มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 28 ตาต่อตาฟันต่อฟัน

บทที่ 28 ตาต่อตาฟันต่อฟัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

บทที่ 28 ตาต่อตาฟันต่อฟัน

 

“ฉันจะทำอะไร? แน่นอนว่าต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน ทำลายผลการฝึกตนของนาย ทำให้นายนอนอยู่บนเตียงตลอดชีวิต” หลัวซิวพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“แกกล้า! พ่อของฉันเป็นถึงหัวหน้าตระกูลจาง แกกล้าแตะต้องฉัน แกต้องไม่ตายดีแน่!” จางห่ายพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด

ทว่าหลัวซิวกลับไม่ไหวติง ที่เขาสุ่ยวู่ เขากล้าฆ่าแม้กระทั่งคน!

“ตึ้ง!”

เขาปล่อยฝ่ามือออกไปกระทบตัวจางห่าย ปราณเป็นตาย2ระดับเข้าสู่ร่างกายของอีกฝ่าย ทำลายผังลายเส้นชีวิต จางห่ายร้องโอดครวญในทันที เส้นลมปราณทั่วทั้งร่างกายฉีกขาด สีหน้าซีดขาว มุมปากมีเลือดไหลออกมา

“นายดูถูกคนจนไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้แกกลายเป็นคนพิการแล้ว แม้แต่คนจนที่แกดูถูกก็ยังไม่สามารถเทียบได้ แล้วแกเป็นตัวอะไร?”

แววตาของหลัวซิวเปี่ยมไปด้วยความเยือกเย็น หมุนตัวเดินลงจากเวทีประลองยุทธ์

ในเวลานี้เอง ผู้ชมที่มาดูการประลองด้านล่างเวทีประลองยุทธ์เงียบงันไปนานแล้ว โดยเฉพาะเห็นหลัวซิวเหี้ยมโหดแบบนี้ ทำให้จางห่ายพิการ ทุกคนรีบหลบหลีกไปไกล แววตาที่มองหลัวซิวเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและหวาดหวั่น

“พี่!……”

จางเจี๋ยล้มลุกคลุกคลานวิ่งขึ้นเวทีประลองยุทธ์ ร้องตะโกนดังก้อง “ใครก็ได้ช่วยที!”

แต่ไม่ว่าเขาจะร้องตะโกนแค่ไหน ก็ไม่มีใครขึ้นไปช่วย แม้แต่พวกลูกหลานคนจนที่ปกติไปเที่ยวเตร่กับพวกเขา เวลานี้ต่างก็มีแววตาเยือกเย็น

ในเมื่อจางห่ายกลายเป็นคนพิการแล้ว แน่นอนว่าไม่มีอะไรคู่ควรให้พวกเขาทำอีก

พื้นไกลห่างจากเวทีประลองยุทธ์ บนห้องใต้หลังคา คนสองคนยืนอยู่ข้างกัน ชมการประลองที่เกิดขึ้นเมื่อกี้

หนึ่งในนั้นคือ ผู้อาวุโสผู้ทำหน้าที่คุมสอบ ชื่อจวงหนานเทียน เป็นหนึ่งในจอมยุทธพรสวรรค์ที่มีไม่มากในเมืองชิงหยุน

ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้างจวงหนานเทียน คือชายวัยกลางคนผู้มีใบหน้าเมตตา เขาสวมชุดสีขาวตัวใหญ่

“ผู้อาวุโสจวง ผู้อาวุโสบอกว่าหลัวซิวบรรลุการกลั่นร่างขั้น7 แต่ปราณในกลับทัดเทียมเสมอเหมือนการกลั่นร่างขั้น9?” ชายที่สวมชุดขาวพูดขึ้น

“ใช่ครับเจ้าสำนัก จากการตรวจสอบ เมื่อสามเดือนก่อนหลัวซิวคนนี้เพิ่งเป็นการกลั่นร่างขั้น2 จู่ๆผลการฝึกตนระยะที่ผ่านมานี้พุ่งทะยานขึ้น การฝึกตนของเขา เป็นแค่วิชายุทธ์ระดับ2เท่านั้น” จวงหนานเทียนพูดด้วยความเคารพ

ทำให้จอมยุทธพรสวรรค์ผู้อาวุโสจวงเคารพแบบนี้ ทั้งยังเรียกว่าเจ้าสำนัก ในเมืองชิงหยุน แน่นอนว่ามีแค่คนเดียว ซึ่งก็คือคนที่มีอำนาจสูงสุดในสำนักยุทธ์ของเมืองชิงหยุน เจ้าสำนักยุทธ์!

ในเมืองชิงหยุน ผู้มีอำนาจมีมากมายซับซ้อนกันไปหมด มีทั้งองค์กรนักล่าอสูร องค์กรนักค่ายกล องค์กรนักกลั่นยา องค์กรนักหลอมอาวุธ แต่ผู้มีอำนาจที่แท้จริงของเมืองชิงหยุนคือเจ้าสำนักยุทธ์คนนี้!

เขตการปกครองหยุนหลงคืออณาเขตอำนาจของสำนักเซียวเหยา เป็นผู้มีอำนาจของที่นี่ สำนักยุทธ์ของทุกเมือง ล้วนก่อตั้งโดยสำนักเซียวเหยา ส่วนเมืองชิงหยุน เป็นแค่หนึ่งในร้อยเมืองที่อยู่ในเขตการปกครองหยุนหลงเท่านั้น!

“เด็กที่เกิดในครอบครัวธรรมดาแต่กับสามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้ เป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ สามารถบ่มเพาะให้ดี” เจ้าสำนักยุทธ์ยิ้มแล้วพูด

เมืองชิงหยุน ตำหนักตระกูลจาง

“เหี้ยมโหดจริงๆ ทำลายเส้นลมปราณของจางห่ายจนหมดสิ้น สมควรตาย!สมควรตาย!” ชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อผ้าหรูหราราคาแพงตบโต๊ะไม้จนพังด้วยความโมโหนัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต

“พ่อครับ พ่อต้องตัดสินใจแทนพี่ใหญ่นะครับ!” จางเจี๋ยคุกเข่าอยู่บนพื้น ร้องไห้อย่างหนัก

“ไอ้สารเลว ถ้าไม่ใช่เพราะแกกร่างไปทั่วสำนักยุทธ์ ก่อปัญหาไปทั่วทุกแห่ง พี่ชายของแกจะเจอความลำบากแบบนี้เหรอ?” ชายวัยกลางคนเตะจางเจี๋ยไกลออกไปสี่ห้าเมตร ผมเพ้ายุ่งเหยิง เหมือนสิงโตที่กำลังโมโห

เขาคือหัวหน้าตระกูลจางแห่งเมืองชิงหยุน จางช่าวฉง!

จางห่ายคืออัจฉริยะที่มีความโดดเด่นมากสุดในคนรุ่นหลังของตระกูลจาง ทางตระกูลให้การเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี บรรลุการกลั่นร่างขั้น8ตั้งแต่อายุสิบห้า มีอนาคตยาวไกล

แต่ตอนนี้ อัจฉริยะที่ตระกูลฝากความหวังเอาไว้กลับกลายเป็นคนพิการ แล้วจะให้จางช่าวฉงทนได้อย่างไร?

ในตระกูล ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้พวกน้องๆต่างจ้องจะฮุบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของเขา มีความเป็นได้สูงว่าจะอาศัยวิกฤตในครั้งนี้ คุกคามตำแหน่งของเขา

……

ตามกฎของสำนักยุทธ์ การกลั่นร่างขั้น5สามารถไปเลือกวิชายุทธ์ระดับ2สามอย่างที่หอเก็บหนังสือได้ ได้แก่กำลังภายใน วิชาท่าร่าง ทักษะยุทธ์

ส่วนคนที่ผลการฝึกตนบรรลุการกลั่นร่างขั้น7 สามารถเลือกวิชายุทธ์ระดับ3หนึ่งอย่าง การกลั่นร่างขั้น8และการกลั่นร่างขั้น9 ล้วนสามารถเลือกได้หนึ่งอย่าง

วิชาสลับเอ็นหลอมกระดูก คือกำลังภายในระดับ2ที่หลัวซิวเลือกจากหอเก็บหนังสือเมื่อคราวก่อน แต่ว่ากำลังภายในนี้เหมาะแก่การกลั่นร่างขั้น4ถึงการกลั่นร่างขั้น6ของช่วงฝึกเอ็นเกลากระดูก

ตอนนี้ผลการฝึกตนของเขาบรรลุการกลั่นร่างขั้น7แล้ว ฝึกกำลังภายในด้านนี้ต่อไป ผลลัพทธ์จะลดลงไปมาก

ด้วยเหตุนี้ หลังจากประลองยุทธ์กับจางห่าย หลัวซิวก็มุ่งหน้าไปยังหอเก็บหนังสือ

ครั้งนี้ เขาไม่ได้ถูกขัดขวางหรือหาเรื่องแต่อย่างใด

“อ่อ? ระยะเวลาสั้นๆแค่สองเดือน นายก็บรรลุการกลั่นร่างขั้น7แล้ว?” ใบหน้าของผู้อาวุโสชุดเขียวที่เฝ้าประตูฉายความแปลกใจ

ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะด้านการฝึกยุทธ์ที่เก่งกาจ ใช้เวลาครึ่งปีมาถึงขั้นนี้ก็ยากมากแล้ว

“ใช่ครับผู้อาวุโส ผมเพิ่งผ่านการสอบ” หลัวซิวพูด ในเวลาเดียวกันก็ปล่อยลมปราณของตนออกมา

“อืม คือการกลั่นร่างขั้น7จริงๆด้วย นายไปชั้นสองแล้วเลือกวิชายุทธ์สามอย่าง แต่ว่าเลือกได้แค่หนึ่งอย่าง กำลังภายใน วิชาท่าร่าง ทักษะยุทธ์ จะเลือกอันไหน นายเลือกเอาเอง” หลังจากผู้อาวุโสชุดเขียวยืนยันผลการฝึกตนของเขาแล้ว ก็พยักหน้าพร้อมกับพูด

หลัวซิวกล่าวขอบคุณ แล้วเดินเข้าไปในหอเก็บหนังสือ

“คิดไม่ถึงจริงๆว่าสำนักยุทธ์เมืองชิงหยุนของเราจะมีอัจฉริยะที่มีความแข็งแกร่ง ไม่รู้ว่าเขาจะเดินไปถึงขั้นไหน?” ผู้อาวุโสชุดเขียวมองแผ่นหลังของหลัวซิว ครุ่นคิด

หอเก็บหนังสือมีทั้งหมดสามชั้น ชั้นแรกมีเคล็ดวิชายุทธ์มากที่สุด โดยมากคือระดับหนึ่งส่วนน้อยที่จะมีระดับสอง

ชั้นที่สองคือวิชายุทธ์ระดับ3 ชั้นสามเก็บบันทึกวิชายุทธ์ระดับ4 แต่ว่าชั้นที่สามไม่ได้เปิดสาธารณะ เป็นเขตหวงห้ามของหอเก็บหนังสือ

ขึ้นไปยังชั้นสองของหอเก็บหนังสือ หลัวซิวค้นพบด้วยความตกตะลึง ที่นี่มีชั้นหนังสือแค่สามแถว เคล็ดวิชายุทธ์ทั้วหมดบวกกันก็มีแค่สิบกว่าอย่าง

เมื่อเทียบกันแล้ว วิชายุทธ์ระดับ1และวิชายุทธ์ระดับ2ที่เก็บบันทึกเอาไว้ที่ชั้นหนึ่ง บวกกันแล้วมีร้อยกว่าอย่าง!

“ดูเหมือนว่าวิชายุทธ์ระดับ3ล้ำค่ามาก” หลัวซิวคิดเช่นนี้

“วิชาหมัดสยบเขา วิชากระบี่วาโย วิชากระบี่มรสุม วิชาดาบหลิ่วเยว่ วิชากระบองเฉียนคุน……”

ชั้นหนังสือสามแถว แยกเป็นกำลังภายใน ทักษะยุทธ์ วิชาท่าร่าง

ด้านหลังหลัวซิว สะพายกระบี่ชิงเฟิง ตอนเด็กๆ เขาฝันอยากจะเป็นนักยุทธ์ พกกระบี่ออกเดินทางรอบโลก เพลิดเพลินไปกับชีวิต

ตอนอายุสิบขวบ เขาเข้าฝึกวิชายุทธ์ที่สำนักยุทธ์ ฝันมาโดยตลอดว่าวันหนึ่ง จะกลายเป็นมือกระบี่

ทว่า ทักษะยุทธ์ของวิชากระบี่ที่ต่ำที่สุดก็คือทักษะยุทธ์ระดับ3 นอกจากใช้เงินกว่าแสนตำลึงซื้อ ไม่อย่างนั้นก็ต้องทำให้ผลการฝึกตนบรรลุการกลั่นร่างขั้น7 จึงจะมีสิทธิ์ได้รับการฝึก

ถ้าเป็นเมื่อก่อน หลัวซิวไม่กล้าแม้แต่จะคิด ชีวิตนี้สามารถบรรลุการกลั่นร่างขั้น5ก็ถือว่าสูงสุดแล้ว

แต่ว่าการปรากฏตัวของลูกแก้วอัญมณีแห่งความเป็นความตาย เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

“วิชากระบี่คลั่งลม กระบวนท่าเปิดกว้าง กดดันคู่ต่อสู้ด้วยความโจมตีที่เหี้ยมโหด”

“วิชากระบี่มังกรเลื้อย ร่วมกับวิชาท่าร่างอาศัยทักษะในการเอาชนะ ให้ความสำคัญกับกระบวนท่า”

“……”

 

########################
 

 

 

 

 

 

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท