บทที่ 157 ร่างยุทธ์ชั้นสูง แดนร่างเนื้อ
ในที่สุด ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินก็หน้าถอดสี ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำผู้นี้คือใครกัน ? กล้าถึงขนาดไม่เห็นตระกูลเหลยอยู่ในสายตา และยังกล้าฆ่าตนเองอีก ?
หลัวซิวเคลื่อนไหวร่างกายและเข้ามายืนอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินเพียงชั่วพริบตาเดียว จากนั้นจึงใช้ฝ่ามือตบไปที่ศีรษะของเขาโดยไร้ความปรานี
“ไปตายซะ !”
ดาบปรากฏขึ้นในมือของชายหนุ่มชุดสีน้ำเงิน ลมแรงพัดผ่านอากาศ มีแสงสว่างวาบจาง ๆ ปรากฏขึ้น และพุ่งตรงเข้าใส่ฝ่ามือของหลัวซิว
“เช้ง !”
ฝ่ามือและดาบปะทะกัน จนเกิดเสียงดังฟังชัด
พลังมหาศาลถูกส่งผ่านมาจากดาบ ทำให้ร่างกายของชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินสั่นไหว เขาเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าว จากนั้นจึงมีเลือดไหลทะลักออกมาจากปากของเขา
ดาบที่อยู่ในมือของชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินเป็นของชั้นสูง จึงไม่แตกสลายเพราะฝ่ามือของหลัวซิว หลังจากปะทะกับดาบแล้ว บนฝ่ามือของเขาก็เกิดเพียงร่องรอยสีขาวเหลือทิ้งไว้
หลัวซิวเดินใกล้เข้ามา เขาใช้นิ้วของเขาแทนกระบี่ เพื่อรวมพลังเพลิงมรณะ
ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินยกดาบขึ้นมาเพื่อป้องกันนิ้วกระบี่นั้น พลังมหาศาลถูกส่งผ่านมาอีกครั้ง ดาบหลุดจากมือและลอยกระเด็นไป ส่วนมือที่ถือดาบเอาไว้ก็เปียกโชกไปด้วยเลือด
สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินตื่นตกใจอย่างมาก เขารีบถอยร่นไปทันที แต่นิ้วกระบี่ของหลัวซิวกลับตามเขาไปอย่างรวดเร็วเหมือนกับเงา จนเขาไม่อาจหลบเลี่ยงได้
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ? ทำไมถึงต้องการฆ่าข้า ? เจ้ากับข้ามีความแค้นอะไรต่อกันอย่างนั้นหรือ ?” เขาตะโกนถามด้วยความโกรธ
แต่หลัวซิวกลับไม่ได้เอ่ยตอบเขา มีเพียงแววตาที่เต็มไปด้วยไอสังหารอย่างรุนแรง
ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินหันมองฝูงชนที่อยู่รอบ ๆ เขากวาดสายตาและตะโกนเสียงดังขึ้นทันทีว่า : “พ่อของข้าคือผู้คุมกฎสำนักเหลยหวู่ ใครสามารถฆ่าคนคนนี้แล้วช่วยข้าเอาไว้ได้ ข้า เหลยมู่เหยียน จะตอบแทนให้อย่างงาม !”
เขารู้ดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำคนนี้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยฐานะของศิษย์ตระกูลเหลยในการขอความช่วยเหลือ
“หยุดเดี๋ยวนี้ !”
เมื่อได้ยินคำมั่นสัญญาจากเหลยมู่เหยียน ก็มีคนก้าวออกมาทันที เผยให้เห็นผู้ฝึกตนระดับจอมยุทธ์ใหญ่
จากการฝึกจิต จอมยุทธ์ใหญ่อยู่ในระดับแดนพรสวรรค์ขั้น 9
ทว่าหลัวซิวกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน นิ้วกระบี่ของเขาแผ่ปราณกระบี่ที่เกิดจากการรวบรวมเพลิงมรณะออกมา เกิดเสียงดังฉึบ ทะลุผ่านคิ้วของเหลยมู่เหยียนไป
มีรูเลือดขนาดเท่านิ้วมือปรากฏขึ้นที่หน้าผาก การเคลื่อนไหวของเหลยมู่เหยียนหยุดชะงักลงทันที และล้มลงไปที่พื้นดังตุ้บ
จอมยุทธ์ใหญ่แดนพรสวรรค์ขั้น 9 ผู้นั้นรีบวิ่งเข้ามา เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเคราเต็มใบหน้า
เมื่อเห็นเหลยมู่เหยียนถูกฆ่าตาย สีหน้าของเขาก็ไม่สู้ดีนัก จอมยุทธ์ใหญ่ส่งเสียงฟึดฟัดด้วยความโมโห “ท่านยอดฝีมือฆ่าศิษย์ของตระกูลเหลยแล้ว ไม่ทราบว่าจะกล้าทิ้งชื่อแซ่เอาไว้หรือไม่ ?”
ในความคิดของเขา คนผู้นี้กล้าลงมือฆ่าศิษย์ของตระกูลเหลย คงจะต้องมีฐานะและภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“หลีกไป !”
หลัวซิวตะคอกออกมาอย่างเย็นชา ไอสังหารอันรุนแรงแผ่ซ่านออกมา จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเลือด
เมื่อยอมยุทธ์ใหญ่ผู้นั้นต้องเผชิญหน้ากับไอสังหารอันรุนแรงของหลัวซิว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ไอสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้ ไม่แน่ว่าคนผู้นี้อาจจะฆ่ายอมยุทธ์แดนพรสวรรค์มาแล้วนับไม่ถ้วน !
เพราะยิ่งฆ่ายอดฝีมือมามากเท่าไหร่ ไอสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายก็จะยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น
หลัวซิวฆ่าคนมาไม่มาก แต่ในแดนนานาอสูร เข้าฆ่าอสุรกายแดนฝึกชี่ไห่และแดนพรสวรรค์ไปแล้วเกือบพัน ซึ่งนี่ทำให้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยไอสังหารเลือด
“นักฆ่ามีนามว่า ซิวหลัว !”
หลัวซิวกวาดสายตาเย็นชาของเขาไปรอบ ๆ และพูดอย่างดุดันว่า : “บอกตระกูลเหลวว่าสักวัน ข้าจะเหยียบสำนักเหลยหวู่ให้จมดิน และตัดหัวของเหลยเว่ยหลงมาให้ได้ !”
เหยียบสำนักเหลยหวู่ให้จมดิน และตัดหัวของเหลยเว่ยหลงมาให้ได้ ?
คำพูดที่น่ากลัวเช่นนี้ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปีเท่านั้น ทำให้ผู้ฝึกตนจำนวนมากที่อยู่ที่นั่น ต่างก็รู้สึกว่า—ไร้สาระ !
นี่เรียกว่าหยิ่งยโสหรือจองหอง ?
เจ้าสำนักเหลยหวู่สูงส่งแค่ไหน ถือครองตำแหน่งราชายุทธ์ในเขตการปกครองโตว้ไห่ เด็กหนุ่มผู้นี้ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย ถึงกล้าพูดจาเย่อหยิ่งเช่นนี้
ขณะที่หลัวซิวเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา แววตาของผู้ฝึกตนจำนวนมากต่างดูซับซ้อนขึ้น
เหลยเว่ยหลงมีอิทธิพลอย่างมากในเขตการปกครองโตว้ไห่ อีกทั้งยังเป็นผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเขตการปกครองโตว้ไห่ และเป็นราชายุทธ์อันดับหนึ่งอีกด้วย !
ส่วนในความคิดของคนส่วนใหญ่ คำพูดที่ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำผู้นี้พูดออกมา ถือว่าเป็นคำพูดที่น่ารังเกียจ และมีหลายต่อหลายคนที่คิดจะฆ่าเขา เพื่อเอาใจสำนักเหลยหวู่
เป็นแค่เด็กหนุ่มอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น ถึงแม้จะมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ใช่ว่าจะเอาชนะจอยุทธ์ใหญ่ได้ ?
ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ไม่ได้มีจอมยุทธ์ใหญ่เพียงแค่สองคนเท่านั้น แต่ยังมีผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับฝึกจิตครึ่งอีกหลายคน !
“ช่างสามหาวและหยิ่งผยองจริง ๆ ถึงแม้ลูกวัวแรกเกิดแต่กลับไม่เกรงกลัวเสือ ถือว่าช่างกล้าหาญอย่างน่าประหลาดใจ แต่อย่างไรเสียก็ถือว่ารนหาที่ตายอยู่ดี !”
จอมยุทธ์ใหญ่ที่ตั้งใจจะช่วยเหลยมู่เหยียนเอาไว้ในตอนต้น ส่งเสียงฟึดฟัดออกมาด้วยความโมโห เขายื่นมือไปหยิบหอกยาวออกมา “ข้า เวินชิวเซิง จะขอดูหน่อยซิว่าความสามารถของเจ้าแน่จริงอย่างเช่นคำพูดของเจ้าหรือไม่”
หลัวซิวหันมองเวินชิวเซิงด้วยสายตาเย็นชา “จะฆ่าข้าเพื่อเอาใจสำนักเหลยหวู่อย่างนั้นหรือ ? เจ้าช่างรนหาที่ตายจริง ๆ !”
เด็กหนุ่มอายุเพียงสิบกว่าปี แต่กลับไปเห็นจอมยุทธ์ใหญ่แดนพรสวรรค์ชั้น 9 อยู่ในสายตา !
ฝูงชนโดยรอบต่างจับจ้องไปที่หลัวซิวเป็นตาเดียวกัน พวกเขาคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเด็กหนุ่มคนนี้หยิ่งยโสและโง่เขลาหรือไม่รู้จักรักตัวกลัวตายกันแน่
เวินชิวเซิงไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะออกมา “ตัวข้าฝึกฝนวิชายุทธ์มากว่าสี่สิบปี แล้วจะมัวโกรธเด็กที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างเจ้าทำไมกัน ?”
จากที่คนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบประเมินดูแล้ว ชายหนุ่มที่เรียกตนเองว่า “ซิวหลัว” ผู้นี้ น่าจะเป็นผู้ฝึกตนแดนพรสวรรค์ขั้น 6 เท่านั้น แต่อาศัยร่างยุทธ์ขั้นสูงในการฆ่าเหลยมู่เหยียนซึ่งอยู่ระดับแดนพรสวรรค์ขั้น 7 แต่หากเปรียบเทียบความสามารถกับจอมยุทธ์ใหญ่แล้ว ถือว่ายังห่างไกลกันมาก เรียกได้ว่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ
“หนุ่มน้อย เจ้าอยากจะตายเช่นไรดีล่ะ ?” เวินชิวเซิงส่งสายตาขี้เล่นออกมา
“อยากฆ่าข้าเพื่อเอาใจสำนักเหลยหวู่ เจ้าจะต้องเสียใจ !” ท่าทีของหลัวซิวเย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ในขณะที่พูดนั้น หลัวซิวก็กวาดสายตามองคนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ “มีใครอยากฆ่าข้าเพื่อเอาใจสำนักเหลยหวู่อีกไหม ? จงออกมาพร้อมกันให้หมด วันนี้ข้าจะรับมือในคราวเดียว”
ทันทีที่ได้ยิน ทุกคนต่างตกตะลึง เด็กหนุ่มคนนี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร ? เขายังกล้าหยิ่งยโสกว่านี้อีกไหม ?
เวินชิวเซิงที่ยืนอยู่ตรงข้ามก็ผงะไปเช่นกัน เด็กหนุ่มชุดคลุมยาวดำคนนี้เสียสติไปแล้วจริง ๆ ท่าทีของเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นจอมยุทธ์แดนพรสวรรค์เหล่านี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย เขาคิดว่าตนเองเป็นใครกัน ? เป็นปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตผู้แข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ ?
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตหลายคนที่กำลังสัมผัสรับรู้ห้วงดาบอยู่ที่เชิงเขาต่างขมวดคิ้วมองมา เป็นแค่จอมยุทธ์แดนพรสวรรค์ขั้น 6 ตัวเล็ก ๆ แต่กลับกล้าหยิ่งยโสเช่นนี้เชียวหรือ ?
จอมยุทธ์แดนพรสวรรค์จำนวนมากยืนล้อมรอบอยู่ โดยมีหลัวซิวยืนตระหง่านอยู่ตรงกลาง
ที่นี่ วันนี้ เขาจะใช้ชื่อ “ซิวหลัว” ประกาศให้โลกรับรู้ว่า เขาจะเหยียบสำนักเหลยหวู่ให้จมดิน และตัดหัวของเจ้าสำนัก เหลยเว่ยหลง มาให้ได้ !
“เจ้าเด็กจองหอง จงตายเสียเถอะ ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนอื่นหรอก แค่ข้าคนเดียวก็สามารถฆ่าเจ้าได้แล้ว !”
ร่างกายของเวินชิวเซิงระเบิดพลังปราณแท้ไฟออกมา ทันทีที่ขยับหอก เปลวไฟก็เผาไหม้อยู่ในอากาศเป็นระลอกคลื่น
หอกพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง คลื่นความร้อนพุ่งสูงขึ้น จอมยุทธ์ใหญ่อยู่ในท่าทีที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง ทำให้ผู้ฝึกตนอยู่ในระดับต่ำกว่าจอมยุทธ์ใหญ่จำนวนไม่น้อยที่อยู่โดยรอบ ต่างรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
ส่วนหลัวซิว ซึ่งอยู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลนี้ ดูราวกับว่าจะถูกเปลวไฟกลืนกินจนกลายเป็นเถ้าถ่านได้ทุกเมื่อ
ทว่าในตอนนี้เอง กลับมีไอสังหารเลือดแผ่ซ่านออกมา ราวกับกระบี่อันคมกริบ ทำลายพลังของจอมยุทธ์ใหญ่เวินชิวเซิงจนแตกสลายไปหมดสิ้น
ฝ่ามือข้างหนึ่งยื่นออกมา เกิดการรวมตัวของเปลวไฟดำ จากนั้นจึงยกมือขึ้นคว้าปลายหอกซึ่งแหลมคมที่สุด
“ร่างยุทธ์ชั้นสูง แดนร่างเนื้อ !”
สายตาของฝูงชนต่างจับจ้องไปที่เดียวกัน ถึงแม้หอกของเวินชิวเซิงจะเป็นของชั้นกลาง แต่หากอาศัยแรงผลักดันจากผลการฝึกตนของจอมยุทธ์ใหญ่ ต่อให้เป็นร่างยุทธ์ชั้นสูง ก็เพียงพอที่จะทำลายแนวป้องกันได้
ถึงแม้ร่างยุทธ์ชั้นสูงจะแข็งแกร่ง แต่เด็กหนุ่มซิวหลัวผู้นี้มีผลการฝึกตนที่ไม่สูง จึงไม่อาจดึงพลังออกมาใช้ได้มากนัก