มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake – บทที่ 300 พบคนจากตระกูลเหยียน

บทที่ 300 พบคนจากตระกูลเหยียน

แน่นอนว่ากงซุนเชียนจีไม่เชื่อว่าหลัวซิวจะมีระดับค่ายกลที่สูงขนาดนี้ ที่สงสัยก็เพราะว่า หลัวซิวสามารถสร้างค่ายกลธงได้รวดเร็วเช่นนี้ ยังไงก็ต้องมีธงค่ายพิเศษอย่างใดอยู่ในมือแน่นอน

ในตอนนี้ เขามีความต้องการที่จะลงมือทำ ถ้าเขาสามารถเอาสมบัติชิ้นนี้มาได้ ความแข็งแกร่งจะสูงขึ้นอีกระดับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่แน่อาจจะสามารถเข้าใจความลึกลับอันลึกซึ้งของค่ายกลได้ และยกระดับทักษะค่ายกลของตน หรือแม้แต่ระดับขั้น!

“ห้วงยุทธ์อัสนี เหยียบมังกรทะลุฟ้า!”

ที่กลางอากาศ เหลยเว่ยหลงกู้ร้องด้วยความโกรธา อำนาจรอบร่างของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และรัศมีของสายฟ้าหลอมรวมกันกลายเป็นรูปมังกร คำรามและพุ่งตรงไปที่หลัวซิว

ในเวลาเดียวกัน พลังแห่งตัวสำนึกของเขาหลอมรวมกับพลังของห้วงยุทธ์ กลายเป็นสายฟ้า โจมตีไปที่ตัวหยั่งรู้ของหลัวซิว

นี่ไม่ใช่วิชาลับโจมตีวิญญาณอะไร แต่ตัวสำนึกที่หลอมรวมเป็นห้วงยุทธ์ของราชายุทธ์ผู้แข็งแกร่ง สามารถโจมตีให้ได้ผลลัพธ์เท่าเทียมกับวิชาโจมตีวิญญาณ

“ประลองครั้งสุดท้ายสินะ?”

นำเสียงเยือกเย็นของหลัวซิวลอยออกมาจากเปลวเพลิงมรณะ ทันใดนั้น เปลวเพลิงรอบตัวเขาก็เริ่มลุกลาม แปรเปลี่ยนเป็นวิชาพลังมังกรแท้ และกลายเป็นมังกรไฟสีดำ

ส่วนตัวสำนึกห้วงยุทธ์ที่หลอมรวมกันเป็นสายฟ้า ยังไม่ทันทีจะได้เข้าใกล้ตัวหลัวซิว ดาบสังหารห้วงยุทธ์และตัวสำนึกของห้วงยุทธ์แห่งความตาย ก็ถูกโจมตีจนปราชัยไปในทันที

ระดับตัวสำนึกของเหลยเว่ยหลง ถึงแม้จะสูงกว่าหลัวซิวถึงสองแดน แต่ที่เขาครอบครองอยู่คือห้วงยุทธ์สอง อีกทั้งยังเชี่ยวชาญวิชาโจมตีวิญญาณ,ในขณะที่ใช้ตัวสำนึก ยังห่างชั้นกว่าเหลยเว่ยหลงอย่างมาก

ปัง!

มังกรอัสนีกับมังกรเพลิงดำชนเข้าด้วยกัน ภูตอัคคีกลืนกินสีน้ำตาลแดงค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้น ในพริบตา ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใด พื้นที่นั้นก็เต็มไปด้วยร่องรอยการเผาไหม้

เกิดการระเบิดรุนแรงในอากาศ ทุกคนด้านล่างเห็นร่างหนึ่งพุ่งออกมา และเลือดก็พุ่งออกจากปากของเขา

เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ ทุกคนก็ตระหนักได้ว่า ร่างนี้กระอักเลือดตีลังกากลับหัวกลับหาง นั่นก็คือหลัวซิว

ฝั่งคนจากสำนักเหลยหวู่ เผยสีหน้าและรอยยิ้มแห่งความสุขออกมา

แต่คนทางหอหย่งชาง ก็จิตใจขุ่นมัวขึ้นมาทันที

“เขายังเด็กเกินไป ต่อให้ฝึกตนได้รวดเร็วสักเพียงใด พรสวรรค์จะมากมายสักเพียงใด แต่อายุเท่านี้ ขะสามารถเอาชนะราชายุทธ์คนหนึ่งที่ฝึกตนมาแล้วนับร้อยปีได้อย่างไร?”

ทั้งสองกองทัพที่เผชิญหน้ากันอยู่นั้น สีหน้าและอารมณ์ของทุกคนซับซ้อนมาก แม้จะพ่ายแพ้ ในสายตาของทุกๆ คน หลัวซิวคนนี้ก็พ่ายแพ้อย่างสมศักดิ์ศรีเช่นกัน เพราะอายุเพียงสิบเจ็ดปี มีผลการฝึกตนของแดนฝึกจิตขั้นแปด ท้าชนกับผู้แข็งแกร่งแห่งแดนราชายุทธ์ขั้นสี่!

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ ร่างหนึ่งตกลงมาจากฟากฟ้า ทำให้สายตาที่แสดงความตกตะลึงทุกคู่นั้นกลับมารวมกันเป็นตาเดียว

เจ้าของร้างที่ว่านั้น ที่แท้ก็คือเจ้าสำนักเหลยหวู่ ‘เหลยเว่ยหลง’!

ปั้ง!

ร่างของเหลยเว่ยหลงหล่นลงบนเวทีประลองยุทธ์ที่รกร้างนั้นอย่างแรง ฝุ่นกระจายขึ้นกลางอากาศ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ร่างกายไร้ซึ่งคลื่นชีวิตและลมหายใจ

“ตายหรือ?”

ฉากตรงหน้านั้น ราวกับสายฟ้าในวันแดดจัดฟาดลงตรงกลางใจของชาวสำนักเหลยหวู่นักยุทธ์ทุกคน

“เจ้าสำนัก!”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งแห่งสำนักเหลยหวู่รีบกระโจนเข้ามา เขายืนอยู่ข้างตัวเหลยเว่ยหลง สายตาจับจ้องไปที่จุดตันเถียน มีร่องรอยของการเผาไหม้ จุดตันเถียนวิชาชี่ไห่ ถูกเจาะและเผาไหม้กลายเป็นความว่างเปล่า

“สำนักเหลยหวู่ นับแต่นี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป!”

กลางอากาศ ใบหน้าซีดเซียวนั้นของหลัวซิวเผยรอยยิ้มบาง แต่สายตาหนึ่งคู่นั้นกลับกวาดมองชาวเหลยหวู่ทุกคนด้วยความเย็นชา

หลินโยว่เทียน เจ้าแห่งหอหย่งชางอำนาจแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่าง ตรึงกงซุนเชียนจีเอาไว้ หยุดเขาไว้ไม่ให้ตามไปทางหลัวซิวที่ได้รับบาดเจ็บอยู่

ในระหว่างที่หลัวซิวกับเหลยเว่ยหลงกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่นั้น ได้ใช้พลังจากยาพระแสง อาการบาดเจ็บของเขาก็ใกล้จะหายดีแล้ว

หากสู่ตัวต่อตัว หลินโยว่เทียนไม่นับเป็นคู่ต่อสู้ของเหลยเว่ยหลง แต่หากเทียบพลังกับกงซุนเชียนจีแล้วนั้น แทบจะไม่แตกต่างกันเลย

“หลัวซิว เจ้ากับเจ้าสำนักเหลยมีความแค้นใดต่อกันกันแน่ ถึงทำให้เจ้าต้องลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้?” กงซุนเชียนจีขมวดคิ้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

ครั้งนี้สำนักเหลยหวู่กับตระกูลกงซุนร่วมมือกันต่อกรกับหอหย่งชาง แต่เพราะความปั่นป่วนหลังจากการปรากฏตัวของหลัวซิวที่ทำให้เรื่องราวเปลี่ยนไป สิ่งนี้ทำให้กงซุนเชียนจีต้องกดไฟโมหะที่สุมอยู่กลางใจไว้

หากไม่ใช่เพราะหลินโยว่เทียนตรึงเขาเอาไว้ เขาคงจะใช้โอกาสที่หลัวซิวกำลังบาดเจ็บรุดเข้าไปฆ่าเขาเสียตอนนี้ เพราะผู้ชายคนนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว มันจะกลายเป็นหายนะสำหรับเขาเอง

“เรื่องของข้า ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้เจ้าฟัง” หลัวซิวเผยสีหน้าไร้ความรู้สึก

พลังจิตแท้ชีวิตและความตายที่อยู่ในร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นพลังชีวิต น่าเสียดายที่บาดแผลบนร่างกาย ไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่ในช่วงเวลาอันสั้น ไม่เช่นนั้นแล้ว คนที่เขาจะฆ่าต่อจากเหลยเว่ยหลง ก็คือกงซุนเชียนจี。

“แล้วเจ้าจะเสียใจ!”
เวลานี้เหลยเว่ยหลงก็ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว จากนั้นเป้าหมายต่อไปของเขาที่จะตัดหัว แน่นอนว่าต้องเป็นกงซุนเชียนจี

“เย่ซวน ยังจำข้าได้หรือไม่?”

ทันใดนั้น ชายในชุดผ้าทอข้างกายกงซุนเชียนจีก็จ้องไปที่หลินโยว่เทียน มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยด้วยเจตนาเยาะเย้ย

เย่ซวน?

ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อเขา สีหน้าของหลินโยว่เทียนก็เปลี่ยนไปในทันที เมื่อเขาสังเกตเห็นชายในชุดผ้าทอ ในดวงตาคู่นั้น เจตนาฆ่าล้างแค้นและความเกลียดชังปรากฏขึ้นในทันที

“เหยียนชูซิว เป็นเจ้า? ไอ้ชาติหมา” หลินโยว่เทียนกำหมัดแน่น รอบกายล้อมด้วยจิตสังหาร พลังจิตแท้ผันผวนอย่างรุนแรง

หลัวซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย สำหรับชื่อเหยียนชูซิวนั้น เขารู้สึกคุ้นหูเป็นอย่างยิ่ง

“ผู้อาวุโสหลิน นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเขาถึงเรียกท่านว่าเย่ซวน?” ตัวสำนึกของหลัวซิวส่งเสียงออกไปถาม

“ท่านชายหลัวอาจจะไม่รู้ ชื่อเดิมของข้าคือเย่ซวน แต่เมื่อสามสิบปีก่อน พวกเราตระกูลเย่ถูกตระกูลเหยียนกวาดล้าง มีเพียงข้า และน้องชายของข้าเย่หยุนที่หนีออกมาได้ หลายปีมานี้ข้าพยายามปกปิดตัวตน ไม่คิดเลยว่าจะถูกไอ้สวะเหยียนชูซิวพบเข้าได้” หลินโยว่เทียนกัดฟันตอบ

“เย่หยุน?” สายตาของหลัวซิวเต็มไปด้วยความสงสัย “เย่หยุนคือน้องชายของท่าน? เมื่อสามสิบปีก่อนได้เข้าไปในแดนปริศนาใช่หรือไม่?”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร…” หลินโยว่เทียนมีสสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็นึกขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว “ท่านชายหลัวเจอเขาในแดนปริศนาหรือ?”

ทุกคนรู้ดีว่า หากไม่มีสิ่งใดออกมาจากแดนปริศนานั่นหมายถึงสูญหายหรือตายไปแล้ว เย่หยุนเมื่อสามสิบปีก่อนก็ไม่ได้ออกมาจากแดนปริศนา

ทั้ง ๆ ที่รู้เรื่องนี้ แต่ใจใจของเย่ซวน ก็ยังคงรอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าน้องชายของตนจะยังมีชีวิตอยู่

หลัวซิวพยักหน้า เล่าเรื่องที่เขาเจอเย่หยุนออกมา

ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเย่ซวนก็พลันเศร้าโศกปรากฏขึ้น “เมี่ยวฉิงคือภรรยาของน้องชายข้าเย่หยุน เหยียนชูซิวไอ้สวะนี่มันชอบน้องสะใภ้ข้า จึงใช้กำลังแย่งนางออกไป ทั้งยังพาผู้แข็งแกร่งของตระกูลเหยียนอีกกลุ่มหนึ่ง มาทำลายตระกูลเย่ของข้า แค้นนี้ไม่มีวันสิ้นสุด!”

ได้ยินเช่นนั้น หลัวซิวพูดไม่ออก เหยียนชูซิวคือคนของตระกูลเหยียน ตกหลุมรักภรรยาของคนอื่นจึงได้ลงมือแย่งชิง แล้วยังฆ่ายกตระกูลเขาอีก นึกย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน เจ้าสำนักน้อยตำหนักจื่อก็แย่งชิงภรรยาของผู้นำตระกูลเหยียน ช่วงเวลานั้นนิยมขโมยสะใภ้บ้านคนอื่นกันหรือ?

ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นการพรรณนาที่เป็นความจริงมากที่สุดในโลกนักยุทธ์ ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า อยากได้ของของเจ้าก็สามารถแย่งมาได้ทันที หากรู้สึกขัดหูขัดตาก็ฆ่าได้ในทันที

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

มหายุทธ์ สะท้านภพ Remake

None

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท