บทที่ 226 ผู้อาวุโสตระกูลสวี
เห็นสีหน้าตกตะลึงของหลัวซิวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าผู้อาวุโสในชุดคลุมสีเขียวอย่างสวีจิงเหนียน ฉายแววได้ใจ
“คิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสจะเป็นบรรพบุรุษของตระกูลสวี” หลัวซิวสูดหายใจลึก แล้วพูดเสียงทุ้มว่า “ผมว่าจุดตันเถียนของผู้อาวุโสน่าจะได้รับความเสียหาย จำเป็นต้องใช้ยาเสวียนจือมาฟื้นฟูจุดตันเถียนใช่ไหม”
“ยาเสวียนจือเป็นยาระดับ6 ท่านนั้นที่เป็นราชวงศ์ตูเฉิงน่าจะกลั่นยาออกมาได้ ทำไมผู้อาวุโสถึงมาหาผมล่ะ” หลัวซิวถามอย่างสงสัย
“นายมองอาการบาดเจ็บของฉันออกด้วยเหรอ” สวีจิงเหนียนหรี่ดวงตาชราลง มองหลัวซิวอย่างแปลกใจและตกใจ
หลัวซิวไม่ได้ปฏิเสธ เขายิ้มแล้วพยักหน้า “นักกลั่นยาก็ถือว่าเป็นหมอ ผู้น้อยอย่างผมมีวิธีพิเศษอยู่บ้าง ดังนั้นจึงมองออกว่าอาการของผู้อาวุโส คือจุดตันเถียนได้รับความเสียหาย”
จุดตันเถียน ตัวหยั่งรู้ เป็นจุดสำคัญที่สุดของนักยุทธ์ ไม่ว่าผลการฝึกตนของคุณจะสะเทือนฟ้าดินขนาดไหน แต่ถ้าสองจุดนี้ได้รับความเสียหาย ก็ยากที่จะฟื้นฟูกลับมา ถึงขนาดที่ทำให้ผลการฝึกตนตกต่ำลง อายุขัยลดลงไปมาก
เหยียนเยว่เอ๋อร์เป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ เพราะตัวหยั่งรู้ได้รับความเสียหาย เทพจิตได้รับบาดเจ็บ ผลการฝึกตนจึงลดลงไปอยู่แดนฝึกจิต
แต่ผู้อาวุโสตระกูลสวีที่อยู่ตรงหน้า จุดตันเถียนยังได้รับความเสียหาย ต้องใช้พลังจิตแท้ในร่างกาย มาระงับอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถใช้งานได้ อย่างมากก็ใช้พละกำลังได้แค่ระดับฝึกจิต
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของสวีจิงเหนียนผ่อนคลายลง และยิ้มอย่างขมขื่นทันที จากนั้นจึงพูดว่า “ในสิบตระกูลใหญ่ รวมตระกูลสวีของเราไปในเก้าตระกูลใหญ่ ไม่ถูกคอกับราชวงศ์ตระกูลฝาน ราชวงศ์ตระกูลฝานมีความทะเยอะทะยานมาก หาโอกาสกลืนกินเก้าตระกูลใหญ่ ตระกูลอื่นๆ มาโดยตลอด”
“ถ้าฉันบอกนายว่าอาการบาดเจ็บของฉัน เป็นฝีมือของปรมาจารย์กลั่นยาระดับ6 คนนั้นล่ะ นายก็จะรู้ว่าทำไมฉันไม่ไปให้เขากลั่นยาให้”
“เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน ฉันเคยช่วยชีวิตโอวโหเหลียง ได้ยินจากเขาว่ามีอาจารย์ลึกลับอยู่เบื้องหลังนาย ฝีมือการกลั่นยาไม่น่าจะด้อยไปกว่าคนในราชวงศ์นั้น”
“ผู้อาวุโสจะให้อาจารย์ของผมกลั่นยาให้เหรอ” หลัวซิวเอ่ยขึ้น
“ถูกต้อง”
“เรื่องนี้ผู้น้อยอย่างผม ตัดสินใจอะไรไม่ได้ อีกทั้งอาจารย์ยังเก็บตัวลึกลับอยู่หลายปี ไม่ออกโรงง่ายๆ หรอก……” หลัวซิวส่ายหน้า แล้วเอ่ยขึ้น
สวีจิงเหนียนอยู่มาพันกว่าปี จะฟังความหมายจากคำพูดของหลัวซิว ไม่ออกได้อย่างไรกัน
เขายิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ขอแค่เสี่ยวโหย่วยอมส่งข่าว ถ้าทำให้อาจารย์ออกโรงได้ ฉันไม่เพียงแต่จะให้วัตถุดิบสิบชุด แถมยังสัญญาว่าจะติดหนี้น้ำใจของเสี่ยวโหย่วด้วย ถ้าผลการฝึกตนของฉัน ฟื้นฟูถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์ มูลค่าของน้ำใจนี้ เสี่ยวโหย่วน่าจะรู้ดีนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลัวซิวเริ่มเปลี่ยนความคิด ไม่ต้องพูดว่าวัตถุดิบในการกลั่นยาระดับ6 มีมูลค่าสูงขนาดไหน น้ำใจของอาวุโสผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ เพียงพอที่จะทำให้เขามีอำนาจในประเทศเทียนหวู
“ได้ เรื่องนี้ผู้น้อยจะแจ้งให้อาจารย์ทราบ ผู้อาวุโสมีความจริงใจขนาดนี้ ผมว่าอาจารย์น่าจะยอมช่วยนะ” หลัวซิวพยักหน้า ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินดังนั้น สวีจิงเหนียนรู้ว่าเรื่องนี้น่าจะมีความเป็นไปได้สูงมาก ใจที่กระวนกระวาย ก็วางใจลงสักที รอยยิ้มโล่งใจ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าชรา
“ฉันขอไปเตรียมยาวิเศษก่อน น่าจะต้องใช้เวลาสามวัน จะรอข่าวดีจากเสี่ยวโหย่วนะ”
หลังจาก สวีจิงเหนียนบอกลาและออกมา ในห้องเหลือเพียงหลัวซิวคนเดียว
ตั้งแต่เริ่มแรก อาจารย์ลึกลับอะไรที่ว่า เป็นแค่เรื่องที่สมมุติขึ้น มีเพียงหลัวซิวเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
ยาเสวียนจือเป็นยารักษาจุดตันเถียนที่เสียหาย เป็นยาอันดับต้นๆ ในยาระดับ6 และล้ำค่าเป็นอย่างมาก
จากผลการฝึกตนแดนฝึกจิตขั้น5 ของเขาในตอนนี้ เพียงพอที่จะกลั่นยาระดับ5 แต่ถ้าไปกลั่นยาระดับ6 ชั้นยอด ยังห่างชั้นอยู่ไม่น้อย
“จะรับงานนี้ดีหรือเปล่านะ” ในห้องหนังสือ หลัวซิวขมวดคิ้วขึ้น ครุ่นคิดถึงผลได้ผลเสียในเรื่องนี้
“นายกลั่นยาเป็นเหรอ” หลงหมิงปรากฏตัวแบบเลือนลาง บนไหล่ของหลัวซิว แววตาเต็มไปด้วยความตกใจและแปลกใจ
“ทำไม นายมีปัญหาเหรอ” หลัวซิวปรายตามองมัน
“ถ้าฉันจำไม่ผิด จำได้ว่านายบอกว่าตัวเองอายุเพียง 15 ปี ภายใต้พลังฟ้าดินจิตที่บอบบางขนาดนี้ นายฝึกตนถึงแดนฝึกจิต ก็นับว่าสุดยอดมากแล้ว นายยังเป็นนักกลั่นยาระดับ4 ด้วยเหรอ”
ในสมัยโบราณ หลงหมิงเคยเจอคนมีความสามารถมาหลากหลาย แต่มองแววตาของหลัวซิวในตอนนี้ มันช่างต่างกันมาก
ในสมัยโบราณ คนประหลาดที่ฝึกตนเร็วกว่าหลัวซิวมีอยู่ไม่น้อย แต่การกลั่นยาไม่ได้ต้องการแค่พรสวรรค์เท่านั้น ต้องรู้จักวิเคราะห์และมีความเข้าใจด้วย อีกทั้งยังต้องสะสมประสบการณ์มากๆ ด้วย
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของหลงหมิง หลัวซิวอดยกยิ้มมุมปากอย่างยียวนไม่ได้ แต่ไหนแต่ไรมา มังกรไร้ร่างตัวนี้ คิดว่าตัวเองเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีชีวิตอยู่ตั้งแต่โบราณ เอือมระอากับทุกสิ่งในปัจจุบัน ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตัวเองสามารถทำให้เขาตกตะลึงได้ ในใจของหลัวซิวก็พอใจมากแล้ว
เวลาสามวันดำเนินไปอย่างรวดเร็ว สวีจิงเหนียนมาที่แก๊งนักกลั่นยาอีกครั้ง
เรื่องบาดเจ็บของเขาเป็นความลับ มีเพียงน้อยคนที่รู้ แม้กระทั่งโอวโหเหลียงก็ยังไม่รู้ ว่าเขาเป็นผู้อาวุโสตระกูลสวี และไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการคือยาเสวียนจือฟื้นฟูจุดตันเถียน
ดังนั้นเขาจึงต้องทำเรื่องขอยาด้วยตัวเอง
ในห้องหนังสือ สวีจิงเหนียนเอาแหวนเก็บของมาวางไว้บนโต๊ะ จากทรัพย์สินเป็นร้อยปีของตระกูลสวี เอายาวิเศษ ที่ใช้กลั่นยาระดับ6 จำนวนสิบชุด ใช้ทรัพย์สินเกือบครึ่งของตระกูล
“ยาวิเศษที่ใช้กลั่นยาเสวียนจือมีเพียง 5 ชุด ส่วนที่เหลืออีก 5 ชุด เป็นยาวิเศษระดับ6 ที่มีมูลค่าเหมือนกันมาแทน เสี่ยวโหย่วลองดูได้”
สวีจิงเหนียนยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น ในใจก็เป็นกังวลมาก เพราะอาการบาดเจ็บของเขาจะหายหรือไม่ ไม่เพียงแต่จะเกี่ยวข้องกับชีวิตของตระกูลตัวเอง แต่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของทั้งตระกูลสวี
หลัวซิวพยักหน้า ใช้ตัวสำนึกส่องเข้าไปในแหวนเก็บของ เห็นยาวิเศษกองอยู่ในช่องว่างแคบๆ เป็นร้อย
แต่ละอันเป็นยาวิเศษระดับ6 และเป็นชนิดที่หายากอีกด้วย
หลังแน่ใจว่ายาวิเศษไม่มีข้อผิดพลาด หลัวซิวเอ่ยปากพูดว่า “อาจารย์ตกลงว่าจะช่วยผู้อาวุโสกลั่นยาเสวียนจือ แต่มีเรื่องหนึ่ง ต้องบอกผู้อาวุโสเอาไว้ก่อน”
เมื่อได้ยินประโยคครึ่งแรก สีหน้าของสวีจิงเหนียนดูดีใจ แต่ต่อมาจู่ๆ ก็ทำให้เขาเป็นกังวล
“เสี่ยวโหย่วพูดมาเลย” สวีจิงเหนียนสูดหายใจลึก เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันใดๆ
“คืออย่างนี้ครับ เพราะอาจารย์ไม่ชอบเจอคนนอก ดังนั้นหลังจากกลั่นยาเสร็จ ผู้น้อยอย่างผมจะเป็นคนนำมาให้ผู้อาวุโส แต่ยังมีเวลาประมาณหนึ่งเดือน ผมต้องไปแดนปริศนา ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสรอให้ผมออกมาได้ไหม แล้วค่อยมอบยาให้ผู้อาวุโส” หลัวซิวเอ่ยขึ้น
นี่เป็นคำพูดที่เขาเตรียมเอาไว้ หลังจากครุ่นคิด เพราะตอนนี้เขายังไม่มีความสามารถในการกลั่นยาเสวียนจือ แต่ถ้าออกมาจากแดนปริศนา ก็ใช้ว่าจะไม่มีความสามารถในการกลั่นยาระดับ6
เพราะเขาไม่ได้ขาดความสามารถในการกลั่นยา แต่เพราะผลการฝึกตนของตัวเองต่ำเกินไป
########################