มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 218 กลับเข้าไปในแดนนานาอสูร

บทที่ 218 กลับเข้าไปในแดนนานาอสูร

 

 

 

 

บทที่ 218 กลับเข้าไปในแดนนานาอสูร

 

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเกรี้ยวกราดออกมา ฐานะของตระกูลเหยียนเมืองกู่เจี้ยนยากจะสั่นคลอน แถมยังติดอยู่ในสิบตระกูลใหญ่ของประเทศเทียนหวู คนตระกูลเหยียนไม่ว่าจะเดินไปที่ใดต่างได้รับการนับหน้าถือตา ทว่าตอนนี้กลับมีเด็กหนุ่มอายุแค่ 15 ปีมากล่าววาจาเหยียดหยามดูถูกตระกูลเหยียน นับว่ามีโทษถึงตาย

ในขณะที่เขากำลังโมโห ชายวัยกลางคนก็ก้าวออกมาแล้วผลึกรวมพลังจิตแท้ที่ปลายนิ้ว แล้วใช้ฝ่ามือผลักไปที่หลัวซิว

“ไสหัวไป!”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มลงมือ ไอสังหารก็แผ่ซ่านออกมาจากร่างหลัวซิว หลัวซิวกำหมัดต่อยออกไป เพลิงมรณะผนึกรวมกลายเป็นเปลวเพลิง ตัวสำนึกปรากฏห้วงยุทธ์กระบี่สังหารราวกับมีดดาบที่ไร้รูปร่างพุ่งตรงเข้าใส่วิญญาณหยั่งรู้ของฝ่ายตรงข้าม

“เอื้อ!”

ชายวัยกลางคนยังไม่ทันจะเข้าไปประชิดหลัวซิว ตัวหยั่งรู้ของเขาก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดจนอดไม่ได้ที่จะร้องเสียงหลงออกมา

ในเวลาเดียวกันนั้น กำปั้นของหลัวซิวก็ได้ต่อยเข้าใส่ฝ่ามือของเขาอย่างแรงจนเกิดเสียงกระดูกแตกร้าว ร่างของชายวัยกลางคนผู้นั้นกระเด็นกลับไป มือด้านขวาของเขาแหลกละเอียดเต็มไปด้วยเลือดแดงฉาน

“แข็งแกร่งจริงๆ จัดการจับตัวมันมาให้ได้!”

เมื่อเห็นหลัวซิวต่อยปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 3 จนได้บาดเจ็บหนักด้วยหมัดเดียว สีหน้าของผู้อาวุโสจึงแปรเปลี่ยนไปและรีบออกคำสั่งทันที

เขาเชื่อมั่นว่าหากสามารถจับตัวปรมาจารย์หนุ่มนักกลั่นยาระดับ 4 คนนี้กลับไปได้ ผู้ใหญ่ระดับสูงของตระกูลเหยียนจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาทำประโยชน์ให้กับตระกูลเหยียน แม้ว่าอีกฝ่ายอาจจะมีบุคคลเบื้องหลังอยู่ แต่สำหรับตระกูลเหยียนแล้ว ขอเพียงคนเบื้องหลังของอีกฝ่ายไม่มีความเกี่ยวพันกับราชวงศ์ ไม่ว่ากลุ่มอำนาจใดๆ พวกเขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจทั้งนั้น

และเป็นเพราะเขามีตระกูลเหยียนหนุนหลังอยู่ ผู้อาวุโสคนนี้จึงกล้าพาพวกไปรุกรานคนอื่นเช่นนี้

จากนั้นชายวัยกลางคนทั้งสองคนจึงบุกเข้าใส่หลัวซิว คนหนึ่งถือกระบี่ ส่วนอีกคนหนึ่งถือมีดดาบเอาไว้

ดาบรบที่อยู่ในมือของชายที่ถือมีดดาบส่องแสงของพลังจิตที่เปล่งประกายสีเหลือง ดาบรบเสียบแหวกอากาศด้วยพลังอันแข็งแกร่ง บรรยากาศอันหนักอึ้งส่งเสียงระเบิดปะทุกังวานทั่ว

สีหน้าของหลัวซิวไม่มีอาการเปลี่ยนแปลง เขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน ก่อนจะเอามือเอื้อมไปข้างหลังเพื่อคว้ากระบี่ยุทธ์

“กระบี่เพลิง!”

กระบี่ยุทธ์พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง แม้แต่ตัวสำนึกยังยากที่จะจับได้ ทุกพื้นที่ที่กระบี่ยุทธ์เคลื่อนผ่าน อากาศจะกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่นบางๆ

เสียงกระบี่ก้องกังวาน ดาบรบในมือชายผู้ถือมีดดาบปะทะเข้ากับกระบี่ยุทธ์ชั้นกลางจนแหลกละเอียด ดาบที่ผนึกรวมเพลิงมรณะมีความยาวถึงสิบจั้ง ห้วงเวลาที่พุ่งเข้าไปปะทะนั้น ร่างของชายผู้ถือมีดดาบก็ระเบิดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นหมอกสีเลือดแดงฉาน

“ไอ้สารเลว ตายซะ!”

เมื่อเห็นปรมาจารย์ฝึกจิตถูกฆ่าตาย ผู้อาวุโสคนนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะสำหรับตระกูลหยางผู้ที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งเช่นนี้ กว่าจะฝึกฝนปรมาจารย์ฝึกจิตสักคนออกมาได้จะต้องสูญเสียทรัพยากรไปมากทีเดียว

การสูญเสียปรมาจารย์ฝึกจิตทุกคน คือความสูญเสียยิ่งใหญ่

หากไม่สามารถจับตัวหนุ่มชุดดำคนนี้กลับมาได้ เขาจะต้องถูกผู้ใหญ่ระดับสูงของตระกูลเหยียนลงโทษอย่างหนักแน่นอน

“รนหาที่ตายเอง” ริมฝีปากของหลัวซิวกระตุกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

พลังแปรเสวียนเทียนหกเท่า

วิชาพลังมังกรแท้!

หลัวซิววาดกระบี่ออกไป ปราณกระบี่รูปมังกรสีดำหมุนวนรอบพลางร้องคำรามออกมา

ชายวัยกลางคนผู้ถือกระบี่พยายามอย่างยิ่งที่จะรับมือ ทว่ากลับโดนเพลิงมรณะดูดกลืน เพียงครู่เดียวก็ถูกเผากลายเป็นขี้เถ้า

เหลือเพียงผู้อาวุโสเท่านั้นที่ฝึกตนค่อนข้างสูง จึงใช้พลังจิตแท้ปกป้องร่าง ทั่วร่างของเขาปรากฏเปลวไฟลุกโชนรับมือกับการแผดเผาของเปลวไฟดำ

แต่กระนั้นอารมณ์ของผู้อาวุโสกลับดำดิ่งถึงขีดสุด เขาพบว่าเปลวไฟสีดำที่อีกฝ่ายใช้พลังจิตแท้ผนึกรวมแข็งแกร่งกว่าพลังจิตแท้ที่ตนผนึกรวมเสียอีก

ตระกูลเหยียนขึ้นชื่อว่าชำนาญในการฝึกฝนวรยุทธ์ธาตุไฟ แต่ยังไม่เคยได้ยินเปลวไฟที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน

ผู้อาวุโสสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า พลังชีวิตภายในร่างกายของตนคล้ายถูกเปลวไฟสีดำที่น่าหวาดหวั่นดูดกลืนอย่างไม่หยุดยั้ง

ร่างกายของเขาถูกเปลวไฟสีดำหมุนพันรอบตัว ต่อให้คิดหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น

“ท่านชาย ทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิด เข้าใจผิดทั้งหมด……” ผู้อาวุโสสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีความสามารถที่จะฆ่าเขาได้ เขาจึงทำได้เพียงเลือกเส้นทางประนีประนอม

หลิวซิวยิ้มหยัน “เมื่อครู่นี้ท่านไม่ได้พูดอย่างนี้นี่”

พอผู้อาวุโสได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็กระสับกระส่าย แล้วหัวเราะแห้งๆ “เป็นตัวข้าเองที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจนทำผิดต่อท่านชาย ขอท่านชายได้โปรดเห็นแก่ว่าข้าเป็นคนของตระกูลเหยียน แล้วโปรดไว้ชีวิตข้าไปสักครั้ง”

“เช่นนั้นผมขอถามท่านสักหน่อย ท่านรู้จักสตรีที่อยู่ในประกาศจับของเมืองกู่เจี้ยนหรือไม่ ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ใด” หลัวซิวเอ่ยถามเสียงเข้ม

หลัวซิวถามเรื่องราวเกี่ยวกับเหยียนเยว่เอ๋อร์จากปากของอีกฝ่าย เพราะขี้เกียจจะเสียเวลาคุยกับเขาอีก

“ท่านชายล้อเล่นแล้ว หากข้ารู้ว่าจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งอยู่ที่ใด ป่านนี้ข้าคงรายงานผู้ใหญ่ขั้นสูงของตระกูลไปแล้ว”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ แววตาของผู้อาวุโสก็เป็นประกาย “หรือว่าท่านชายรู้จักจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่ง”

ในตอนนั้นเอง หลัวซิวก็เริ่มสังเกตเห็นว่าผู้อาวุโสได้หยิบฮู้การส่งข้อความ ออกมาจากแหวนเก็บของ

เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสคนนี้ต้องการที่จะอาศัยตอนที่ตนไม่ทันระวังตัวแล้วแอบส่งข่าวกลับไปยังผู้ใหญ่ระดับสูงของตระกูลเหยียน

ริมฝีปากของหลัวซิวปรากฏรอยยิ้มเย็นยะเยือก เขาเคลื่อนกายไปปรากฏอยู่ตรงหน้าของผู้อาวุโสแล้วแทงกระบี่ยุทธ์ออกไป

ฉึก!

ศีรษะขาดกระเด็น เลือดสดพุ่งกระชูดราวน้ำพุ เพลิงมรณะในรูปมังกรดำเผาร่างของผู้อาวุโสกลายเป็นขี้เถ้าภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ

ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียงครู่เดียว ศพของปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 5 หนึ่งคนและปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น 3 อีกสามคนพลันหายวับไปกับตา

หลัวซิวเอื้อมลงไปเก็บแหวนเก็บของที่ล่วงอยู่บนพื้นทั้งสี่วงขึ้นมา แล้วหยิบหยกอสูรจันทราคู่ออกมาจากอกทันที

หยกอสูรสองอันเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของแดนนานาอสูร แถมยังมีพลังงานที่เฉพาะตัว ไม่สามารถเก็บเอาไว้ในแหวนเก็บของได้

ระหว่างที่กำลังนำพลังจิตแท้ใส่เข้าไปยังหยกอสูร จันทราสีเลือดดวงหนึ่งกับจันทราสีเงินดวงหนึ่งก็ค่อยลอยขึ้น ลำแสงได้ปรากฏออกมาจากแท่นบูชาที่ผุพังหลังนั้น

หลัวซิวก้าวเท้าเข้าไปในลำแสงนั้นแล้วยื่นมือเข้าไปเอาหยกอสูรออกมา ทันใดนั้นเองร่างของเขาก็หายไปในทันที แท่นบูชาที่เปล่งลำแสงออกมาก็ค่อยๆ หายไปช้าๆ ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง

กลางเชิงเขาเหลือเพียงพลังจิตแท้กระเพื่อมไหวอยู่กลางอากาศอยู่เป็นเวลานานอยากจะเลือนหายไป

พื้นที่และเวลาที่อยู่ตรงหน้าแปรเปลี่ยนไปเหลือเพียงความว่างเปล่า

เมื่อปรับสายตาเป็นปกติได้แล้ว หลัวซิวก็ได้เข้ามาอยู่ในป่ากลางเขตแดนที่ 1 ในแดนนานาอสูรแล้ว

กระแสสัมผัสพลังชีวิตและตัวสำนึกแผ่กระจายออกมา พลังของอสูรระดับชี่ไห่ตัวหนึ่งก็เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นมา

ก่อนที่จะเข้าไปในแดนปริศนา หลัวซิวตั้งใจที่จะมาฝึกฝนที่นี่ เขาเฝ้ารอว่าหากครบสิบเดือนแล้ว พลังของเขาจะพัฒนาขึ้นไปถึงแดนไหน

เขาลอยตัวขึ้น แล้วมุ่งหน้าไปยังค่ายวาร์ปเพื่อไปยังแท่นบูชาในเขตที่ 2 จุดมุ่งหมายของเขาก็คือเขตที่ 3 ที่มีอสูรระดับฝึกจิต อาศัยอยู่

 

########################
 

 

 

 

 

 

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท