Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 974

ตอนที่ 974

ตอนที่ 974 อานุภาพแห่งแก่นมรรค
หลินสวินกล่าวอย่างง่ายๆ “เขารนหาที่ตาย จากนั้นเขาก็ตายจริงๆ ทางที่ดีเจ้าอย่าเลียนแบบเขาจะดีกว่า”

สิงอี่เทียนยิ้ม รอยยิ้มของเขาเย็นชาและชวนสยอง กล่าวว่า “รนหาที่ตายหรือ ข้าว่าเจ้าคร้านจะมีชีวิตแล้วจริงๆ ฆ่าคนของข้า ยังกล้าพูดลอยหน้าลอยตา เจ้าเสียสติไปแล้วจริงๆ!”

น้ำเสียงของเขาไม่สูงนัก แต่มีไอสังหารท่วมท้นทะลักขึ้น ปีกวายุอสนีไหลเวียนด้วยรวงสายฟ้าสีน้ำเงิน อานุภาพน่ากลัว

ในเวลานี้มีเงาร่างมากมายปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณก้นทะเลสาบ เมื่อพวกเขาเห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างก็ตกใจ ไม่ได้เข้าใกล้ เลือกที่จะมองอยู่ห่างๆ

ขณะเดียวกันพวกเขายังสังเกตเห็นโป่งรากสนสีทองที่เพิ่งถูกขุดขึ้นมาจากพื้นดิน แววตาล้วนแปลกไป

มีวาสนาซุกซ่อนในศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่นี้จริงๆ ด้วย!

“นายน้อยรีบฆ่าเขาเถอะ หาไม่หากมีคนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะเริ่มลำบากเอา” กลุ่มเด็กหนุ่มเด็กสาวส่วนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ แต่ละคนล้วนมีกลิ่นอายกร้าวแกร่งทรงพลัง สายตาชวนสยอง

ดูจากท่าทางของพวกเขา ทั้งหมดล้วนเป็นข้ารับใช้ของสิงอี่เทียน!

“ก็ดี พวกเจ้าจับตาดูคนอื่นๆ ข้าจะไปฆ่าเจ้าบ้านี่” สิงอี่เทียนเอ่ยปากราวกับพูดเรื่องไม่สลักสำคัญ

วู้ม!

เขายกธนูกระดูกขาวขนาดใหญ่ขึ้นมา ขึ้นลูกศรอสนีสีน้ำเงินเข้มบนสายธนู ง้างมันเบาๆ น้ำทะเลสาบหอบม้วนพลิกตลบโดยพลัน

จากนั้นระลอกคลื่นน่าสยองก็ปรากฏขึ้น วิวัฒน์กลายเป็นเงามายาวิญญาณอสนีตนหนึ่ง!

“เฮือก!” ทุกคนสูดหายใจเย็นเยียบ ล้วนจ้องไปที่คันธนูใหญ่ สายธนูสีน้ำเงินเข้มนั่นเป็นดั่งแสงไหลเคลื่อน ปรากฏลายมรรคหนาแน่น แปลกพิศวงหาใดเปรียบ

เงามายาวิญญาณอสนีตนนั้นถูกวิวัฒน์มาจากลายมรรคเหล่านี้ หยัดตระหง่านภาคภูมิในห้วงอากาศ น้ำทะเลสาบล้วนถอยหลีก เงามายาสูงมากกว่าสิบจั้ง เต็มไปด้วยกระแสอสนีคอยปกป้องสิงอี่เทียน

ภาพนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว

ทุกคนตระหนักดีว่าธนูใหญ่คันนี้มีที่มาไม่ธรรมดา ส่วนใหญ่มีแต่สมบัติโบราณลึกลับเท่านั้นที่จะแสดงพลังปานนี้ออกมาได้!

หลินสวินเลิกคิ้ว ทั่วร่างทอประกายใส แต่เขาไม่กล้าชะล่าใจ

กลิ่นอายที่สิงอี่เทียนปลดปล่อยออกมานั้น เทียบกับพวกอวี่หลิงคงและซุ่นไป๋เสวียนแล้วก็ไม่ต่างกันเท่าไร เป็นอย่างที่แม่นางเยวี่ยว่า คนๆ นี้ไม่ธรรมดายิ่งนัก

วู้ม!

พูดเหมือนช้าแต่กลับรวดเร็วยิ่ง สิงอี่เทียนง้างสายธนูจนเหมือนพระจันทร์เต็มดวง พาให้กลิ่นอายทั่วตัวเขาแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ปลดปล่อยพายุอสนีเดือดพล่าน วิญญาณอสนีตนนั้นพลันเงยหน้าขึ้นมองเหยียดหยันหลินสวิน

ตู้ม!

ลูกศรสีน้ำเงินเข้มพุ่งออกมา ทำลายขีดจำกัด อานุภาพคับฟ้า!

ดวงตาสีดำของหลินสวินหดรัดลงกะทันหัน ร่างพริบไหวเบี่ยงหลบไปด้านข้าง ลูกศรของคู่ต่อสู้เป็นอาวุธสังหารชิ้นโต แม้ว่าไม่ใช่สมบัติอริยะ แต่พลังของมันกลับเรียกได้ว่าน่าสะพรึง

ในขณะที่เบี่ยงหลบ เขาก็เก็บโป่งรากสนสีทองจากพื้นไปตั้งแต่ต้นแล้ว หาไม่คงถูกศรนี้ทำลายอย่างแน่นอน!

ตู้ม!

ยามเสียงระเบิดน่ากลัวดังขึ้น ลูกศรน้ำเงินเข้มได้พุ่งเข้ามาพาให้ห้วงอากาศระเบิดกระจุย เสียงดังครืนครัน พลิกคลื่นพุ่งโหมสู่ท้องฟ้า

ฉัวะ!

ศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่ระเบิดกระจุยกระจาย นี่เป็นเพียงแค่โดนอานุภาพที่กระจายอออกมาของศรนี้กวาดผ่านเท่านั้น

ส่วนลูกศรสีน้ำเงินเข้มนั้นพุ่งเข้าหาหลินสวินตั้งแต่ต้น ที่แปลกคือมันเหมือนกับมีวิญญาณ ไม่ว่าหลินสวินหลบไปทางใดมันล้วนตามกัดไม่ปล่อย!

หลินสวินเห็นดังนี้แววตาก็ทอประกาย บริเวณกระดูกสันหลังราวกับบิดตัวราวกับมังกรใหญ่ ง้างมือปลดปล่อยหมัดอานุภาพแพรวพราวออกมา ซัดสะเทือนศรดอกนี้

ตู้ม!

เมื่อสองฝ่ายปะทะกัน แสงเรืองรองเดือดพล่านซ่านเซ็น พาให้ที่แห่งนี้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ พายุอสนีดั่งกระแสน้ำ สุดท้ายพลังหมัดแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลายเป็นละอองแสง

ส่วนลูกศรก็ถูกซัดสะเทือน ส่งเสียงร้องโหยหวน พุ่งกลับไปที่มือของสิงอี่เทียนทันที

ในระยะไกล ในใจทุกคนตกตะลึง ลูกศรนี้ชวนทึ่งและน่ากลัวปานใด หากเปลี่ยนเป็นพวกเขาคงถูกต้านทานไม่ไหวอย่างแน่นอน แต่ยามนี้เด็กหนุ่มนั่นกลับใช้หมัดเปล่าสลายการโจมตีครั้งนี้!

“น่าสนใจ” นิ้วมือขวาทั้งห้าของหลินสวินชาหนึบ เอ็นกระดูกเริ่มปวดรางๆ จุดนี้พาให้เขาประหลาดใจยิ่งนัก

เขายิ่งตระหนักมากขึ้นว่าที่มาของคันธนูและลูกศรในมือสิงอี่เทียนนั้นยิ่งใหญ่นัก ในใจก็ไม่ได้ดูเบา

“เฮอะ! สกัดลูกศรมือเปล่าหรือ น่าเสียดาย ลูกศรของข้าใช้พลังเพียงสามส่วนเท่านั้น ข้าล่ะอยากดูนักว่าต่อไปเจ้ายังจะสกัดมันได้หรือไม่!”

สิงอี่เทียนหัวเราะเยาะ เจือความหยิ่งผยองและดูแคลน

ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปต่างหวาดผวา สิงอี่เทียนเอาแต่ใจและหยิ่งผยองสมคำเล่าลือจริงเสียด้วย หากเมื่อครู่ลูกธนูมีพลังเพียงสามส่วนจริงๆ เช่นนั้นถ้าเขาแสดงพลังทั้งหมดออกมามันจะน่ากลัวปานใด

ตู้ม!

ลมฟ้าโหมกระหน่ำ ลูกศรสีน้ำเงินเข้มก็โฉบออกมาอีกครั้ง พัดโหมพายุคะนองอันน่ากลัว ประกายสายฟ้าสว่างเจิดจ้า ท่วมกลบพื้นที่แห่งนี้ไว้มิด

ลูกศรนี้ถูกเพิ่มพลังมหามรรคลงไป แข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่อักโข!

มองจากไกลๆ มันเกือบจะเหมือนกับอสนีเคราะห์ที่เคลื่อนแหวกห้วงอากาศออกไป หากเปลี่ยนเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั่วไปจะต้องถูกบดขยี้ในศรเดียวอย่างแน่นอน!

นี่ยังจะต้านทานได้อย่างไร

“หลีก!”

หลินสวินร้องเสียงขรึม พลังหมัดเรียบง่ายเวิ้งว้างสั่นสะเทือนฟ้าดิน สำแดงความเร้นลับดั้งเดิมของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์

ห้วงอากาศพังทลายลงกะทันหัน พลังหมัดนั้นแทบจะเหมือนกับสัญลักษณ์มหามรรค เผยกลิ่นอายหวนกลับสู่ธรรมชาติดั้งเดิม ขวางสกัดศรนี้เอาไว้

ตู้ม!

บริเวณนั้นหวีดคำราม ก้นทะเลสาบปั่นป่วน เหมือนน้ำในหม้อที่เดือดปุดๆ

ในที่สุดศรนี้ก็ถูกสกัดกั้น พลังถูกสลาย เพียงแต่ตอนที่หลินสวินจะกักขังศรนี้ไว้ ลูกศรนั้นก็พริบไหวแปลกประหลาด และย้อนกลับไปที่มือของสิงอี่เทียนอีกครั้ง

ศรดี!

หลินสวินยืนอยู่ที่นั่น แต่ในใจตัดสินได้คร่าวๆ ว่าพลังของลูกศรนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าศรนภาครามของตนเลย!

ในเวลาเดียวกันสีหน้าสิงอี่เทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ครั้งแรกที่ถูกหยุดไว้ได้อาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ครั้งที่สองก็ยังถูกสลายพลังอีก นี่ไม่ใช่ธรรมดาแล้ว

ก่อนหน้านี้เขาเคยใช้คันธนูและศรคู่นี้ยิงสังหารราชันกึ่งระดับที่แท้จริงมาแล้ว!

จุดนี้คือสิ่งที่ทำให้เขากล้าเสี่ยงมายังก้นทะเลสาบสีเงินนี้ ต่อให้จะมีคู่ต่อสู้เป็นพวกราชันกึ่งระดับทั้งกลุ่ม เขาก็ไม่เคยหวั่นกลัว

แต่ยามนี้เขากลับมองหลินสวินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามไม่ออก

“เจ้าเหยียบย่างบนมกุฎมรรคาแล้ว?” สิงอี่เทียนขมวดคิ้ว

“หยุดพูดไร้สาระ ถ้าเจ้ามีปัญญาก็สู้ต่อ แต่ถ้าไม่ก็รอถูกเชือดคอเถอะ” หลินสวินยิ้ม

ดวงตาของสิงอี่เทียนเย็นชา เขาเหยียบย่างบนมกุฎมรรคาแล้ว ดังนั้นจึงเข้าใจว่าคู่ต่อสู้ที่มีรากฐานระดับนี้ยากจะต่อกรปานใด

“รีบไปตายหรือ ถ้าอย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง!” สีหน้าเขาเย็นชา ทั่วร่างแสงสายฟ้าพวยพุ่ง ผมยาวพลิ้วสยาย

วู้ม!

สายธนูกู่ก้องดังสนั่น เพียงเขาตะคอกออกมาคำเดียวศรดอกที่สามก็พุ่งออกไป

อานุภาพศรดอกนี้แตกต่างออกไป แว่วเสียงท่วงทำนองมรรคเก่าแก่ไพศาล สั่นสะเทือนทะเลสาบผืนนี้จนแทบพังทลาย

หัวใจของหลินสวินไหวสะท้าน ทั้งตัวเปล่งประกาย สำแดงนัยเร้นลับของดับดารากลืนกิน พาให้ทั้งตัวประหนึ่งกลายเป็นเหวลึกที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้

พร้อมกันนั้นหมัดของเขาก็เปลี่ยนไปด้วย!

นี่คือมรรคดับดารากลืนกินที่บรรลุระดับท่วงทำนองมรรค อานุภาพมหาศาล สามารถกลืนเวิ้งฟ้าทำลายผืนดิน!

“นี่…”

สิงอี่เทียนตกตะลึง พลังที่อีกฝ่ายสำแดงออกมานั้นเหนือการคาดเดาของเขา โดยเฉพาะในยามนี้ พลังเจตจำนงมรรคที่คละคลุ้งทั่วร่างอีกฝ่ายพาให้เขารู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง

นี่คือมหามรรคอะไรกัน

ตู้ม!

พลังหมัดคำราม ระเบิดแสงมหาศาล ราวกับหลุมดำน้ำวนโผล่กลางห้วงอากาศ ถึงกับกลืนกินศรดอกนี้เข้าไป!

ทุกคนต่างมองเห็น ว่าศรที่แทบต้านทานไม่ได้ดอกนี้ถูกสกัดกั้นทีละส่วน พลังของมันก็ถูกทำลายและกลืนหายไป เมื่อมาถึงหมัดของหลินสวินก็ไม่ได้ทรงอานุภาพอีกต่อไป

เสียงดังปึงหนึ่งครา แต่พลังหมัดนั้นยังคงอยู่ ซัดกระแทกจนลูกศรสีน้ำเงินเข้มโหยหวน สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ทุกคนหนังศีรษะชาหนึบ มือเปล่า ไม่ได้ใช้สมบัติใดๆ แต่กลับซัดลูกศรสังหารของสิงอี่เทียนสามครั้งติดต่อกัน!

นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

ในเวลาเดียวกันสีหน้าสิงอี่เทียนก็เปลี่ยนไป เขาไม่ลังเลที่จะเรียกลูกศรกลับมา จากนั้นก็ง้างธนูเต็มเหนี่ยวยิงออกไปเต็มกำลัง

ครืน!

ในขณะนี้วิญญาณอสนีก็ออกเคลื่อนไหวแล้ว พุ่งไปพร้อมกับลูกศรสีน้ำเงินเข้มเข้ากำราบไปทางหลินสวิน

นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของสิงอี่เทียนอย่างไม่ต้องสงสัย!

ผู้ฝึกปราณหลายคนตกใจมากจนถอยห่างไม่หยุด ไม่กล้าเข้าใกล้สักนิดด้วยเกรงว่าจะถูกลูกหลง

ใต้ทะเลสาบสีเงินทั้งผืนปั่นป่วน เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้างแห่งอสนี ประดุจมีอสนีเคราะห์ฟาดผ่าลงมา

“ศรนี้ ข้าอยากดูนักว่าเจ้าจะสกัดมันอย่างไร!” สิงอี่เทียนตะคอกราวกับฟ้าคำราม เผด็จการไม่มีใครเทียบได้

ไม่อาจไม่พูด การโจมตีครั้งนี้วิปริตจริงๆ พาให้หลินสวินเองก็รู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เขาหายใจเข้าลึกๆ ไม่ได้รั้งรออีก ซัดหมัดออกไปอีกครั้ง

วู้ม!

พริบตานั้นทะเลสาบที่เดิมทีปั่นป่วนวุ่นวายก็หยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็ง กลิ่นอายเวิ้งว้างอย่างบอกไม่ถูกพุ่งออกจากหมัดของหลินสวิน

นี่เป็นหมัดแบบนไหนกัน

ราวกับมหาสมุทร สามารถบรรจุหมื่นสรรพสิ่ง! ทั้งยังมีอานุภาพประดุจทำลายได้ทุกสิ่ง ทันทีที่ซัดออกไป คล้ายสามารถทะลวงผ่านกาลเวลาและความว่างเปล่า แข็งแกร่งและอมตะ!

นี่ก็คือพลังแห่งแก่นมรรค!

หมัดเดียว เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ที่แฝงอยู่ในมหามรรคธาตุน้ำ สำแดงอานุภาพสูงสุดของมรรคนี้ออกมา!

นี่เป็นอานุภาพที่หลินสวินตั้งใจทดลองใช้พลังแก่นมรรค เพราะไม่เคยสำแดงมันมาก่อนเลยสักครั้ง

ตูม!

ทั่วทั้งทะเลสาบสีเงินดูคล้ายไม่สามารถทนต่อแรงกดดันนี้ได้ แตกระเบิดโดยพลัน น้ำในทะเลสาบที่ไหลเชี่ยวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า เกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่ใกล้เคียงได้รับผลกระทบ พังครืนจมดิ่งลงเช่นกัน

พวกแม่นางเยวี่ยที่ซ่อนตัวอยู่ในกระบวนผนึกต่างตกใจ ราวกับว่าได้เห็นหายนะที่อุบัติขึ้นต่อหน้าต่อตา

ในเวลาเดียวกันด้านล่างของทะเลสาบ วิญญาณอสนีตนนั้นยังไม่ทันสำแดงเดชก็ถูกพลังหมัดซัดระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนสลายกลายเป็นละอองแสง

ส่วนลูกศรสีน้ำเงินเข้มนั้นถูกซัดกระจุยจนส่งเสียงโหยหวน!

ฟุ่บ!

สิงอี่เทียนโดนพลังสะท้อนกลับเจ็บแปลบที่หัวใจ กระอักเลือดออกมาอย่างไม่อาจกลั้นได้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

พลังแห่งแก่นมรรค!

เป็นไปได้อย่างไร

นี่ไม่ใช่พลังมหามรรคที่มีเพียงระดับราชันเท่านั้นจึงจะสามารถหยั่งถึงและควบคุมได้หรือ

หัวใจของเขาสั่นสะท้าน สายตาที่จับจ้องหลินสวินเหมือนมองเห็นสัตว์ประหลาดที่ไม่อาจใช้ความเข้าใจทั่วไปไปคาดคะเนได้!

“เจ้าก็รับกระบวนท่านี้ของข้าด้วย!”

หลินสวินโถมเข้ามา กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไป แหลมคมเด็ดขาดราวกับกระบี่เซียนไร้เทียมทาน มีไอสังหารครอบจักรวาล กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกทำลาย

นี่คือการสะท้อนให้เห็นแก่นมรรค

ใต้หล้าไม่มีสิ่งใดอ่อนโยนไปกว่าน้ำ แต่ความแข็งแกร่งใดๆ กลับเอาชนะมันไม่ได้!

ครึ่งประโยคแรก มีนัยถึงแก่นอัศจรรย์แห่งความไพศาลที่สามารถบรรจุรับได้ทุกอย่าง ครึ่งประโยคหลังกลับหมายถึงวิถีสังหารอันแข็งกร้าว สามารถทำลายภูผาธาราอย่างไม่มีใครเทียบได้

ในสมัยโบราณมีอริยะกล่าวว่า ความดีก็เหมือนสายน้ำ!

สิงอี่เทียนแข็งแกร่งมาก เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกัน มีชื่อเสียงในแดนชัยบูรพา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวินที่พุ่งเข้ามา เขากลับรู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แทบหายใจไม่ออก

หัวใจของเขาสั่นสะท้าน รีบเบี่ยงหลบโดยเร็ว แต่ก็ยังถูกหมัดของหลินสวินซัดเข้าให้อยู่ดี

ตึง!

ร่างของเขาราวกับถูกภูเขาชนกระแทก ลอยคว้างออกไปอย่างแรง ในระหว่างนี้เอ็นและกระดูกของเขาส่งเสียงเสียดสีดังกรอบแกรบราวกับทนรับไม่ไหว

ทวารทั้งเจ็ดของเขาหลั่งโลหิต แม้แต่จิตวิญญาณยังส่งสัญญาณแห่งการล่มสลาย

ทันใดนั้นเขาก็ร้องออกมาอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเหยเก เลือดสดๆ ไหลเอ่อ น่าสยดสยองเป็นที่สุด!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท