บทที่ 69 บริบูรณ์ใหญ่วิชายุทธ์ระดับ4
ขึ้นเวทีทีละคนตามลำดับ และบางครั้งก็ปรากฏวิชายุทธ์ระดับ3ที่ฝึกตนถึงแดนสำเร็จน้อย จะได้รับเจ็ดคะแนน
“บรรลุผลวิชาท่าร่างระดับ4! เก้าคะแนน!”
ในขณะนี้เอง ตามด้วยเสียงประกาศของจางหลู่เหลียงหัวหน้าผู้คุมสอบ ผู้คนในเหตุการณ์ก็แตกตื่น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่บนเวที
“คือสวีผิงของเมืองสุ่ยยุ่น เขาอยู่ในการประเมินรายการที่หนึ่งก็ได้เก้าคะแนน รายที่สองก็ได้คะแนนสูงขนาดนี้!”
“จำนวนคนสามคนที่เข้าสู่นอกสำนัก ดูเหมือนว่าเขาจะต้องครอบครองหนึ่งในนั้น วิชาท่าร่างระดับ4ฝึกตนจนบรรลุผล พรสวรรค์นี้น่าทึ่งจริงๆ!”
เมื่อสวีผิงก้าวลงจากเวที ก็มีอีกคนหนึ่งที่ขึ้นมาบนเวที ซึ่งเป็นอัจฉริยะเมืองหยูซานที่เสมอกันกับสวีผิง หวางช่าน!
การขึ้นแสดงบนเวทีของเขา ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องมองไป เพราะว่าหวางช่านและสวีผิงทั้งสองคน เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นของการประเมินขั้นปฐมภูมิในครั้งนี้
เห็นเพียงหวางช่านแสดงวิชาดาบอยู่บนเวที แสงปราณลมก็เปล่งออกมา แสงดาบก็ส่งเสียงดังกรรโชกอย่างน่ากลัว และพลังอานุภาพยิ่งใหญ่มาก
“บรรลุผลวิชาดาบะดับ4! เก้าคะแนน!”
ในกลุ่มคนก็มีเสียงอุทานดังมาอีกครั้ง หวางช่านที่มีศักยภาพในการแข่งขันการประเมินอันดับที่หนึ่ง และการแสดงออกมาให้เห็นไม่ได้แย่กว่าสวีผิง
อายุสิบห้าปีฝึกตนถึงวิชาชี่ไห่ขั้น3 แล้วก็ฝึกตนวิชายุทธ์ระดับ4ถึงบรรลุผล ผลคะแนนแบบนี้ ก็ย่อมทำให้คนประหลาดใจเป็นอย่างมาก
การทดสอบดำเนินไปอย่างช้าๆ ในที่สุด ในเวลานี้ถึงคราวที่หลัวซิวขึ้นเวทีแล้ว
สำหรับการขึ้นเวทีของหลัวซิว ในกลุ่มคนก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังมามากมาย เนื่องจากว่าในระหว่างการทดสอบผลการฝึกตนรายการที่หนึ่งของก่อนหน้านี้ จางหลู่เหลียงหัวหน้าผู้คุมสอบจะเพิกถอนสิทธิ์ในการประเมินของเขา ด้วยการปรากฏตัวที่ไม่คาดคิดของลู่เมิ่งเหยา ก่อให้เกิดปัญหามากมาย
“หลัวซิวคนนี้เป็นอัจฉริยะของสำนักยุทธ์ชิงหยุน สามารถที่จะฝึกฝนพลังหยางบริสุทธิ์ได้ พรสวรรค์น่าจะไม่เลว”มีคนพูดด้วยรอยยิ้ม
“นอกเหนือจากว่าเขาสามารถที่จะฝึกตนวิชายุทธ์ระดับ4ถึงแดนบริบูรณ์ ไม่อย่างนั้นคะแนนก็ไม่สามารถที่จะไล่ตามสวีผิงและหวางช่านทัน”ก็มีคนไม่เห็นด้วย
จางหลู่เหลียงก็จ้องมองหลัวซิวที่ประลองยุทธ์อยู่บนเวที เขาเป็นคนที่ไม่ต้องการให้หลัวซิวเข้าสู่นอกสำนักที่สุด
“เพล้ง!”
แสงดาบพุ่งขึ้นบนเวที ในทันใดนั้น แสงดาบก็ราวกับฟ้าผ่า และระบายแพร่กระจายออกไป
“วิชายุทธ์ระดับ4ถึง ……แดนบริบูรณ์!?”
ในกลุ่มผู้ชม เจ้าสำนักยุทธ์ทั้งสิบแปดเมืองต่างก็ลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
แม้แต่ตัวของเจ้าสำนักชิงหยุนเองก็เต็มไปด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เดิมทีเขาคิดว่าหลัวซิวอย่างมากก็เป็นบรรลุผลวิชายุทธ์ระดับ4 กลับคาดไม่ถึงว่า เขาฝึกตนถึงแดนบริบูรณ์แล้ว
สิ่งที่เรียกว่าบริบูรณ์ นั่นเป็นการเข้าใจความลึกลับทั้งหมดของวิชายุทธ์สำนักหนึ่งอย่างถ่องแท้ จอมยุทธ์ของแดนฝึกชี่ไห่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำถึงขั้นนี้ได้
บางคนอาจจะคิดว่าบริบูรณ์สูงกว่าบรรลุผลไปแค่แดนเล็กหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ในความเป็นจริงช่องว่างระหว่างทั้งสองขนาดใหญ่มาก
ลู่เมิ่งเหยามองไปทางหลัวซิวที่อยู่บนเวที รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก“หมอนี่ มักจะทำเรื่องราวที่ไม่คาดคิดออกมาเสมอ”
“นี่……”สีหน้าของจางหลู่เหลียงก็ยิ่งดูไม่ดีมากขึ้น การแสดงของหลัวซิวยิ่งดีเลิศเท่าไหร่ ก็หมายความว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดภัยคุกคามต่อเขาในอนาคตก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
“ฮ่าๆ อายุสิบสี่ปีของแดนวิชาชี่ไห่ขั้น2 ฝึกฝนพลังหยางบริสุทธิ์และบริบูรณ์วิชายุทธ์ระดับ4 เป็นต้นกล้าที่ดี!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงหัวเราะเบิกบานใจในอากาศดังมา ทุกคนก็มองไปตามเสียง เห็นชายวัยกลางคนใส่เสื้อคลุมยาวสีน้ำเงิน ยืนอยู่บนท้องฟ้า และมองลงมาทางหลัวซิวบนเวที
“เจ้าสำนัก!”
“เข้าพบเจ้าสำนัก!”
เมื่อเห็นชายวัยกลางคนใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงินก็ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างกะทันหัน จางหลู่เหลียงกับเจ้าสำนักยุทธ์ทั้งสิบแปดเมืองก็ทยอยลุกขึ้น และคารวะเขาที่อยู่ในอากาศด้วยความเคารพ
จอมยุทธ์มากมายที่มาเข้าร่วมการประเมินขั้นปฐมภูมิ ก็แตกตื่นตกตะลึงเหมือนกัน
สำหรับทุกคน การมีอยู่ของเจ้าสำนักของนอกสำนักแบบนี้ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในตำนานอย่างไม่ต้องสงสัย!
ในวินาทีนี้ ในสายตาของทุกคนที่มองไปทางหลัวซิวบนเวทีประลองยุทธ์ เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและรู้สึกขวางหูขวางตา
เพราะว่าเจ้าสำนักดูเหมือนจะประเมินเขาสูงมาก
วิชาชี่ไห่ขั้น2อายุสิบสี่ปีบางทีก็ไม่นับว่าเป็นอะไร ถ้ารวมกับพลังหยางบริสุทธิ์และบริบูรณ์ใหญ่วิชายุทธ์ระดับ4 นั่นก็เรียกได้ว่าน่าอัศจรรย์จริงๆ
“ท่านพ่อค่ะ”
ลู่เมิ่งเหยาลุกขึ้นมา และคำนับร่างบนท้องฟ้า
“ไม่จำเป็นต้องเป็นทางการ ลุกขึ้นเถอะ”
เจ้าสำนักลู่ลงมาจากบนท้องฟ้า และพูดด้วยรอยยิ้มช้าๆ
“การประเมินขั้นปฐมภูมิของปีนี้ ก็มีฉันมาดูแลจัดการด้วยตัวเอง” เจ้าสำนักลู่พูดออกมาให้คนประหลาดใจ
ในอดีตที่ผ่านมา การประเมินขั้นปฐมภูมิก็มีผู้ดูแลนอกสำนักมาดูแลจัดการ ไม่เคยมีแบบอย่างที่เจ้าสำนักมาดูแลจัดการด้วยตัวเอง
ข่าวคราวนี้ ทำให้พวกจอมยุทธ์ที่เข้าร่วมการประเมินตื่นเต้นอย่างไม่ต้องสงสัย ต่างก็เตรียมพร้อมที่จะแสดงให้ดีต่อหน้าของเจ้าสำนักอย่างสุดกำลัง
“นี่ก็คือหลัวซิวคนนั้นที่ลูกพูดถึงเหรอ?”ลู่เมิ่งเหยาก็ได้ยินเสียงของพ่อดังมาข้างหู
ตอนที่พูดประโยคนี้ เจ้าสำนักลู่ก็ใช้การส่งสัญญาณเสียง ดังนั้นคนอื่นบริเวณใกล้เคียงก็ไม่สามารถได้ยิน
ลู่เมิ่งเหยาพยักหน้า ทราบเจตนาของการรีบมาของพ่อด้วยตัวเอง
“พ่อรู้ความแค้นของเขากับจางหลู่เหลียง ในเมื่อเขาเป็นผู้มีพระคุณของลูก อยู่ในนอกสำนักนี้ พ่อก็ย่อมต้องปกป้องเขาให้ปลอดภัย” เจ้าสำนักลู่ก็พูดอย่างนั้น
ในขณะนี้เอง จางหลู่เหลียงที่หน้าอกอัดอั้นไปด้วยความแค้นก็ตะโกนว่า: “หลัวซิว บริบูรณ์ใหญ่วิชายุทธ์ระดับ4 สิบคะแนน!”
แม้ว่าในใจจะรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่จางหลู่เหลียงกลับรู้สึกตามสัญชาตญาณว่า เจ้าสำนักลู่ท่านนี้เหมือนกับตั้งใจมาเพื่อหลัวซิวเป็นพิเศษ
ฐานะเจ้าสำนักของนอกสำนักสูงศักดิ์แค่ไหน เด็กเปรตอย่างหลัวซิวคนนี้โชคดีอะไรกันแน่?
บนเวทีประลองยุทธ์ หลัวซิวยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาอยู่ในสายตาของจางหลู่เหลียง ก็ทำให้ฟันหน้าสองซี่ของบรรพบุรุษตระกูลจางท่านนี้สั่นสะเทือน
……
การประเมินทักษะยุทธ์รายการที่สอง ค่อนข้างดำเนินการเร็วกว่าการทดสอบผลการฝึกตน ก่อนหน้าที่พระอาทิตย์ตก การประเมินทักษะยุทธ์ก็สิ้นสุดลง
ผลลัพธ์สุดท้าย นอกเหนือจากหลัวซิวที่ได้สิบคะแนนเต็ม ส่วนใหญ่ได้หกคะแนนเจ็ดคะแนน ได้แปดคะแนนก็เป็นจำนวนน้อย และเก้าคะแนนมีเพียงสวีผิงและหวางช่าน
สำหรับโม่ชวนที่ได้คะแนนสูงสุดในการประเมินรายการที่หนึ่ง การแสดงนั้นปานกลาง เพียงแค่ฝึกตนวิชายุทธ์ระดับ5สำนักหนึ่งถึงแดนสำเร็จน้อย
สถานการณ์แบบนี้ปกติเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าโม่ชวนใช้เวลาส่วนใหญ่มาเพิ่มผลการฝึกตน และไม่ได้สนใจการฝึกวิชายุทธ์
การประเมินอีกสองรายการที่เหลือ จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ตามการจัดอันดับคะแนนของการประเมินสองรายการก่อนหน้านี้ ในบรรดาหนึ่งร้อยคน มีเพียงคนที่อยู่ห้าสิบอันดับแรกเท่านั้นที่มีเข้าร่วมในการประเมินสองรายถัดไปในวันพรุ่งนี้ คนที่เหลือ จะถูกคัดออกทั้งหมด!
จำนวนคนสามคนที่ได้รับสิทธิ์การเข้าสู่นอกสำนัก จะปรากฏขึ้นมาทั้งหมด ในวันที่สอง!
เมื่อกลับมาถึงที่ตั้งของเขตการปกครองหยุนหลง อัจฉริยะของอีกสำนักยุทธ์ทั้งสิบเจ็ดเมืองที่พักอยู่ด้วยกันกับหลัวซิว มีเพียงหลัวซิวและเนี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองคนที่สามารถเข้าร่วมการประเมินในวันพรุ่งนี้ได้ อีกยี่สิบกว่าคนที่เหลือ ก็ถูกคัดออกไปหมดแล้ว
แม้ว่าจะเป็นผลการฝึกตนวิชาชี่ไห่ขั้น2 แต่บางคนในนั้นก็อายุมากไปบาง อยู่ในการทดสอบรายการที่หนึ่งได้คะแนนไม่สูง สำหรับด้านทักษะยุทธ์ มีความต้องการเข้าใจต่อพรสวรรค์สูงมากกว่า อยากจะอยู่ข้างหน้าห้าสิบ ยากเกินไปจริงๆ