บทที่ 227 จู่โจมวิญญาณ
สวีจิงเหนียนขมวดคิ้วเบาๆ เขาอยากได้ยาเสวียนจือมาก ไม่อยากรอสักนิด
แต่เขารู้ดีว่าโควต้าจำนวนคนของแดนปริศนา ยากมากที่จะได้มา จะให้หลัวซิวละทิ้ง คงเป็นไปไม่ได้
“ราชวงศ์ตระกูลฝานสงสัยแล้วว่าฉันบาดเจ็บ ถ้าจะลงมือกับตระกูลสวี ต้องทำหลังจากแดนปริศนาเปิดแน่นอน อาจารย์ของหลัวซิว เป็นโอกาสเดียวของฉัน คงทำได้เพียงเดิมพันแล้วล่ะ”
สวีจิงเหนียนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าพูดว่า “งั้นฉันจะรอผู้น้อยออกมาจากแดนปริศนา”
“อย่างนี้ดีมากเลย!” หลัวซิวยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
ยาวิเศษในแหวนเก็บของ หลัวซิวเอายาวิเศษ 5 ชุด ที่ใช้กลั่นยาเสวียนจือมาก่อน ส่วนค่าตอบแทนของยาวิเศษที่เหลือ รอส่งยาวิเศษให้อีกฝ่ายก่อน ถึงจะได้
ใช่ว่าสวีจิงเหนียนจะไม่เคยคิดว่าหลัวซิวจะเอายาวิเศษไป เมื่อถึงตอนนั้นถ้ากลั่นยาเสวียนจือไม่ได้ จะทำยังไง แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกแล้ว ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับอาจารย์ผู้ลึกลับของเขา
วันต่อมา หลัวซิวออกจากเมืองซานหยวน เข้าสู่แดนเขตการปกครองหวู่เฟิง จากนั้นใช้ค่ายวาร์ป มายังแถบชายแดนเขาจิ่วเฟิง
แค่ผ่านเขาจิ่วเฟิงไป ก็จะเขาสู่เขตการปกครองหยุนหลง ถ้าจะถึงตูเฉิงของประเทศเทียนหวู ต้องใช้เวลาประมาณ 20 วัน
หลังสามวัน หลัวซิวมาถึงเมืองต้าโจวที่เขตการปกครองหวู่เฟิงเขาจะออกเดินทางจากที่นี่ ผ่านไปยังเขาจิ่วเฟิง
แต่เมื่อเขาเพิ่งออกจากเมือง เขารู้สึกว่าตัวเองโดนจับตามอง
นี่ทำให้เขารู้สึกสงสัยมาก ถ้าว่ากันตามเหตุผล ไม่ควรมีใครจับตามองเขาอย่างไร้เหตุผล
ตอนนั้นเขาอยู่ในเขตการปกครองหวู่เฟิงไม่นาน ตอนแรกฆ่าปรมาจารย์ฝึกจิต ที่มีเจตนาจะชิงศพของหมีเดือดสามตา ต่อมาทำลายเรื่องของตระกูลจู ฆ่าผู้อาวุโสสองคนของสำนักเฉินเฟิง
หลัวซิวสงสัยว่าคนที่สะกดรอยตามตัวเอง ต้องเกี่ยวข้องกับสองเรื่องนี้อย่างแน่นอน
หลังผ่านไปสองชั่วยาม หลัวซิวเข้ามาในป่าที่เขาจิ่วเฟิง คนที่สะกดรอยตามข้างหลังเขา เร่งความเร็วขึ้นมาขวางทางเขา
ตรงหน้าปรากฏเป็นชายวัยกลางคนชุดคลุมยาวแดง ใบหน้ามีส่วนคล้ายกับหลี่หงเหวินที่เขาฆ่า
หลัวซิวจำได้ว่าตอนที่หลี่หงเหวินตาย เคยบอกว่าพี่ใหญ่ของเขาจะแก้แค้นให้ เห็นได้ชัดว่า ชายชุดคลุมยาวแดงน่าจะเป็นพี่ใหญ่ของเขา
แต่สิ่งที่ทำให้หลัวซิวคิดไม่ถึง เครื่องหมายตัวสำนึกของอีกฝ่าย โดนเขากำจัดไปแล้ว เขารู้ได้ยังไงว่าตัวเองคือคนที่ฆ่าหลี่หงเหวิน
“นายคือคนฆ่าน้องชายใช่ไหม” ชายชุดคลุมยาวแดง จ้องหลัวซิวด้วยสีหน้าอาฆาต
“นายเป็นใคร” หลัวซิวขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น
“ไอ้หนุ่มอย่ามาทำเป็นไม่รู้ ตอนนายฆ่าหลี่หงเหวินน้องชายฉัน รูปลักษณ์ของนาย ฉันรู้ได้จากเครื่องหมายตัวสำนึก”
ชายชุดคลุมยาวแดงแผดเสียงดุดัน “กล้าฆ่าน้องชายของหลี่หงเทียน ฉันจะถลกหนังของนายก่อน ให้นายได้สัมผัสกับมดกินคน เจ็บปวดแบบตายดีกว่าอยู่!”
ขณะพูด หลี่หงเทียนชักดาบรบออกมา แหวกเป็นเงาสีขาว รู้สึกถึงความแหลมคมอันน่ากลัว
เมื่ออีกฝ่ายลงมือ หลัวซิวรับรู้ได้ว่า ผลการฝึกตนของหลี่หงเทียน อยู่ในฝึกจิตขั้น5 ฝึกตนพลังจิตแท้ที่เกี่ยวกับทอง พลังการโจมตีรุนแรงมาก
แสงมีดสีขาวกีดขวางในอากาศ ทำให้หลัวซิวรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเอง โดนผูกมัด ทำให้ขยับตัวได้ยาก
ทำลายมันให้ฉัน!
หลัวซิวแผดเสียงต่ำ เพลิงมรณะระเบิดออกจากตัว เปลวไฟดำที่แฝงไปด้วยความตาย ทำให้หลงหมิงที่เกาะบนไหล่ของเขา ถึงกับสะดุ้งโหยง และรีบบินหนีไป
“พลังจิตแท้ของไอ้หมอนี่ มีพลังแห่งความตายแฝงอยู่ อย่าบอกนะว่าได้รับการถ่ายทอดจากวิหารแห่งความตาย” หลงหมิงเคยสัมผัสกับความเจ็บปวดของเปลวไฟดำที่แผดเผา ทุกครั้งที่นึกถึง ก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
ตอนเปลวไฟดำพลุ่งพล่านออกมา หลัวซิวหลุดออกจากพันธนาการของอีกฝ่าย เขาหายตัวหลบไปด้านข้าง
ตู้ม!…..
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมา แสงดาบทำให้พื้นระเบิดจนเป็นรูที่ไม่รู้ว่าลึกขนาดไหน พลังจิตแท้Attrทองอันดุดัน ถาโถมไปทั่วทุกทิศ จนทำให้กิ่งไม้ใบหญ้าแตกกระจาย
เท้าของหลัวซิวตามลมล่าจันทรา เหมือนร่างกายของเขากลายเป็นสายลม กระบี่ยุทธ์ดินด้านหลัง ถูกดึงออกจากฝัก พร้อมพลานุภาพอันน่ากลัว พุ่งไปยังหลี่หงเทียน
“ชิ้ง!”
ดาบและกระบี่ปะทะกัน พลานุภาพอันดุร้าย ทำให้ร่างกายของหลี่หงเทียนสั่นสะเทือน และลอยถอยหลังออกไป
“พละกำลังอันแข็งแกร่ง นายเป็นนักยุทธ์กลั่นร่างหรอ” สีหน้าของหลี่หงเทียนตกตะลึง
ร่างกายนักยุทธ์กลั่นร่างแข็งแกร่งมาก พละกำลังแข็งแกร่งกว่านักยุทธ์ทั่วไป ที่อยู่ในแดนเดียวกัน
เขาจำได้ว่าตอนแรกเครื่องหมายตัวสำนึกของตัวเอง สัมผัสได้ถึงผลการฝึกตนของฆาตกร ไม่มีทางเกินฝึกจิตขั้น3 นี่เวลาเพิ่งผ่านไปแค่ครึ่งปีเท่านั้น อีกฝ่ายไปถึงขั้นฝึกจิตขั้น5 แล้ว อีกทั้งพละกำลังยังแข็งแกร่งกว่าเขามาก
หลังผ่านการตกใจ หลี่หงเทียนรีบตั้งสติ ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำคนนี้ สุดยอดมากจริงๆ แต่เขาเชื่อว่าผลการฝึกตนของตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่ายสามขั้น เขาต้องล้างแค้นให้น้องชายได้แน่นอน
“ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ”
ประกายไฟกระจายไปทั่ว ทุกครั้งที่ดาบกับกระบี่ปะทะกัน หลี่หงเทียนโดนแรงสั่นสะเทือน จนเลือดลมตีขึ้น ทรมานจนไม่สามารถอธิบายได้
ระหว่างนั้น เขาคว้าโอกาสได้ ในแววตามีอัสนีโลหิตเคลื่อนไหวอยู่
ขณะเดียวกัน หลัวซิวสัมผัสได้ถึงอัสนีโลหิตที่โถมเข้ามา จู่โจมมายังวิญญาณหยั่งรู้ของตัวเอง
“จู่โจมวิญญาณงั้นเหรอ”
สีหน้าของหลัวซิวดูแปลกประหลาด เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่หงเทียนจะรู้จักวิชาลับแบบนี้ เพราะคนฝึกวิชาวิญญาณมีน้อยมาก วิชาลับจู่โจมวิญญาณหาได้ยากมาก โดยทั่วไปผู้มีอำนาจอันดับต้นๆ ถือว่าเป็นความลับที่มิอาจถ่ายทอด
“ตายซะเถอะไอ้หนุ่ม!”
หลี่หงเทียนแผดเสียงออกมาอย่างดุดัน จู่โจมวิญญาณเป็นไพ่ใบสุดท้ายของเขา ที่ทำให้ชนะทุกครั้ง
เพราะการใช้จู่โจมวิญญาณในการต่อสู้ จะทำให้อีกฝ่ายคาดไม่ถึง ตอนนั้นเขาใช้วิธีนี้ ฆ่าปรมาจารย์โลกยุทธ์ แดนฝึกจิตขั้น9
ท่าทีเหม่อลอยเล็กน้อยของหลัวซิว อยู่ในสายตาของหลี่หงเทียน ทำให้เขาคิดว่าอีกฝ่ายโดนจู่โจมวิญญาณ และทำให้สติหายไปชั่วคราว
หลี่หงเทียนมีสีหน้าดีใจ แค่อีกฝ่ายสติหายไปชั่วคราว ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาฆ่าไอ้หมอนี่แล้ว
ขณะที่เขากำลังง้างดาบ เตรียมจะตัดสินคู่ต่อสู้ กระบี่อันแหลมคมอาฆาต ทะลุเข้ามาในตัวหยั่งรู้ของตัวเอง
“อ๊าก!……”
ตัวหยังรู้โดนแทงจนเจ็บปวด เหมือนวิญญาณจะขาดกระจาย หลี่หงเทียนร้องโอดครวญ ในใจเต็มไปด้วยความหวาดผวา
เขาก็รู้การจู่โจมวิญญาณเหรอ
หลี่หงเทียนไม่คิดไม่ฝันว่าอีกฝ่ายก็ใช้วิธีจู่โจมวิญญาณเหมือนกัน อีกทั้งยังเก่งกว่าเขามาก
อีกทั้งเขายังรับรู้ได้ถึงพลังของการจู่โจมวิญญาณ ที่ดุดันในห้วงกระบี่ของอีกฝ่าย สิ่งที่เรียกว่าห้วงยุทธ์ ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์จำนวนมาก ไม่สามารถเข้าใจได้ ชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำคนนี้เป็นใครกันแน่
หลี่หงเทียนอยากหนี แต่ความเจ็บปวดของวิญญาณ ทำให้ร่างกายของเขาไม่สามารถควบคุมได้ชั่วคราว เขาหวังแค่ว่าตัวเองจะไม่โดนฆ่าตาย บางทีอาจมีโอกาสรอดก็ได้
พรวด!
########################