บทที่ 100 ประกาศรางวัลนำจับ
“ท่านหัวหน้าแก๊ง” หลัวซิวก้าวเข้าไปทำความเคารพ
เหวินเซวียนหงยิ้มพลางพยักหน้า “นั่งสิ”
หลัวซิวกล่าวขอบคุณก่อนจะนั่งลง เดิมทีเขาตั้งใจจะเชิญเย่เซี่ยงโต่วให้ช่วยออกหน้าให้ แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่า สุดท้ายจะต้องรบกวนท่านหัวหน้าแก๊งท่านนี้
“ข้ารู้เรื่องของเจ้าทั้งหมดแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมลู่เฟยเฉินถึงต้องลงมือกับเจ้า” เหวินเซวียนหงรีบพูดเข้าเรื่อง
หลัวซิวส่ายหน้า เพราะเขาไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาจึงอยากเข้าใจ ตอนแรกเขาคิดจะให้เย่เซี่ยงโต่วช่วยให้เขาได้ไปพบลู่เฟยเฉินเพื่อถามให้เข้าใจ
ต่อมาเย่เซี่ยงโต่วจึงได้นำเรื่องเรื่องนี้มาปรึกษากับท่านหัวหน้าแก๊งท่านนี้ ถึงได้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
“ก่อนหน้านี้ เจ้าสำนักเซียวเหยาได้รับบาดเจ็บร้ายแรงที่เทือกเขาจิ่วเฟิ่ง เหลือเวลาอีกไม่เกินครึ่งเดือน ร่างกายของเขาก็จะดับสลาย”
เหวินเซวียนหงเอ่ย แม้ว่าเรื่องนี้สำนักเซียวเหยาจะพยายามปกปิดเอาไว้แล้ว แต่ด้วยความสามารถของหัวหน้าแก๊งทำให้ทราบข่าวมาอย่างละเอียด
“เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ในสำนักเซียวเหยาย่อมเกิดการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักขึ้น คนที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือผู้อาวุโสสองท่าน คนหนึ่งคือตี๋ซือกู่ ส่วนอีกคนคือขงชิงหยู ส่วนลู่เฟยเฉินคือลูกศิษย์คนโปรดของขงชิงหยู”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ คิ้วของหลัวซิวก็เริ่มขมวดแน่น เห็นชัดๆ ว่านี่คือเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจภายในสำนักเซียวเหยา ลู่เฟยเฉินเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยค่อนข้างมาก แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับจอมยุทธ์ชี่ไห่ตัวเล็กๆ อย่างเขาได้อย่างไร
และในตอนนั้นเอง เหวินเซวียนหงจึงกล่าวต่อไปว่า “หากเทียบกับตี๋ซือกู่แล้ว ผู้สนับสนุนขงชิงหยูมีน้อยกว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ตำแหน่งเจ้าสำนักจะต้องตกเป็นของตี๋ซือกู่ และเมื่อตี๋ซือกู่ได้รับตำแหน่งแล้วย่อมต้องพยายามหาทางกำจัดพรรคพวกของขงชิงหยูทิ้ง เพื่อทำให้อำนาจและศักดิ์ศรีของตนเองมั่นคงขึ้น”
“ภายในสำนักมีผู้อาวุโสสามท่านที่สาบานตนเป็นพี่น้องกันโกวหงยี่ เฉวียนหย่งเฉินและเติ้งจือฮุ่ย ที่ผ่านมาพวกเขาสนิทสนมกันมาก ในสามคนนั้นโกวหงยี่คือพี่ใหญ่สุดและมีหลานชายหนึ่งคนมีนามว่าโกวจินชวน เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้เขาคือคนที่ตามจีบลูกสาวของลู่เฟยเฉินมาก่อน”
อ่าน มหายุทธ์ สะท้านภพ บท 100
เหวินเซวียนหงเล่าที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดที่ตัวเองรู้ เมื่อหลัวซิวฟังจนจบ เขาก็ตาสว่าง
ที่แท้เขาถูกดึงเข้าไปข้องเกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจครั้งนี้จนเกือบต้องสังเวยชีวิตของตัวเองไป เพราะว่าเขาเข้าไปใกล้ชิดกับลู่เมิ่งเหยามากเกินไป
ลู่เฟยเฉินต้องการฆ่าตนเพราะต้องการให้ลู่เมิ่งเหยาหมดความหวัง จากนั้นเธอจะได้แต่งงานกับโกวจินชวน และขงชิงหยูก็จะได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสในสำนักทั้งสามคน
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมดอย่างชัดเจนแล้ว ก็ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตตัวเองไปหาลู่เฟยเฉินอีก”
เหวินเซวียนหงค่อยๆ เอ่ยปาก “ว่ากันตามเหตุผลแล้วนี่คือเรื่องส่วนตัวของเจ้า ดังนั้นตามกฎแล้ว แก๊งจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพียงจะให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเท่านั้น”
เหวินเซวียนหงวางตัวเป็นงานเป็นการอย่างชัดเจน เพราะไม่ต้องการให้ทำลายกฎระเบียบเพียงเพราะหลัวซิวคือสมาชิกแก๊งผู้มีพรสวรรค์แล้ว
กฎพวกนี้คือสิ่งที่ทำให้แก๊งนักล่าอสูรยังคงอยู่มาจนถึงตอนนี้ หากเริ่มทำลายกฎไปแล้วครั้งแรก ก็อาจจะนำมาซึ่งความวุ่นวายได้อย่างง่ายดาย
“อย่างนั้นผมสามารถประกาศภารกิจรางวัลนำจับ ตามหาปรมาจารย์โลกยุทธ์ในแก๊งให้ช่วยคุ้มครองได้ใช่หรือไม่”
หลัวซิวเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้เหวินเซวียนหงชะงักไป
ประกาศภารกิจรางวัลนำจับ ถือเป็นวิธีที่ธรรมดา แน่นอนว่าไม่อยู่ในกฎระเบียบ
แต่การขอความช่วยเหลือจากราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งนั้น การตอบแทนไม่อาจเปรียบเทียบกับการเชิญปรมาจารย์โลกยุทธ์ได้
เสียงของเหวินเซวียนหงเงียบไปพร้อมรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเด็กหนุ่มอย่างเจ้าสามารถหาวรยุทธ์ระดับ 6 ได้รวมทั้งนักยุทธ์ระดับชั้นล่าง แน่นอนว่าพอมีโอกาส แต่เจ้ารู้ไหมว่าการเชิญราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งมาช่วยจะต้องตอบแทนอย่างไร”
หลัวซิวไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาคิดว่าจากฐานะอย่างปรมาจารย์หลอมอาวุธขั้น 5 อย่างราชายุทธ์ปู้เฉิน ทรัพย์สมบัติที่เขาทิ้งเอาไว้มากมายน่าจะเพียงพอต่อการเชิญราชายุทธ์ผู้เข้มแข็งให้ช่วยได้
“ของที่ต่ำกว่าระดับ 5 ลงไป ไม่มีความหมายอะไรกับราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่ง ตามที่เรารู้มากระบี่ยุทธ์เล่มนั้นของเจ้าได้มอบให้เย่เซี่ยงโต่วไปแล้วใช่หรือไม่” เหวินเซวียนหงกล่าวเช่นนี้เพราะคิดว่าหลัวซิวไม่น่าจะมีของมีค่าระดับ 5 อย่างอื่นหลงเหลืออยู่
ของล้ำค่าระดับ 5 ที่เขตการปกครองหยุนหลงแห่งนี้เรียกได้ว่ามีคุณค่าหาใดเปรียบ ราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งครอบครองอยู่ในมือไม่เกินหนึ่งถึงสองชิ้นก็ถือว่ามีฐานะร่ำรวยมากแล้ว
เหวินเซวียนหงไม่ได้อธิบายอะไรละเอียดมากนัก เพียงยกตัวอย่างให้หลัวซิวฟัง
การผู้คุ้มครองโดยใช้ภารกิจรางวัลนำจับ หากจ้างราชายุทธ์ขั้น 1 ถึงขั้น 3 จะต้องตอบแทนด้วยของล้ำค่าระดับ 5 เป็นจำนวนหนึ่งถึงสองชิ้น
ราชายุทธ์ขั้น 4 ถึงขั้น 6 จะต้องจ้างด้วยของล้ำค่าระดับ 5 สามชิ้นถึงห้าชิ้น
ราชายุทธ์ขั้น 7 จะต้องใช้ของล้ำค่าระดับ 5 หกชิ้น
ราชายุทธ์ขั้น 8 จะต้องใช้ของล้ำค่าระดับ 5 เจ็ดชิ้น
ราชายุทธ์ขั้น 9 จะต้องใช้ของล้ำค่าระดับ 5 สิบชิ้น
สำหรับราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งขั้น 9 ขั้นสูงนั้น คุณค่าของล้ำค่าระดับ 5 ไม่ถือว่ามีความหมายอะไรมากนัก ยกเว้นว่าจะเป็นของล้ำค่าระดับ 6 ถึงจะทำให้พวกเขาสนใจได้
รายการที่เหวินเซวียนหงแจกแจงนั้น ไม่ว่าจอมยุทธ์ชี่ไห่ผู้ใดเห็นต่างต้องถอนหายใจทั้งนั้น
แต่หลัวซิวกลับไม่สะทกสะท้าน เพราะในกล่องเครื่องประดับของเขามีของล้ำค่าระดับ 5 อยู่มากมาย และกระบี่ยุทธ์ชั้นล่างก็จัดว่าอยู่ในประเภทนี้ เขาให้เย่เซี่ยงโต่วไปแล้วหนึ่งเล่ม และยังคงเหลือเก็บไว้เองอีกหนึ่งเล่ม
การแบ่งระดับของของล้ำค่า จะแบ่งโดยดูจากของล้ำค่านั้นมีผลต่อการฝึกตนของจอมยุทธ์ อย่างเช่นจอมยุทธ์พรสวรรค์ต้องใช้ของล้ำค่าระดับ 3 ปรมาจารย์ฝึกจิตแห่งโลกยุทธ์ต้องใช้ของล้ำค่าระดับ 4 ราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งต้องใช้ของล้ำค่าระดับ 5
หากเป็นของล้ำค่าระดับ 3 จะไม่มีประโยชน์อะไรกับปรมาจารย์ฝึกจิตแห่งโลกยุทธ์ เพราะไม่สามารถเพิ่มพลังของตนได้ ของล้ำค่าระดับ 4 สำหรับราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งก็ไม่มีความหมายเช่นกัน
ส่วนวิชายุทธ์และวรยุทธ์ก็สามารถนำมาใช้เป็นเส้นแบ่งได้เช่นเดียวกับของล้ำค่า อย่างเช่นการที่หลัวซิวเชิญเย่เซี่ยงโต่วให้ช่วยเหลือ ก็ต้องตอบแทนด้วยวิชายุทธ์ระดับ 6 อย่าง พลังแท้แสงส่อง ซึ่งมีค่าเทียบเท่ากับของล้ำค่าขั้นสูงระดับ 4
หากเป็นวิชายุทธ์ระดับ 6 จะมีค่าเทียบเท่ากับของล้ำค่าระดับ 5
ส่วนวิชายุทธ์ระดับ 7 มีเพียงราชายุทธ์เผด็จการจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่จะได้รับโอกาสในการฝึกตน
ตอนนี้หลัวซิวถึงจะเข้าใจว่าคลังสมบัติที่ราชายุทธ์ปู้เฉินทิ้งเอาไว้ นับว่าล้ำค่ามหาศาลมากเพียงใด
ต่อให้เอาสมบัติของราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่งรวมเข้าด้วยกัน อาจจะยังไม่เท่าสมบัติที่เขาครอบครองเอาไว้เพียงคนเดียว เพราะราชายุทธ์ปู้เฉินเป็นถึงปรมาจารย์นักหลอมอาวุธขั้น 5
หากเทียบกับจอมยุทธ์ทั่วๆ ไป นักหลอมอาวุธ นักค่ายกลและนักกลั่นยา เมื่อบรรลุถึงระดับสูงแล้วนับได้ว่าเป็นผู้กลุ่มคนร่ำรวยอย่างไม่ต้องสงสัย
ตั้งแต่ลู่เฟยเฉินส่งคนมาจับตัวครอบครัวของหลัวซิว และต้องการฆ่าเขาให้ตายนั้น หลัวซิวก็รู้ดีว่าตัวเขาไม่อาจกลับไปยังนอกสำนักเซียวเหยาได้อีกแล้ว
พ่อแม่และพี่สาวของเขามีแก๊งนักล่าอสูรคอยปกป้อง หลัวซิวจึงสามารถละทิ้งทุกอย่างได้แล้วออกไปยกระดับพลังการฝึกตนของตัวเอง
ขอแค่เขาไม่ตายและสามารถฝึกตนพัฒนาขึ้นทุกวันๆ จนสามารถกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ได้ ก็จะไม่มีใครกล้าแตะต้องครอบครัวของเขา
พลังอันแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะทำให้เขายืนหยัดอยู่ได้
แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงลู่เมิ่งเหยาด้วย หลัวซิวไม่อาจหันหลังหนีทุกอย่างไปเช่นนี้ได้
เขาจำเป็นต้องพบหน้าลู่เมิ่งเหยาสักครั้งเพื่อถามเธอให้ชัดเจน ว่าเธอต้องการอยู่ที่นอกสำนักเซียวเหยาหรืออยากหนีไปกับเขา
และเป็นเพราะนี้คือเรื่องส่วนตัว แก๊งนักล่าอสูรจึงไม่ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นหลัวซิวจึงต้องใช้วิธีการที่ถูกต้องอย่างเป็นทางการ นั่นคือประกาศภารกิจรางวัลนำจับ เพื่อขอความช่วยเหลือจากผู้แข็งแกร่งในแก๊ง