Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1005 เผยไพ่ตายจนหมด

ตอนที่ 1005 เผยไพ่ตายจนหมด

ตอนที่ 1005 เผยไพ่ตายจนหมด
ธารโลหิตเจตกระบี่ไหลเชี่ยวกราก บดบังฟ้าครอบคลุมดิน ประหนึ่งแม่น้ำนรกเซินหลัว

ตูม!

หลินสวินไม่ได้หลบหลีก ใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งจู่โจมออกไปหมัดหนึ่ง

ปึงๆๆ

ธารโลหิตที่รวมจากเจตกระบี่น่าหวาดกลัวระดับใด ประดุจมังกรใหญ่สีเลือดตัวหนึ่ง แต่บัดนี้กลับถูกซัดจุดตายร่างสะบั้นเป็นหลายส่วน

จากนั้นจึงพังทลายแตกกระจาย

“จิตต่อสู้แข็งแกร่งนัก พริบตาก็สังเกตเห็นจุดอ่อนของธารโลหิตประหัตมาร!” อวี้เป๋าเป่าอดกล่าวไม่ได้

วิชามรรคใดๆ ในใต้หล้าล้วนมีจุดอ่อนของมัน ไม่ว่าหยั่งถึงแก่นแท้แห่งวิถียุทธ์ได้หรือไม่ ล้วนไม่อาจทำได้ถึงขั้นสมบูรณ์ไร้บกพร่องอย่างแท้จริง

อย่างไรเสียสรรพสิ่งในใต้หล้านี้ล้วนมีส่วนที่ขาด นับประสาอะไรกับศึกแห่งวิถียุทธ์

ดังนั้นแม้วิชามรรคจะน่าสะพรึงเพียงใด ทันทีที่มองเห็นจุดอ่อนก็เหมือนกุมจุดตายได้

“เขาสามารถรอดจากการต่อสู้ในแดนฐิติประจิมมาถึงป่านนี้ แน่นอนว่าประสบการณ์ต่อสู้ต้องพรั่งพร้อมถึงขีดสุด มีความสามารถเช่นนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา” เสวี่ยเชียนเหินกล่าววิจารณ์

ครืน…

ในการต่อสู้หลังจากนั้น การโจมตีของจางเจิงดุดันและร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม กระบี่โลหิตแคบยาวสาดอานุภาพสะเทือนใต้หล้า เผยวิถีกระบี่แห่งตนถึงขีดสุด

แต่ไม่ว่าเขาจะใช้วิชานับพัน กลวิธีนับหมื่นอย่างไร ล้วนถูกหลินสวินสลายอย่างง่ายดาย ไม่อาจทำร้ายหลินสวินได้สักนิด

‘เป็นไปไม่ได้! ทำไมเขามีจิตต่อสู้เป็นเลิศเช่นนี้ หรือบนวิถียุทธ์เขาก้าวล้ำเหนือกว่าข้านานแล้ว’

จางเจิงทะนงตนและดื้อรั้นยิ่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่ครองสมญา ‘กระบี่เขย่าขวัญ’

แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาน้อยๆ!

บุคคลในขอบเขตมกุฎเหมือนกัน สิ่งที่ประชันหาใช่รากฐานและปราณ แต่เป็นการฝึกยุทธ์และจิตต่อสู้

แต่จางเจิงกลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกหลินสวินที่ไร้สำนักไร้พรรคกำราบ!

‘จางเจิง หากเจ้าไม่ใช้กำลังทั้งหมดอีก คงห่างจากความพ่ายแพ้ไม่ไกลแล้ว’ ริมหูยินเสียงสื่อจิตเย็นชาของเสวี่ยเชียนเหิน

ได้ยินดังนั้นจางเจิงสีหน้าขรึมลงทันที ถูกเสวี่ยเชียนเหินเตือนทำให้เขารู้สึกอับอายเกินอธิบาย

“กระบวนเฉือนหมื่นยอดแกนสวรรค์!”

พลานุภาพจางเจิงพลันยกระดับ แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าไม่รู้เท่าไหร่ ทั้งตัวราวกระบี่มาร ซัดกระหน่ำลมเมฆจนฟ้าดินเปลี่ยนสี

“ตาย!”

ยอดศาสตรามรรคราชันเลือดวิจิตรกลายเป็นรุ้งกระบี่ยาวพันจั้งสายหนึ่ง เฉือนแหวกจากเหนือนภาคราม ปรากฏพลานุภาพร้ายกาจทะลวงสังหารชั่วกัปกัลป์อย่างหนึ่ง

“ให้ได้อย่างนี้สิ”

นัยน์ตาหลินสวินฉายแววยะเยือกวูบหนึ่ง

ไม่มีคนรู้ว่าการต่อสู้นี้หลินสวินยังซ่อนคมในฝัก จุดประสงค์นั้นง่ายมาก กลัวว่าจะแสดงออกจนสะดุดตาเกินไป ทำให้คู่ต่อสู้เกิดระแวงจนเผ่นหนี

ไม่อย่างนั้นอาศัยศักยภาพเขาตอนนี้ที่สามารถสังหารลี่จั้นหนานได้ในสามหมัด นับประสาอะไรกับการจัดการจางเจิงที่พลังต่อสู้ไม่ต่างจากลี่จั้นหนานนัก

ยามครองพลังอันเด็ดขาด ต้องทำให้คนอื่นมองตื้นลึกของตนไม่ออกจึงจะเป็นกลศึกที่เลิศล้ำ

ชั่วพริบตาพลังของหลินสวินเพิ่มขึ้นอีกระดับใหญ่

เงาร่างเขาดั่งภูตผีหลบหลีกกระบี่ที่จ่อเข้ามาตรงหน้า และปรากฏตัวเบื้องหน้าจางเจิงกะทันหัน

ตูม!

ขณะเดียวกัน แก่นอัศจรรย์ของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ก็ถูกปล่อยออกจากหมัดขวา

จางเจิงเบิกตาโพลงทันที นี่เป็นถึงไพ่ตายของเขา ใช่สิ่งที่สามารถหลีกหลบง่ายดายเช่นนี้หรือ แต่ตอนนี้ภาพที่เป็นไปไม่ได้เกิดขึ้นแล้ว!

แย่แน่!

เสวี่ยเชียนเหินและอวี้เป๋าเป่าสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเช่นนี้

เพราะก่อนหน้านี้แม้การต่อสู้ของหลินสวินและจางเจิงจะดุเดือด แต่ต่างฝ่ายล้วนไม่เคยกำราบอีกฝ่ายได้อย่างหมดจด

แต่ตอนนี้หลินสวินประหนึ่งนักล่าที่ซุ่มรอมานาน ทันทีที่เคลื่อนไหวก็หมายเอาชีวิต!

ไม่อาจไม่พูดถึง จางเจิงสมกับเป็นคนในขอบเขตมกุฎ ปฏิกิริยาตอบสนองเรียกได้ว่าน่าตะลึง ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ยังพาดกระบี่ขวางกั้น สำแดงพลังแห่งตนออกมาจนหมด

แต่เขาเองก็คาดไม่ถึงว่าหลินสวินซ่อนความสามารถมาตลอด และระเบิดออกมากะทันหันในเวลานี้ มีหรือจะเป็นสิ่งที่เขาสามารถต้านทานได้

ได้ยินเสียงปังดังสนั่น เลือดวิจิตรที่ขวางต้านอยู่เบื้องหน้าถูกหนึ่งหมัดของหลินสวินต่อยกระเด็น พลังหมัดเปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย กระแทกใส่ทรวงอกจางเจิงอย่างรุนแรง

กร๊อบ!

เสียงกระดูกอกแตกดังสนั่น

จางเจิงพลันกระอักเลือดออกจากปาก เบื้องหน้าพร่าเลือน ในใจพิศวงหวาดกลัวถึงขีดสุด เวลานี้เขาถึงรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว!

หากคู่ต่อสู้ใช้พลังเช่นนี้แต่แรก เขาคงยืนหยัดไม่ถึงป่านนี้แน่

เจ้าหมอนี่รอบจัดนัก!

จางเจิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ดวงตาเบิกถลน

ทว่าเขาเพิ่งหมายหลบหลีกก็ถูกมือใหญ่ของหลินสวินคว้าร่างเข้าเต็มแรง ระหว่างที่ยังไม่ทันตอบสนองก็ถูกกำราบเข้าไปในเจดีย์สมบัติไร้อักษร

ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นเร็วมาก

ทุกคนล้วนไม่ทันมีปฏิกิริยา จางเจิงก็ถูกสยบบาดเจ็บหนัก ทำให้ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่น้อยต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น

นี่เป็นไปได้อย่างไร

ห่างออกไป พวกผู้ฝึกปราณที่ชมการต่อสู้อยู่ลูกตาแทบถลน เดิมคิดว่าจะเปิดฉากการต่อสู้ชั้นยอดที่สะเทือนใต้หล้า

ไหนเลยจะคิดว่าชั่วพริบตาก็ไม่เห็นจางเจิงแล้ว!

นี่น่าอัศจรรย์กว่าความฝันเสียอีก เหนือความคาดหมายเกินไป

“ไอ้คนถ่อยเจ้ากล้ารึ!”

ทว่ามีผู้ตอบสนองทันควัน อวี้เป๋าเป่าทะยานออกมาในเวลาเดียวกัน

นางดูออดอ้อนโดยกำเนิด เครื่องหน้าประณีตพริ้มเพรา ดูเหมือนสาวงามทรงเสน่ห์คนหนึ่ง แต่ทันทีที่ลงมืออานุภาพพลังก็น่าตกตะลึงหาใดเปรียบ

นางเรียกทวนละเมียดสีทองอ่อนเล่มหนึ่งออกมา เพียงสะบัดแผ่วเบาเงาทวนสีทองพร่างฟ้าพลันโฉบลงมา มืดฟ้ามัวดิน ป่นห้วงอากาศแหลกเป็นจุณ

หลินสวินยังรักษาอานุภาพเหมือนเช่นยามกำราบจางเจิง ปล่อยหมัดประลองกับนาง

เวลานี้ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนอื่นๆ จึงคืนสติจากภาพน่าสะเทือนเมื่อครู่ในที่สุด

“ศิษย์พี่จางเจิงถูกกำราบหรือ”

“น่าชังนัก! เจ้าหมอนั่นต้องใช้กลลวงแน่!”

พวกเขาสีหน้าปั้นยาก สายตาที่มองหลินสวินมีความประหลาดใจสงสัยเพิ่มขึ้นมา จวบจนตอนนี้พวกเขาต่างไม่เข้าใจว่าเหตุใดจางเจิงถึงถูกกำราบ

ตูม!

บนอากาศ หลินสวินผมดำแผ่สยายดั่งเทพมาร มีความสง่างามผงาดง้ำ สู้ศึกดุเดือดกับอวี้เป๋าเป่า

ไม่ช้าสีหน้าอวี้เป๋าเป่าก็เปลี่ยนไป

ยามต่อสู้กับหลินสวินจริงๆ นางจึงรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของอีกฝ่าย ว่าอยู่เหนือการคาดเดาและวินิจฉัยยามนางชมการต่อสู้ก่อนหน้านี้สิ้นเชิง

‘เจ้าหมอนี่ต้องจงใจปกปิดพลังแน่ ถึงสามารถสยบจางเจิงได้กะทันหัน!’ อวี้เป๋าเป่าในใจสะท้านไหว

ก้าวล่วงในมกุฎเหมือนกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถเก็บงำศักยภาพ บีบจนยามจางเจิงใช้ไพ่ตายก็ยังทำอะไรเขาไม่ได้

เช่นนั้นพลังต่อสู้ที่แท้จริงของเขาจะน่าหวาดกลัวระดับใด

ขณะเดียวกันเสวี่ยเชียนเหินสังเกตเห็นความไม่เข้าทีในสถานการณ์ของอวี้เป๋าเป่า สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังหนักแน่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินสวินปรากฏตัวคนเดียว เขาก็รู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่บ้างแล้ว ถึงอย่างไรผู้ฝึกปราณที่สมองปกติล้วนเข้าใจ ว่าวิธีการเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับหาที่ตาย

แต่บัดนี้เขาเริ่มเข้าใจอยู่รางๆ แล้ว ฝ่ายตรงข้ามเตรียมการมาก่อน!

บางทีเทพมารหลินนี่อาจเป็นพวกที่ก้าวสู่มกุฎเหมือนตน แต่เห็นชัดว่าเจ้านี่ไม่ใช่คนในขอบเขตมกุฎทั่วไป!

หากกล่าวว่าขอบเขตมกุฎคือราชันในระดับปราณเดียวกัน สามารถเคลื่อนกวาดศัตรูทั้งหมดในระดับได้

เช่นนั้นบนมกุฎมรรคานี้ ความสามารถที่เทพมารหลินเผยออกมาก็มีพลังกำราบเหล่ามกุฎรุ่นเดียวกัน!

ไม่แปลกที่เขากล้ามาโต้กลับตัวคนเดียว…

ไม่แปลกที่แม้อยู่ในการล้อมกรอบแน่นหนา เขาก็ไม่หวาดกลัวอันใด…

เสวี่ยเชียนเหินนึกถึงตรงนี้ก็ไม่ลังเลอีก เปล่งเสียงตวาดแล้วทะยานออกไปกลางฟ้า “ศิษย์น้องอวี้ ข้าช่วยเจ้าเอง!”

วู้ม!

เงาทวนสีทองเจิดจรัสแสบตาโฉบพุ่ง ชั่วพริบตาเวิ้งฟ้าราวพังทลาย เหนือเมืองแสงอุดรปกคลุมด้วยอานุภาพอริยมรรคชวนประหวั่นชั้นหนึ่ง

บนท้องถนน สิ่งปลูกสร้างละแวกใกล้เคียงบัดนี้ระเหยหายไปราวทำจากกระดาษ ถูกอานุภาพอริยะลบล้างไม่อาจต้าน

สวรรค์!

ผู้ฝึกปราณที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ทั่วร่างพลันแข็งทื่อ สัมผัสถึงความน่ากลัวขนานใหญ่ จิตวิญญาณถูกกำราบแทบหมอบคลานกับพื้น

เวลานี้ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่อยู่ใกล้สมรภูมิทยอยหลบหลีก ทว่าสีหน้าพวกเขากลับเปี่ยมความฮึกเหิม

ในสายตาพวกเขา เสวี่ยเชียนเหินกุมทวนศึกทองอร่ามเล่มหนึ่ง เงาร่างสูงโปร่ง อานุภาพดั่งทวยเทพ มีความสง่างามไร้คู่ต่อกรที่กำราบสรรพสิ่ง!

ทวนทองผลาญตะวัน!

สมบัติอริยะพิทักษ์สำนักชิ้นหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ สืบทอดมาแต่บรรพกาล เล่าลือกันว่าทวนนี้อานุภาพแข็งกร้าว เคยทะลวงมหาสุริยันบนเวิ้งฟ้านั่นมาก่อน!

“หลินสวิน เจ้าคิดจริงหรือว่าการตามล่าเจ้าครั้งนี้พวกเราไม่เตรียมตัวมาก่อน ตอนนี้เจ้าได้ตายด้วยสมบัติอริยะก็ตายตาหลับแล้ว!”

เสวี่ยเชียนเหินสีหน้าเยียบเย็นอำมหิต ทั่วร่างถูกทวนในมือย้อมเป็นสีทอง ประดุจเทพสงครามที่เดินออกมาจากเหล่าอริยเทพ พลานุภาพล้นฟ้า

อานุภาพนั้นแข็งแกร่งเกินไป ทำให้ห้วงอากาศ ณ ที่นี้ต่างโกลาหล ก้มมองจากเวิ้งฟ้าบริเวณศูนย์กลางเมืองแสงอุดรแหลกเป็นจุณสิ้นเชิง กลายเป็นแดนแห่งบาดแผล พลังทำลายล้างน่าตกตะลึง

ตูม!

ขณะกล่าวเสวี่ยเชียนเหินทะยานผ่าฟ้าเข้ามาสังหาร

เวลาเดียวกันอวี้เป๋าเป่าแอบเป่าปากโล่งอก ฟื้นคืนท่าทีงดงาม ทวนทองผลาญตะวันออกจู่โจม ศึกนี้ไม่น่าวิตกอีกแล้ว

ฝ่ายตรงข้ามถึงกับมีสมบัติอริยะ นี่เหนือความคาดหมายของหลินสวิน แต่เขากลับไม่ตื่นตระหนก เรียกเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมา ขัดขวางสกัดกั้นเสวี่ยเชียนเหิน

เคร้ง!

เจดีย์สมบัติไร้อักษรปะทะทวนทองผลาญตะวัน เกิดคลื่นอริยมรรคชวนประหวั่นแผ่กระจาย ขยายลามไปเขตอื่นในเมืองแสงอุดร

ก็เห็นสิ่งปลูกสร้างหลายหลังถูกลบล้าง ถนนหลายสายระเบิดเป็นจุณในชั่วพริบตา… พลังทำลายล้างน่าสะพรึงนั่นช่างเหมือนวันสิ้นโลกมาเยือน

ไม่ต้องสงสัยสักนิด ชีวิตคนที่ดับสิ้นภายใต้พลังทำลายล้างกลางเมืองต้องไม่น้อยแน่

“ประลองสมบัติอริยะหรือ”

“รีบหนีเร็ว!”

ผู้ฝึกปราณที่เฝ้าดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าอยู่ต่ออีก เผ่นหนีกระเจิดกระเจิง

อานุภาพแห่งสมบัติอริยะสามารถดับสลายฟ้าดิน แข็งแกร่งถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ หาใช่สิ่งที่ใครต่างสามารถต้านทานได้

สำหรับความเสียหายนี้เสวี่ยเชียนเหินไร้ซึ่งความรู้สึกแม้เพียงเสี้ยว เขาไม่สนว่าจะทำลายบ้านเรือนไปเท่าไหร่ จะทำให้คนบริสุทธิ์ประสบหายนะหรือไม่

ที่เขาตกตะลึงคือทวนทองผลาญตะวันถูกขัดขวาง!

‘ข่าวลือคือเรื่องจริง เทพมารหลินจากแดนฐิติประจิมนี่มีสมบัติอริยะในมือ!’ นัยน์ตาเสวี่ยเชียนเหินพลันหดรัด

เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เองต่างอึ้งงัน เดิมคิดว่าทันทีที่ทวนทองผลาญตะวันออกโรงก็จะสามารถสังหารศัตรูได้อย่างง่ายดาย ไหนเลยจะคาดคิดว่าอีกฝ่ายก็ใช้สมบัติอริยะ!

‘แย่แน่!’

อวี้เป๋าเป่าเพิ่งรู้สึกผ่อนคลาย แต่ตอนนี้ใจพลันเคว้งอีกครั้ง ตระหนกจนใบหน้างามเผือดสี

เดิมทีเทพมารหลินก็น่ากลัวพออยู่แล้ว บัดนี้เพิ่มสมบัติอริยะชิ้นหนึ่งเข้าไปอีกจะเก่งกาจขนาดไหน

และในเวลานี้หลินสวินก็พุ่งสังหารเข้ามาแล้ว โคจรโทสะหยาจื้อ อานุภาพมิอาจต้าน อาศัยท่าทีแข็งกร้าวเด็ดขาดทลายการป้องกันของอวี้เป๋าเป่าจนหมด ก่อนบีบคอระหงขาวหิมะของอีกฝ่าย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท