบราณแห่งนี้จริงๆ!”

“ดังนั้น ก็ไม่รู้ว่าพอคุณหนูตื่นขึ้นมาแล้วจะรู้สึกอย่างไรเมื่อรู้เรื่องนี้…” หมียักษ์สีขาวเงินถอนหายใจ

“เร็วเข้า! ข้าไม่อยากรั้งอยู่ในที่นี่แล้ว พอสัมผัสถึงกลิ่นอายนั้นข้าก็อดกลัวไม่ได้”

ขณะพูด ตะพาบมังกรก็วิ่งไปด้านบนของทะเลสาบโดยมีโลงน้ำแข็งอยู่บนหลัง

“จริงสิ แล้วแหล่งกำเนิดวิญญาณแกนดาราเล่า” หมียักษ์สีขาวเงินตะโกน

“แย่แล้ว! ข้าลืมสมบัติชิ้นนี้ไปเสียได้!” ตะพาบมังกรส่งเสียงร้องแหลม “แล้วจะทำอย่างไรดี”

“ช่างเถอะ ไปกันก่อน แม้จะไม่มีสมบัติชิ้นนี้ ช้าเร็วคุณหนูก็ตื่นขึ้นมาอยู่ดี” หมียักษ์สีขาวเงินถอนหายใจ

ทันใดนั้นสัตว์ปีศาจทั้งสองก็เคลื่อนไหว มุ่งหน้าสู่ผืนทะเลสาบไปพร้อมกัน

โครมครืน!

มองจากภายนอก นับตั้งแต่เงาร่างของหลินสวินเข้ามาในทะเลสาบสีเงิน น้ำที่แต่เดิมเคยสงบในทะเลสาบก็ถูกทำลาย เกิดระลอกคลื่นลูกยักษ์ เสียงคำรามกระหึ่มพลุ่งพล่าน อานุภาพน่าสยดสยอง

บรรดาผู้แข็งแกร่งที่จ้องมองสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอดล้วนไหวหวั่น ในใจปรากฏความคิดหนึ่งขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย…

เด็กหนุ่มคนนั้นคงไม่ได้กำลังต่อสู้ดุเดือดกับสัตว์ปีศาจอย่างตะพาบมังกรตัวนั้นหรอกกระมัง

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งมากมายก็อดไม่อยู่ โดยเฉพาะผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันที่อ้างตัวว่าแข็งแกร่งได้ทยอยเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว

พวกเขาออกมาจากเกาะที่อยู่ใกล้ๆ เข้าใกล้ริมทะเลสาบอย่างรวดเร็ว คิดว่านี่เป็นโอกาสดียิ่ง บางทีอาจจะเหมือนนกปากซ่อมสู้กับหอย แต่ชาวประมงได้ผลประโยชน์ก็เป็นได้

ชั่วพริบตา ราชันกึ่งระดับจำนวนถึงสิบกว่าคนพุ่งปราดออกไป กระจายกำลังไปทั่วทะเลสาบสีเงินเพื่อสำรวจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในทะเลสาบสีเงิน

พวกเขาระมัดระวังตัวมาก ไม่ได้ผลีผลาม

“แม่นางเยวี่ย สถานการณ์ดูไม่ค่อยเข้าที คุณชายหลินสวินเขา…” พวกโค่วซิงรู้สึกกังวล พบว่าสถานการณ์ชักทะแม่งๆ

“คงไม่เป็นไรหรอก คุณชายหลินอย่างมากที่สุดก็กลับมามือเปล่า หากคิดรักษาชีวิต เกรงว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันมาก็ไม่อาจจับเขาได้” แม่นางเยวี่ยสีหน้าสงบนิ่ง

แต่ในความเป็นจริงนางก็ไม่แน่ใจเช่นกัน

ความผันผวนอย่างรุนแรงที่เกิดจากทะเลสาบสีเงินนั้นรุนแรงเกินไป มองจากภายนอกไม่สามารถสังเกตได้ว่าใต้ทะเลสาบเกิดอะไรขึ้นเลยสักนิด

สิ่งนี้พาให้แม่นางเยวี่ยไม่สามารถแน่ใจความปลอดภัยของหลินสวินได้เลย

อย่างไรก็ตามนางค่อนข้างแน่ใจว่าด้วยความสามารถของหลินสวินที่สำแดงมาตลอดทาง แค่สัตว์ปีศาจอย่างตะพาบมังกรตัวหนึ่งเท่านั้น ตราบใดที่มันไม่ใช่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันที่ก้าวย่างไปบนมรรคาอมตะ ก็ไม่น่าสร้างภัยคุกคามร้ายแรงต่อเขาได้

โครมครืน!

ไม่นานเท่าไรทะเลสาบสีเงินทั้งหมดก็หอบม้วน คลื่นสีเงินทะยานสูง สั่นกระเพื่อมไม่สงบราวกับภูเขาไฟระเบิด

สิ่งนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งละแวกใกล้ทะเลสาบต่างพากันกระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมาน้อยๆ

สัญญาณทั้งหมดนี้บ่งบอกว่า ก้นทะเลสาบมีแนวโน้มว่าจะเกิดการต่อสู้ดุเดือดอย่างไม่ต้องสงสัย และนี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการแย่งชิงวาสนา

สวบ!

ทันใดนั้นราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งก็เคลื่อนไหวเป็นคนแรก เขาเรียกกระบี่วิญญาณสีม่วงออกมาเล่มหนึ่ง แหวกเปิดทะเลสาบสีเงินและหายตัวไปในทันใด

“ไป!”

“พวกเราก็เคลื่อนไหวด้วย!”

เมื่อเห็นเช่นนี้ ราชันกึ่งระดับคนอื่นๆ ต่างนั่งไม่ติด พากันเริ่มลงมือ

ช่วงหลายวันที่ผ่านมาพวกเขาสำรวจอย่างชัดแจ้งแล้ว ที่ก้นทะเลสาบเงียบเชียบนั้นมีศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่ประหนึ่งภูเขา นั่นต้องเป็นศุภโชคที่ไม่ธรรมดาแน่ ในเวลาเช่นนี้ย่อมไม่มีใครอยากพลาด!

สวบๆๆ!

เวลานี้แสงเคลื่อนไหวดั่งสายฝน เงาร่างของราชันกึ่งระดับทั้งหมดก็ค่อยๆ หายไปใต้ทะเลสาบ

“เร็วเข้า! ถ้าขืนช้าแม้แต่ก้าวเดียวก็ไม่ต้องพูดถึงว่าได้กินเนื้อเลย แม้แต่น้ำแกงก็ไม่มีเหลือแล้ว!”

ในเวลาเดียวกัน ผู้ที่แข็งแกร่งในระดับกระบวนแปรจุติไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป อยากได้รับส่วนแบ่งด้วย ศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่ราวภูเขาเช่นนั้น ต่อให้ตัดออกมาบางส่วนก็เพียงพอให้พวกเขาคว้าไปแล้ว

นอกจากนี้พวกเขายังสงสัยอีกว่า นอกจากศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่นี้แล้ว ยังมีศิลาอุกกาบาตอื่นๆ ที่ก้นทะเลสาบอีกด้วย!

เพียงแต่เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ทะเลสาบ จู่ๆ กลางทะเลสาบก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น

จากนั้นภายใต้สายตาที่จับจ้องอย่างตกตะลึงของทุกคน ร่างของราชันกึ่งระดับคนหนึ่งก็ถูกโยนออกจากทะเลสาบราวกับกระดาษว่าวสายขาด กระเด็นขึ้นไปบนฟ้าถึงหนึ่งร้อยจั้ง

และเห็นเขาเลือดออกปากจมูก หน้าอกยุบแขนบิด เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสยิ่ง

“นี่…”

มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติต่างตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น นี่เพิ่งจะเริ่มเคลื่อนไหวเท่านั้นก็มีราชันกึ่งระดับประสบเคราะห์แล้วหรือ

“อ๊าก!”

ทันใดนั้นเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนเชือดหมูก็ไม่ปาน ราชันกึ่งระดับก็ถูกซัดเหินออกมาอีกคน

คนผู้นี้น่าสังเวชยิ่งกว่า กายท่อนบนถูกซัดเละ อีกครึ่งหนึ่งยังทิ้งร่องรอยกรงเล็บหลายสายที่ลึกจนเห็นกระดูก เลือดสดๆ ไหลราวกับน้ำตก

เฮือก!

เสียงสูดหายใจดังไม่รู้จบ

ผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่ได้เข้าไปในทะเลสาบสีเงินล้วนมือเท้าเย็นเฉียบ สั่นเทิ้มทั้งตัว นั่นเป็นถึงราชันกึ่งระดับเชียวนะ!

แต่ยามนี้ เพียงพริบตาเดียวก็ถูกซัดจนมีสภาพน่าสังเวช น่าตกใจยิ่ง

ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาที่มองไปทางทะเลสาบสีเงินก็เปลี่ยนไป พากันเลือกถอยห่างโดยไม่รู้ตัว ล้วนไม่กล้าเข้าใกล้

“หนีไป! ระยำนี่เป็นกับดัก ก้นทะเลสาบไม่ได้มีแค่สัตว์ปีศาจอย่างตะพาบมังกรเท่านั้น แต่ยังมีหมีขาวที่น่ากลัวกว่าด้วย!”

น้ำทะเลสาบสาดซัดโครมครืน ชายชราคนหนึ่งพุ่งพรวดออกมา เขาผมเผ้ากระเซิง สีหน้าคล้ำเขียว เต็มไปด้วยความอัดอั้นและชิงชัง

และเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน มีรอยกรงเล็บที่น่ากลัวประทับอยู่ เนื้อหนังปลิ้นแตก กระดูกหักแตก!

กับดัก?

สัตว์ปีศาจสองตัว?

ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ไกลออกไปต่างตกตะลึง ลอบดีใจในใจที่ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่แรก หาไม่เกรงว่าคงประสบเคราะห์ไปแล้ว!

ดังคาด ในเวลาต่อมาราชันกึ่งระดับถูกเตะปลิวเหมือนลูกหนังลอยออกมาคนแล้วคนเล่า แต่ละคนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส

เสียงกรีดร้องโหยหวนและคำผรุสวาทอาฆาตดังไม่สิ้น เห็นได้ชัดว่าน่าสยดสยองเป็นที่สุด

ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ริมทะเลสาบต่างตกตะลึง แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นั่นเป็นถึงราชันกึ่งระดับ แพ้ไม่เป็นท่าเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร

สัตว์ปีศาจทั้งสองที่ก้นทะเลสาบมีพลังน่าสะพรึงเพียงใดกันแน่ ถึงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้

“คุณชายหลินเล่า ทำไมไม่เห็นเขาปรากฏตัว” ในกระบวนผนึก พวกโค่วซิงต่างร้อนรนยิ่ง สถานการณ์ย่ำแย่ลงทุกที

“คอยดูไปก่อน” แม่นางเยวี่ยขมวดคิ้ว ในใจมีความกังวลเช่นกัน

แต่ละภาพเบื้องหน้าพาให้หัวใจนางไร้ความมั่นใจจริงๆ

ฮูม!

ยิ่งกว่านั้นในขณะนี้ ทะเลสาบหมุนวนพลุ่งพล่าน มีหมียักษ์สีขาวเงินและตะพาบมังกรที่มีขนาดพันจั้งพุ่งออกมา

ทันทีที่ทั้งสองปรากฏขึ้น ฟ้าดินพลันเปลี่ยนไป ห้วงอากาศคร่ำครวญ กลิ่นอายน่าสะพรึงแผ่ออกมาจากตัวพวกมัน พาให้ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นแทบหายใจไม่ออก

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือในปากของตะพาบมังกรตัวนั้นกำลังเคี้ยวศพราชันกึ่งระดับผู้หนึ่ง กระดูกแตกดังกร๊อบๆ เลือดสดๆ ไหลออกมาจากร่องเขี้ยวสีขาวประหนึ่งธารน้ำ

สวรรค์!

ทุกคนในที่นั้นต่างใจสะท้าน แทบจะขวัญหนีดีฝ่อ

ราชันกึ่งระดับล้วนแกร่งกร้าว แต่กลับถูกกลืนลงท้องทั้งเป็นเหมือนหนอนแมลงไม่มีผิด ภาพนี้ดูคาวเลือดและบาดตาเกินไป พาให้ผู้คนสยดสยอง

ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสลัด สัตว์ปีศาจตะพาบมังกรตัวนั้นก็เหลือบสายตาขึ้นทันใด กวาดมองผ่านตัวผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นอย่างตะกละตะกลาม

ทุกคนต่างตัวสั่นเทิ้ม เหมือนเป็นเหยื่อที่ถูกหมายหัว พาให้พวกเขาหน้าเปลี่ยนสีกันใหญ่

ที่เหนือความคาดหมายคือ หมียักษ์สีขาวเงินตัวนั้นตบฉาดเข้าที่กบาลตะพาบมังกร โกรธจนเต้นเร่าๆ “มัวแต่กินๆๆ นี่แม่งเวลาไหนกันแล้ว รีบไปเร็ว!”

ขณะพูดมันไม่ได้มองผู้แข็งแกร่งเหล่านี้แม้แต่ปราดเดียว กลายร่างเป็นแสงเคลื่อนไหวสีขาวหิมะสายหนึ่ง มุ่งหน้าสู่ห้วงอากาศไกลออกไป

ในเวลาเดียวกันนั้นตะพาบมังกรส่ายหน้ามหึมาของมัน ลอบถอนหายใจคล้ายนึกเสียดาย ก่อนจะหมุนตัวออกไปเช่นเดียวกัน

ร่างมหึมายาวพันจั้งราวกับเมฆทะมึนที่ปกคลุมฟากฟ้า ดูเหมือนอืดอาด แต่กลับอันตรธานหายไปในชั่วพริบตา

จากไป… ทั้งอย่างนี้เลยหรือ

ทุกคนต่างรู้สึกเหมือนฝัน เมื่อนึกถึงแต่ละภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ยิ่งรู้สึกไม่สมจริงขึ้นเรื่อยๆ

แต่เมื่อเห็นราชันกึ่งระดับที่บาดเจ็บจะตายแหล่มิตายแหล่แต่ละคนนั้น ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเรื่องจริง!

“เหตุใดคุณชายหลินยังไม่ปรากฏตัวอีก” ในใจพวกโค่วซิงกลับระส่ำระสายมากขึ้นทุกที

เวลานี้ก็มีผู้แข็งแกร่งสังเกตเห็นจุดนี้ได้อย่างว่องไวเช่นกัน ร้องว่า “เด็กหนุ่มคนนั้นล่ะ เหตุใดตั้งแต่ต้นจนจบยังไม่เคยเห็นเขาปรากฏตัวเลย ต่อให้ตายไปศพก็ต้องลอยขึ้นผิวน้ำกระมัง”

“บางทีอาจถูกสัตว์ปีศาจสองตัวนั้นเขมือบไปแล้วก็ได้!”

“เป็นไปไม่ได้ เมื่อครู่คลื่นน้ำทะเลสาบใหญ่ขนาดนี้ ก็ไม่ยักเห็นเขาส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา มีหรือจะตายไปแล้ว”

“ไอ้โง่! ยังสนใจเรื่องพวกนี้ไปทำไม สัตว์ปีศาจสองตัวนั้นไปแล้ว ทะเลสาบนี้ก็ไม่มีพลังที่เป็นภัยคุกคามอะไรอีกต่อไปแล้ว!”

ไม่นานนักผู้แข็งแกร่งจำนวนมากต่างตระหนักได้ว่า อันตรายครั้งนี้อาจเกิดขึ้นปุบปับ แต่ขณะเดียวกันก็มอบโอกาสที่ดีเลิศให้แก่พวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!

ตอนที่สัตว์ปีศาจสองตัวนั้นจากไป ก็ไม่ได้เอาศิลาอุกกาบาตมหึมาลูกนั้นที่อยู่ใต้ทะเลสาบไปด้วย!

ทันใดนั้นลมหายใจของผู้แข็งแกร่งจำนวนไม่น้อยต่างเปลี่ยนเป็นเร่งร้อนขึ้นมา ความโลภอันรุนแรงทะลักภายในใจอย่างไม่อาจควบคุมได้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท