บทที่ 257 ร่วมมือกัน
เห็นหลัวซิวฆ่าช่าวชูเจิ้งฉีด้วยหมัดเดียว เซี่ยหย่งกับสวีเสว่เดินเข้ามาขอบคุณ “ขอบคุณศิษย์พี่หลัว ถ้าพี่ไม่ช่วย ผมกับเสว่เอ๋อร์คง……”
หลัวซิวสังเกตเห็นว่าทั้งสองสนิทสนมกัน จึงอดเลิกคิ้วขึ้นไม่ได้ “นายกับสวีเสว่……”
เมื่อเห็นหลัวซิวอมยิ้ม เซี่ยหย่งกระอักกระอ่วน สวีเสว่หน้าแดงก่ำ
ก่อนเข้ามาในแดนปริศนา ทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์กันสักเท่าไร เรียกได้ว่าผิวเผินเท่านั้น แต่หลังจากที่เข้ามาแดนปริศนา ทั้งสองบังเอิญเจอกัน จากนั้นก็ผ่านความยากลำบาก ถึงขั้นเป็นตายมาด้วยกันหลายครั้ง ดังนั้นจึงทำให้ตัดสินใจใช้ชีวิตด้วยกัน
“งั้นคงต้องยินดีกับพวกนายแล้วล่ะ”
เส้นทางนักยุทธ์ ทั้งโดดเดี่ยวและเหงา การที่ได้มีคนงามอยู่ข้างกาย ชีวิตก็ไม่เหงาอีกแล้ว
หลัวซิวกวาดตามองไปรอบๆ เขาพบว่าหลังจากฆ่าช่าวชูเจิ้งฉีด้วยหมัด ที่แท้คนที่อาศัยช่าวชูเจิ้งฉีเป็นผู้นำ ทั้งสี่คน หนีไปแล้ว เขาสังเกตเห็นแล้ว แต่ไม่ได้ลงมือฆ่าคนพวกนั้น
สำหรับฉางเทียนโซว่กับหลี่น่า ทั้งสองถอยไปไกล สีหน้าดูไม่ปกติ
“ทำไมไอ้หมอนี่ถึงฝึกตนได้รวดเร็วขนาดนี้” สีหน้าของฉางเทียนโซว่ ไม่สู้ดีเป็นอย่างมาก รู้สึกเสียใจตอนที่อยู่หน้าประตูวิทยาลัยพระวงศ์ในตอนนั้น ทำไมถึงไม่เผชิญกับคนตำหนักจื่อ เคียงข้างหลัวซิว เหมือนกับปี้เซียนเสว่
นี่เพิ่งเข้ามาในแดนปริศนาเพียงระยะเวลาสั้นๆ แค่เดือนกว่า หลัวซิวก็ยกระดับจากฝึกจิตขั้น5 เป็นขั้น7 ปี้เซียนเสว่ก็ยกระดับจากฝึกจิตขั้น4 เป็น ขั้น6 เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องได้แหล่งสมบัติจำนวนมาก ผลการฝึกตนจึงยกระดับได้เร็วเช่นนี้
ถ้าเขากับหลี่น่าไปด้วยกันกับพวกเขา ต้องได้สิ่งที่ทำให้พละกำลังผลการฝึกตน แข็งแกร่งขึ้นแน่นอน
สีหน้าของหลี่น่าก็เสียใจเช่นกัน พลาดโอกาสไป เพียงเพราะก้าวถอยหลังเพียงครึ่งก้าวในตอนนั้น
ทักทายเซี่ยหย่งกับสวีเสว่สองประโยค สายตาของหลัวซิว เห็นกลุ่มคนของตำหนักจื่อที่อยู่ไม่ไกล
คนเป็นหัวหน้า คือถาวโจว่จวิ้น เจ้าสำนักน้อยตำหนักจื่อ ข้างๆ เขามีปรมาจารย์ฝึกจิตขั้น9 สองคน ผู้อาวุโสเคราขาว ที่เก็บซ่อนลมปราณ ด้านหลังยังมีชายหนุ่มฝึกจิตขั้น 5 ขั้น 6 สิบกว่าคน
หลัวซิวยังเห็นชิวลั่วสุ่ยยืนอยู่อีกด้าน แต่นางสนองพระโอษฐ์ของถาวโจว่จวิ้นไม่ได้อยู่ที่นี่
เห็นได้ชัดว่า ระยะเวลาเดือนกว่า ที่มาค้นหาลึกในแดนปริศนา คนตำหนักจื่อที่เข้ามา 20 คน สูญเสียไปสองสามคน นางสนองพระโอษฐ์ทั้งสองคน มีพละกำลังผลการฝึกตนอ่อนแอที่สุด น่าจะตายไปโดยเสียเปล่า
รอบประเทศเทียนหวู มีอำนาจใหญ่สามอำนาจ ที่ยิ่งใหญ่กว่าราชวงศ์ตระกูลฝาน และอำนาจใหญ่สามอำนาจนี้ ล้วนมีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์ดำรงตำแหน่ง
ตำหนักจื่อก็เป็นหนึ่งในนั้น ส่วนอีกสอง คือสำนักเสวียนหยางและสำนักฉางเหอ
ทุกครั้งที่แดนปริศนาในประเทศเทียนหวูเปิด อำนาจทั่วไปไม่สามารถก้าวก่าย แต่สามอำนาจใหญ่นี้ กลับส่งอัจฉริยะและยอดฝีมือมามากมาย และครอบครองจำนวนรายชื่อเยอะกว่าราชวงศ์ตระกูลฝานด้วย
ว่ากันว่า ความสัมพันธ์ของราชวงศ์ตระกูลฝานกับสำนักเสวียนหยางดีมาก จึงทำให้ครอบครองขอบเขตอย่างกว้างขวาง ครอบครองแดนปริศนาโบราณ และไม่โดนอำนาจอื่นคิดอยากครอบครอง
นอกจากคนตำหนักจื่อพวกนั้น หลัวซิวสัมผัสได้ถึงลมปราณแข็งแกร่ง เป็นยอดฝีมือของสำนักเสวียนหยางและสำนักฉางเหอ
ตอนนี้ตัวสำนึกของหลัวซิว ทัดเทียมได้กับราชายุทธ์ ไม่ว่าใครที่ผลการฝึกตนต่ำกว่าราชายุทธ์ ล้วนอยู่ในสายตาเขาทั้งหมด
สำหรับถาวโจว่จวิ้นแห่งตำหนักจื่อ หลัวซิวมีความคิดจะฆ่าตั้งนานแล้ว แต่คนที่นี่เยอะเกินไป เขาลงมือไม่สะดวก
ขณะเดียวกัน หลัวซิวสังเกตเห็นตำหนักจื่อ สำนักเสวียนหยางและสำนักฉางเหอ สามอำนาจใหญ่ กำลังดึงยอดฝีมือของฝ่ายต่างๆ มาเป็นพวก อำนาจฝ่ายต่างๆ ในเมืองเทียนหวู ราชวงศ์ตระกูลฝาน มีเก้าคนที่ตายคามือหลัวซิว ส่วนอีกคนโดนฆ่า ตอนที่แย่งชิงสมบัติ ไม่มีคนของราชวงศ์ตระกูลฝาน ตระกูลอื่นมีกำลังสนับสนุนไม่พอ แน่นอนว่าก็ต้องแตกความสามัคคี
ข้างหน้าไม่ไกล มีค่ายกลขั้น5 สิบกว่าค่ายกล ที่มีสมบัติซ่อนอยู่ อยากได้สมบัติในนั้น จำเป็นต้องทำลายค่ายกล ดังนั้นแทบจะทุกคน ที่เข้าร่วมกับพวกสามอำนาจใหญ่
“นายคือหลัวซิว อัจฉริยะที่มีฉายาว่าหาเจอได้ยากในรอบหลายปีเหรอ ฉันคือหยวนหงแห่งสำนักเสวียนหยาง อยากเชิญนายเข้าร่วมกับเรา ทำลายค่ายกลที่มีสมบัติอยู่ในนั้นด้วยกัน”
ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาหน้าหลัวซิว พูดด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ
หลัวซิวเห็นค่ายกลขั้น5 พวกนั้นตั้งนานแล้ว ในนั้นมีสองค่ายกลที่โดนทำลายแล้ว ของในนั้นโดนชิงไปจนหมด สวีเสว่ชิงยาทิพย์ระดับ6มาได้ต้นหนึ่ง จึงทำให้ช่าวชูเจิ้งฉีเกิดความโลภ
ยาทิพย์ระดับ6 ต้นหนึ่ง ถึงจะล้ำค่า แต่สมบัติในแดนปริศนามีมากมาย บวกกับความน่าตกใจที่หลัวซิวลงมือเมื่อกี้ ไม่มีใครกล้าคิดอะไรกับเขาอีก
หยวนหงศิษย์สำนักเสวียนหยาง สนใจพละกำลังของหลัวซิว จึงเข้ามาดึงไปเป็นพวก
“ขอบคุณความหวังดีของศิษย์พี่หยวน ให้ฉันทำลายค่ายกลเอาสมบัติ กับพวกนายได้ แต่หลังจากทำลายค่ายกล ฉันจะเลือกของก่อน” หลัวซิวพูดตามนั้น
เมื่อได้ยินดังนั้น หยวนหงขมวดคิ้วทันที “ทุกคนร่วมใจกันทำลายค่ายกล ศิษย์พี่หลัวจะเลือกก่อน กลัวว่าถึงฉันยอม แต่คนอื่นคงจะไม่ยอม”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเชิญศิษย์พี่หยวนกลับไปเถอะ” หลัวซิวพูดอย่างไม่ใส่ใจสักนิด
เหตุที่เสนอความต้องการนี้ ความจริงหลัวซิวมีเหตุผลและความมั่นใจของตัวเอง ตอนนี้ตัวสำนึกของเขาถึงระดับราชายุทธ์ สามารถวางค่ายกลขั้น5 ได้แล้ว อีกทั้งจากความเข้าใจความลึกลับสองระดับความเป็นตาย จากผังกฎดั้งเดิมภาพที่สอง ค่ายกลขั้น5 ที่เขาวางจะประณีตกว่า อีกทั้งพลานุภาพยิ่งใหญ่ด้วย
อีกทั้งเขายังมีมังกรไร้ร่างในสมัยโบราณ ที่มีพลังควบคุมเวลาที่มาตั้งแต่เกิด ไม่ต้องสนใจวิชาห้ามค่ายกลจำนวนมาก สามารถผ่านไปได้อย่างไร้อุปสรรค
จากนั้นคนของสำนักฉางเหอก็มาดึงหลัวซิวไปเป็นพวกเช่นกัน หลังได้ยินความต้องการของเขา ก็อดส่ายหัวไม่ได้ จากนั้นก็ปล่อยมันไป
เพราะพละกำลังของหลัวซิวแข็งแกร่งมาก มีเขาเข้าร่วมการทำลายค่ายกล จะรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ทุกคนก็ออกแรงไม่น้อย จะให้นายเอาของดีไปก่อน ไม่ว่าใครก็ไม่เต็มใจทั้งนั้น
“หลัวซิวพูดอย่างนี้จริงเหรอ”
ฝั่งตำหนักจื่อ ถาวโจว่จวิ้นก็ได้ยินเรื่องที่สำนักเสวียนหยาง กับสำนักฉางเหอ ดึงหลัวซิวไปเป็นพวก
“ใช่ครับ” คนที่ไปถามเอ่ยขึ้น
“ไอ้หมอนี่ไม่รู้อะไรจริงๆ เขาจะใช้กำลังของคนๆ เดียว ไปทำลายค่ายกลโบราณเหรอ” ถาวโจว่จวิ้นสีหน้าเย้ยหยัน
ท่านต้วนที่อยู่ข้างเขา มีความรู้ด้านค่ายกลถึงระดับ5 ยังไม่มีความสามารถทำลายค่ายกลพวกนี้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลัวซิว
“เจ้าสำนักน้อยอย่าประมาท ไอ้หมอนั่นไม่ธรรมดา”
สิ่งที่แตกต่างจากถาวโจว่จวิ้นก็คือ ผู้อาวุโสที่ชื่อท่านต้วน มีความหวาดกลัววูบไหวอยู่ในแววตา
ตัวสำนึกกลายรูป รวมตัวเป็นกระบี่ เป็นวิธีที่ผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ ถึงทำได้ วิธีนี้สามารถมีผลจู่โจมวิญญาณ กดดันนักยุทธ์แดนระดับล่าง
แต่ราชายุทธ์ที่รู้เรื่องจู่โจมวิญญาณ อาศัยตัวสำนึกกลายรูป แสดงวิชาลับจู่โจมวิญญาณ นั่นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างแท้จริง
คนที่เข้ามาในแดนปริศนา มีทั้งหมด 130 กว่าคน ล้มหายตายจากไปเกือบครึ่ง 50 กว่าคนที่เหลือ ล้วนรวมตัวกันอยู่ที่นี่
########################