มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 70 กระทบห้วงความคิด

บทที่ 70 กระทบห้วงความคิด

 

บทที่ 70 กระทบห้วงความคิด

 

ในลานบ้าน ผู้คนไม่น้อยก็หมดอาลัยตายอยาก

“สวี่ชิวเซิงก็ทะลุผ่านแดนฝึกชี่ไห่แล้ว น่าเสียดายที่เขาพลาดการประเมินขั้นปฐมภูมิในครั้งนี้ไป”เจ้าสำนักชิงหยุนส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ

ความเข้าใจทักษะยุทธ์ของสวี่ชิวเซิงนั้นสูงมาก การกลั่นร่างขั้น9ขั้นสูง ก็ฝึกตนบริบูรณ์วิชาหอก น่าเสียดายพรสวรรค์ที่เขาฝึกตนก็ค่อนข้างพอไปวัดไปวาได้ อายุสิบแปดถึงสามารถทะลุผ่านแดนฝึกชี่ไห่ได้

สำหรับเรื่องนี้ หลัวซิวก็ค่อนข้างแสดงความเสียใจด้วย ไม่สามารถที่จะเข้าสู่นอกสำนักเซียวเหยาก่อนอายุสิบแปดปี เป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของจอมยุทธ์ ถ้าเกิดพลาดไป ปราศจากเงื่อนไขของทรัพยากรและมรดกที่เพียงพอ ยากมากที่จะประสบความสำเร็จ

ไม่สามารถเข้าสู่นอกสำนักเซียวเหยาได้ สวี่ชิวเซิงถูกกำหนดให้เป็นสมาชิกคนหนึ่งขององครักษ์เกราะเขียว อย่างน้อยอยู่ในเมืองชิงหยุน ซึ่งสามารถครอบครองตำแหน่งได้

ค่ำคืนนั้นเย็นราวกับน้ำ หลัวซิวนั่งขัดสมาชิกอยู่ในห้อง หยิบหนังสือกลยุทธ์วิชายุทธ์ออกมาทีละเล่ม จากในแหวนจัดเก็บสิ่งของ

หนังสือกลยุทธ์วิชายุทธ์เหล่านี้ก็ได้มาจากคลังสมบัติที่ราชายุทธ์ปู้เฉินทิ้งไว้ ก่อนหน้านี้ หลัวซิวไม่สามารถสละเวลาเรียนได้เสมอ

วิชายุทธ์ระดับ7เพียงวิชาเดียวถูกหลัวซิวเอาไปก่อน

“วิชาวัชรยักษ์ครองร่าง วิชากลั่นร่างระดับ4 ผนึกรวมปราณแท้ชุบร่างเนื้อราวกับนักยุทธ์ อย่างมากที่สุดสามารถนำชุบร่างเนื้อเปรียบเทียบได้กับนักยุทธ์ระดับชั้นล่าง!”

หลัวซิวอ่านวิชายุทธ์สำนักนี้คร่าวๆ คาดไม่ถึงว่าเป็นวิชากลั่นร่างของสำนักหนึ่งที่หาได้ยาก

ในอดีต หลัวซิวเคยได้ยินวิชากลั่นร่าง กลับไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็รู้ว่าวิชากลั่นร่างมีค่ามากกว่าวิชายุทธ์ในระดับเดียวกันอื่นมาก

“ถ้าสามารถที่จะฝึกฝนวิชาวัชรยักษ์ครองร่างนี้ได้ ร่างเนื้อทัดเทียมเสมอเหมือนกับนักยุทธ์ระดับชั้นล่าง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรือว่าการป้องกันก็สามารถครอบครองความได้เปรียบอย่างมาก”

หลัวซิวส่ายหน้า“น่าเสียดายที่เกณฑ์ขั้นต่ำที่สุดสำหรับการฝึกวิชายุทธ์สำนักนี้ จำเป็นต้องมีระดับผลการฝึกตนที่สูงกว่าแดนพรสวรรค์ขั้น3”

เก็บวิชายุทธ์สำนักนี้ไว้ ตามด้วยหลัวซิวก็เปิดอ่านวิชายุทธ์ระดับ6อื่นอีก

“หมัดเงาเศษบุปผาลอย วิชาหมักราวกับเงาเศษ โบยบินได้ดั่งความปรารถนา มีพลังแห่งความมืดสามระดับ ทำลายอวัยวะภายในเส้นลมปราณของคู่ต่อสู้ได้ในทันที ชั่วร้ายและเผด็จการ!”

นี่เป็นวิชายุทธ์ที่ค่อนข้างร้ายกาจ ตอนที่ปลดปล่อยออกมาดูแล้วก็เหมือนเป็นหมัดเงาเศษวิชายุทธ์ระดับ3 แต่ถ้าหากมีใครกล้าดูถูก เกิดโดนเข้า ก็จะตายในทันที

แต่ว่าหลัวซิวยังค้นพบว่า วิชายุทธ์สำนักนี้ก็มีความต้องการขั้นต่ำสำหรับการฝึกตน จะต้องเป็นแดนวิชาชี่ไห่ขั้น9

วิชายุทธ์มีเก้าขั้น ขั้นที่หนึ่งถึงขั้นสาม เหมือนสำหรับจอมยุทธ์กลั่นร่าง ขั้นที่สี่ถึงขั้นที่หกเหมือนสำหรับจอมยุทธ์ชี่ไห่ ขั้นที่เจ็ดถึงขั้นเก้า ต้องการให้จอมยุทธ์พรสวรรค์ถึงจะฝึกฝนได้

ยิ่งระดับวิชายุทธ์สูงเท่าไหร่ พลังก็ยิ่งมากเท่านั้น และข้อกำหนดสำหรับตัวของจอมยุทธ์เองก็สูงขึ้นเหมือนกัน

ตัวอย่างเช่นวิชาวัชรยักษ์ครองร่างวิชายุทธ์ระดับเจ็ด วิชายุทธ์ระดับเจ็ดของปกติ ต้องการแค่แดนพรสวรรค์ขั้น1ก็สามารถที่จะฝึกฝนได้ แต่วิชายุทธ์สำนักนี้ กลับต้องการเป็นแดนพรสวรรค์ขั้น3ขึ้นไป

หลัวซิวที่อยู่ในแดนวิชาชี่ไห่ขั้น2ตอนนี้ สามารถที่จะฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับ4 ถ้าจะฝึกฝนวิชายุทธ์ระดับ5ที่ทรงพลังกว่า ต้องหลังจากที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงวิชาชี่ไห่ขั้น3

หลัวซิวหยิบหนังสือวิชายุทธ์ระดับ5มาหนึ่งเล่ม ตามที่เขาคาดไว้ มีความต้องการของผลการฝึกตนวิชาชี่ไห่ขั้น3ขึ้นไป

“วิชายุทธ์ขั้นสูงขนาดนี้ กลับทำได้เพียงอ่านแต่ไม่สามารถฝึกได้”

หลัวซิวก็หัวเราะออกมา ทำได้เพียงเก็บกลยุทธ์วิชายุทธ์ทั้งหมดเหล่านี้ไว้อย่างช่วยไม่ได้

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น มาถึงที่ตั้งของนอกสำนักอีกครั้ง

ยังคงมีผู้คนมากมาย แม้แต่พวกจอมยุทธ์ที่ถูกคัดออกเหล่านั้น ก็มาที่นี่เพื่อชมการต่อสู้แต่เนิ่นๆ

ในการจัดอันดับปัจจุบัน คือหลัวซิว สวีผิง หวางช่านทั้งสามคนที่เสมอที่หนึ่ง

การประเมินรายการที่สาม คือประเมินพลังความมุ่งมั่น ทฤษฎีความมุ่งมั่นไม่มีอยู่ให้เห็น ว่ากันว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับจิตวิญญาณและสภาพจิตใจของจอมยุทธ์

ว่ากันว่า หลังจากที่จอมยุทธ์ฝึกตนพรสวรรค์แต่กำเนิด ก็เริ่มฝึกตนพลังห้วงความคิดจิตวิญญาณ และสภาพจิตใจก็เกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าในอนาคตของจอมยุทธ์สามารถที่จะทะลุผ่านกิเลสในใจของจอมยุทธ์ได้หรือเปล่า!

นี่เป็นสนามที่เปิดกว้างมากแห่งหนึ่ง ซึ่งสามารถให้คนห้าสิบคนทำการประเมินพร้อมกันได้ มีตราประทับที่ซับซ้อนนับไม่ถ้วนบนพื้นดิน คือค่ายกลที่ขนาดใหญ่มาก ว่ากันว่าเป็นปรมาจารย์ค่ายกลสามท่านระดับสี่ที่เชิญมาจากแก๊งนักค่ายกลจารึกไว้ และมูลค่านั้นแพงมาก

“หึ่ง!”

ตามด้วยแสงสว่างที่รุ่งโรจน์ขึ้นมา ค่ายกลถูกเปิดออกในทันที จอมยุทธ์ห้าสิบคนที่อยู่ในค่ายกล ก็รู้สึกถึงผลกระทบที่เกิดจากจิตใจจิตวิญญาณ

เกี่ยวกับสภาพจิตใจ หลัวซิวเข้าใจไม่มากนัก แต่ตั้งแต่ที่ได้อัญมณีแห่งความเป็นความตาย ประสบการณ์มากมาย ทำให้สภาพจิตใจของเขาก็ประสบกับการเปลี่ยนแปลงที่ละเอียดอ่อน

ประการแรกคือทำให้เป้าหมายการฝึกตนของตัวเองชัดเจนคือก้าวไปขั้นสูงของวิชายุทธ์ และประการที่สองคือขัดเกลาระหว่างความเป็นความตาย เพื่อไม่ให้เขาหวั่นไหว ถูกวัตถุแปลกปลอมชวนให้หลงอย่างง่ายดาย และจิตใจมั่นคง

ในกระบวนการที่จิตใจถูกกระทบ ยังจะตามด้วยภาพลวงตามากมาย หลัวซิวรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างไม่หยุดหย่อน อยู่ในท่ามกลางดาบภูเขาไฟและทะเลแห่งหนึ่ง

“มันเป็นภาพลวงตาที่สมจริงๆ”แม้ว่าดาบเพิ่มเข้ามา เปลวไฟก็ลุกลามออกมา แต่สภาพจิตใจของหลิวซิวก็สงบ และไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรทั้งนั้น

แต่ว่าอยู่ข้างกายของเขา กลับมีหลายคนที่ล้มลงอยู่บนพื้น กรีดร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเหงื่อแตกทั่วร่างกาย

คนเหล่านี้กลับเป็นคิดว่าดาบภูเขาไฟและทะเลนั้นเป็นจริง รู้สึกว่าตัวเองถูกดาบฟันเป็นชิ้นๆ ต่อจากนั้นก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านด้วยเปลวไฟ สภาพจิตใจก็ทรุดลงในทันที

ในความเป็นจริงคนเหล่านี้สามารถที่จะอยู่ในห้าสิบอันดับแรกจากหลายร้อย พรสวรรค์ยังถือได้ไม่เลว แต่อยู่ในด้านสภาพจิตใจและความตั้งใจกลับแย่มาก ขาดการขัดเกลาความเป็นความตาย

ในช่วงเวลาสั้นๆ ภาพลวงตาของดาบภูเขาไฟและทะเลก็หายไป กลิ่นควันน้ำมันที่แรงโชยเข้ามาในจมูก สถานการณ์บริเวณโดยรอบก็กลายเป็นหม้อขนาดใหญ่ในทันใด น้ำมันร้อนกำลังเดือด ร่างหนึ่งที่อยู่ข้างในก็ระเบิดดังตูมตาม

ฉากที่ทำให้คนน่าสยดสยองขนาดนี้ ก็ทำให้จอมยุทธ์ไม่น้อยที่ประคับประคองผ่านภาพลวงตาดาบภูเขาไฟและทะเลมาก็พังทลายลงในทันที กลอกตาทั้งสอง และหมดสติอยู่บนพื้น

แต่ฉากของภาพลวงตายังคงปรากฏขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว จอมยุทธ์ห้าสิบคนที่เข้าร่วมการประเมิน ก็ประสบกับภาพลวงตาที่แตกต่างกันถึงเก้าชั้น!

“เมิ่งเหยา หลัวซิวคนนี้เก่งจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะสามารถแบกรับแดนมิติชั้น9”ในกลุ่มผู้ชม เจ้าสำนักลู่ใช้มือลูบเครา และชื่นชมด้วยรอยยิ้ม

ในฐานะเจ้าสำนักนอกสำนัก ปรมาจารย์จอมยุทธ์ของแดนฝึกจิตขั้น9 วิสัยทัศน์ของเจ้าสำนักลู่ไม่สามารถเรียกได้ว่าไม่สูง

เหตุผลที่เขามองหลัวซิวแตกต่างจากเดิม ในความเป็นจริงส่วนใหญ่ก็เห็นแก่ที่เขาเป็นผู้มีพระคุณของลูกสาวตัวเอง

แดนมิติชั้น9 มีเพียงด่านที่หนึ่งของค่ายกลขั้นสุดยอดระดับสี่นี้เท่านั้น คนที่สามารถแบกรับไปได้ของในนอกสำนัก ก็มีไม่น้อย

อย่างไรก็ตามในบรรดาห้าสิบคนนี้ การแสดงของหลัวซิวถือได้ว่าดีมากแล้ว มีคนครึ่งหนึ่งล้มลงแล้ว คนเหล่านั้นที่เหลืออยู่ ก็กัดฟันแน่น สั่นเทาทั้งร่างกาย หรือว่าหน้าตาดูโหดร้าย และประคับประคองอย่างขมขื่น

“ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะสามารถต้านทานผลกระทบทางห้วงความคิดหลังจากอยู่ในแดนมิติชั้น9ได้หรือเปล่า?” เจ้าสำนักลู่พูดด้วยรอยยิ้ม

“ท่านพ่อสามารถรอดูได้”ลู่เมิ่งเหยาก็พูดด้วยรอยยิ้ม เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจต่อหลัวซิว

เจ้าสำนักลู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตระหนักดีว่าลูกสาวคนนี้ของตัวเองปฏิบัติต่อหลัวซิวคนนี้ ดูเหมือนจะไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแบบนั้น

ในขณะนี้เอง หลัวซิวที่ผ่านแดนมิติชั้น9 อยู่ในทะเลทรายแห่งหนึ่ง

“ตูม!”

หลัวซิวรู้สึกได้ในทันทีว่าห้วงความคิดพุ่งเข้าหาตัวเอง หัวเหมือนกับถูกค้อนทุบตี ทำให้เขาเวียนหัว วิงเวียน และการรับรู้เบลอ

“ปัง! ปัง! ปัง!…..”

 

########################
 

 

 

 

 

 

 

 

 

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท