บนโลกใบนี้ไม่ใช่คนทุกคนที่จะโลภและมีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนกันไปเสียหมด อย่างน้อยๆ ก็ยังมีผู้แข็งแกร่งขององค์กรนักล่ายุทธ์อย่างเสิ่นหยวนหนาน เหวินเซวียนหง รวมทั้งจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหลัวซิวมีความลับเก็บงำไว้ แต่ก็ไม่เคยมีความคิดชั่วร้ายแถมยังดูแลเขาดีอีกด้วย
“ก็แค่เสียราชายุทธ์ของตระกูลเหยียนไปคนเดียวเอง” หลัวซิวเบะปากอย่างไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ในแดนปริศนา คนของสำนักเสวียนหยางและตำหนักจื่อ ตายเพราะฝีมือของเขา ไหนจะยังมีพวกราชวงศ์ตระกูลฝานที่เป็นศัตรูกับเขาอีก หากจะมีตระกูลเหยียนเพิ่มอีกสักตระกูล หลัวซิวก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร
“เจ้าคิดว่ามีเพียงตระกูลเหยียนตระกูลเดียวหรือไง”
เสิ่นหยวนหนานถอนใจอย่างหัวเสีย “กงซุนเชียนจีที่เจ้าสังหารไปก็เป็นถึงปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 5 เจ้าคิดว่าปรมาจารย์ขั้น 5 เป็นผักปลาตามข้างถนนหรือยังไง เขาถือว่าเป็นสิ่งล้ำค่าหายากเสียยิ่งกว่าผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ด้วยซ้ำ”
“การที่ตระกูลกงซุนสามารถมีอำนาจที่เขตการปกครองโตว้ไห่ได้นั้น ไม่ใช่เป็นเพียงเพราะกงซุนเชียนจีเป็นปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 5 เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะกงซุนเชียนจีเป็นน้องชายของปรมาจารย์นักค่ายกลขั้น 6 อีกด้วย”
“ทั่วทั้งประเทศเทียนหวูแห่งนี้ ปรมาจารย์ขั้น 6 มีเพียง 3 คนเท่านั้น นั่นคือหัวหน้าแก๊งของทั้งสามใหญ่อย่างแก๊งนักกลั่นยา แก๊งนักค่ายกล และแก๊งนักหลอมอาวุธ”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ริมฝีปากของเสิ่นหยวนหนานก็เริ่มกระตุกระหว่างที่จ้องมองไปทางหลัวซิว “ทีนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าตัวเองสร้างเรื่องใหญ่ขนาดไหนเอาไว้”
หลัวซิวชะงักไป ก่อนจะเกาศีรษะอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร “ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เรื่องเล็กแล้วจริงๆ”
เสิ่ยหยวนหนานกลอกตาอย่างเหลืออด “นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กไม่เล็ก แต่กำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วต่างหาก ปรมาจารย์ขั้น 6 สามท่านถูกเจ้าหาเรื่องไปแล้วสองท่าน ต่อให้จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงอยากปกป้องเจ้าก็คงปกป้องไม่ได้!”
ในประเทศเทียนหวู ผู้ที่มีสถานะสูงสุดคือผู้นำของสี่แก๊งใหญ่ ในจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสิบ ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดคือหัวหน้าแก๊งองค์กรนักล่ายุทธ์อย่างจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง
หัวหน้าแก๊งนักกลั่นยาอย่างฝานไท่เต๋อ ปัจจุบันคนผู้นี้เป็นอาของจักรพรรดิประเทศเทียนหวู หรือก็คือน้องชายของจักรพรรดิคนก่อน
ราชวงศ์ของตระกูลฝานมีทุกวันนี้ได้ก็เป็นเพราะว่าได้คนผู้นี้นั่งบัลลังก์ ถึงสามารถที่จะสร้างเมืองบนแผ่นดินนี้สำเร็จ และปกครองทั้งหกเมือง และสิบสามเขตการปกครองได้
จากนั้นยังมีหัวหน้าแก๊งของแก๊งนักค่ายกลอย่างเหว้ยห้าวหรานอีก คนผู้นี้คือขุนนางอาวุโสของตำหนักจื่อ กงซุนเชียนจีที่ถูกหลัวซิวสังหารนั้นคือลูกศิษย์ที่เขาเคยรับเอาไว้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ยังมีหัวหน้าแก๊งหลอมอาวุธอย่างหงหมิง คนผู้นี้ไม่เพียงมีชื่อเสียงในประเทศเทียนหวูเท่านั้น แต่ยังเป็นปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเขตแดนรอบๆ อีกด้วย ทั้งได้รับการยอมรับจากผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์จำนวนมาก เพื่อหวังที่จะได้นักยุทธ์ที่มีอานุภาพแข็งแกร่งสักคน
ในบรรดาผู้นำทั้งสี่คนนี้ จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิงเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุด ทว่าปรมาจารย์ขั้น 6 ทั้งสามคนกลับมีเส้นสายที่กว้างขวาง รู้จักผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์หลายคน หากต้องการหาคนมาช่วย การที่พวกเขาจะขอกำลังจากราชายุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์มาช่วยสักสองสามคนนั้น ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสักนิด
ดังนั้นนี่จึงเป็นเครื่องบ่งบอกว่า หลัวซิวได้มีเรื่องกับจักรพรรดิยุทธ์หลายคนไปแล้วอย่างอ้อมๆ
เมื่อได้ยินคำอธิบายแจกแจงของหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานเช่นนี้ หลัวซิวพลันรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที จากพลังยุทธ์ของเขาในตอนนี้ แม้แต่จักรพรรดิยุทธ์สักคนยังไม่อาจที่จะเอาชนะได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงจักรพรรดิยุทธ์หลายคน
“เอาเป็นว่ารักษาอาการบาดเจ็บให้หายก่อนแล้วค่อยว่ากัน ช่วงนี้ก็สงบปากสงบคำเอาไว้หน่อย จะได้ไม่มีผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์มาคิดบัญชีถึงที่” หลัวซิวแอบคิดในใจ
……
หลังจากนั้นเจ็ดวัน หลัวซิวก็ได้รับข่าวสารที่ส่งมาจากชิวลั่วสุ่ย ว่าอาจารย์ของสำนักสุ่ยเยว่จงหลังจากที่ได้กินยาวิญญาณหยินหยางเข้าไปแล้วก็สามารถฟื้นฟูการฝึกตนขึ้นมาได้ จึงต้องการแสดงความขอบคุณกับเขา และยังให้คำมั่นแทนอาจารย์สำนักสุ่ยเยว่จงอีกว่า หากหลัวซิวต้องการความช่วยเหลือ อาจารย์สำนักสุ่ยเยว่จงยินดีที่จะช่วยเหลือครั้งหนึ่ง เพื่อเป็นการทดแทนน้ำใจ
พอเป็นเช่นนี้แล้วก็เท่ากับว่า มีจักรพรรดิยุทธ์สองคนแสดงน้ำใจให้กับหลัวซิว ในช่วงเวลาที่ต้องการก็สามารถขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสองคนนี้ได้
อาจารย์สำนักสุ่ยเยว่จงฟื้นฟูเทพจิตได้แล้ว ข่าวนี้ทำให้หลัวซิวนึกถึงเหยียนเยว่เอ๋อร์ เขาได้ใช้เส้นสายทั้งหมดที่เขาพอจะมี แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถสืบได้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน
ในฐานะที่เป็นอัจฉริยะขั้นดำ ฐานะของหลัวซิวในแก๊งนักล่ายุทธ์ของประเทศเทียนหวูเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ จึงเป็นรองเพียงแค่หัวหน้าแก๊งหลักอย่างจักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง
ระบบข่าวสารของแก๊งมีการเคลื่อนไหวอยู่ในทุกๆ เรื่อง โดยทำการตรวจสอบที่มาที่ไปของจักรพรรดิยุทธ์เทียนเฟิ่งอยู่ตลอดเวลา
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือน แผลของหลัวซิวก็หายดี อีกทั้งการใช้ผู้เป็นอมตะทำให้การฝึกตนของหลัวซิวยกระดับขึ้นไปอีกหนึ่งแดนเล็ก เข้าสู่แดนฝึกจิตขั้น 9
เมื่อการฝึกตนเข้าสู่ระดับนี้แล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องวางแผนต่อว่าจะบรรลุแดนราชายุทธ์ได้อย่างไร
การจะบรรลุแดนฝึกจิตขั้น 9 เข้าสู่แดนราชายุทธ์ได้นั้น มีเรื่องที่ต้องทำสองเรื่อง
เรื่องแรกคือ ผนึกรวมพลังจิตแท้ให้กลายเป็นรูปยา
เรื่องที่สองคือ ทำให้ตัวสำนึกกลายรูป
ขอเพียงทำสองข้อนี้ได้ ก็จะเข้าสู่แดนราชายุทธ์ได้สำเร็จ
ตัวสำนึกของหลัวซิวกับห้วงยุทธ์ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงผ่านขั้นกลายรูปไปแล้ว และอาจเหนือกว่าราชายุทธ์ทั่วๆ ไป ในด้านตัวสำนึกเขาไปถึงแดนราชายุทธ์ขั้น 2 แล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เขายังขาดอยู่คือการดูดกลืนพลังจิตอีกจำนวนมาก และนำพลังจิตแท้ผนึกรวมเป็นรูปยา จึงจะยกระดับกลายเป็นผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ได้ในที่สุด
หลัวซิวคาดว่า หากใช้ค่ายผนึกปราณดูดกินพลังจิตมาเพื่อการฝึกตนจะต้องใช้หินพลังจิตชั้นสูงสองแสนก้อนโดยประมาณ ถึงจะทำให้เขาสามารถบรรลุแดนฝึกจิตขั้น 9 ไปถึงแดนราชายุทธ์ขั้น 1 ได้
หากกลับมาคำนวณหินพลังจิตชั้นล่างที่เป็นหน่วยพื้นฐานที่สุด หินพลังจิตขั้นสูงหนึ่งก้อน จะเทียบเท่าได้กับหินพลังจิตชั้นล่างหนึ่งหมื่นก้อน เมื่อคำนวณโดยรวมออกมาแล้ว นั่นเท่ากับว่าจะต้องใช้หินพลังจิตชั้นล่างถึงสองพันล้านก้อน!
นี่ถือเป็นตัวเลขที่มากมายเหนือจินตนาการ อย่าว่าแต่จักรพรรดิยุทธ์เลย ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ยังไม่มีฐานะดีขนาดที่จะมีได้มากเท่านี้
และเป็นเพราะการที่จะบรรลุได้ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล นี่เองที่ทำให้จำนวนผู้แข็งแกร่งที่จะบรรลุการฝึกตนระดับราชายุทธ์ขึ้นไปได้มีน้อยมาก
ปรมาจารย์โลกยุทธ์ที่อยู่ในแดนฝึกจิตขั้น 9 จำนวนมาก กว่าจะบรรลุแดนราชายุทธ์ได้จำเป็นต้องสะสมกว่าร้อยปี แถมยังต้องอาศัยโชคชะตา ความสามารถ พรสวรรค์และอื่นๆ กว่าจะบรรลุได้อย่างราบรื่น
การจะได้มาซึ่งหินพลังจิตขั้นสูงเป็นจำนวนสองแสนก้อนภายในคราวเดียวนั้น หลัวซิวไม่กล้าแม้แต่จะคิด เพราะหินพลังจิตขั้นสูงนั้นเป็นของที่หาได้ยากยิ่ง ในเหมืองแร่หินพลังจิตบางที่ก็ไม่สามารถหาหินพลังจิตขั้นสูงได้เลยแม้แต่ก้อนเดียว
ยกเว้นแต่ว่าโชคชะตาของหลัวซิวจะดีกว่าปกติ จนสามารถหาเหมืองหินพลังจิตที่ขนาดใหญ่ได้ และสามารถที่จะขุดหินพลังจิตจำนวนสองพันล้านก้อนขึ้นมาได้
เหมืองหินพลังจิตขนาดเล็กสามารถหาหินพลังจิตได้อย่างมากเพียงสิบล้านก้อนเท่านั้น เหมืองหินพลังจิตขนาดกลางสามารถขุดได้มากกว่าร้อยล้านก้อน มีเพียงเหมือนหินพลังจิตขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะสามารถหาหินพลังได้มากกว่าร้อยล้านก้อน
ทว่าการค้นพบและการขุดเหมืองหินพลังจิตนั้น มักจะมีกลุ่มอำนาจหลากหลายต่างพากันมาแสวงหาผลประโยชน์ ต่อให้หลัวซิวค้นพบเหมืองหินพลังจิตขนาดใหญ่ เขาก็ไม่มีความสามารถที่จะครอบครองมาเป็นของตนเองได้
แน่นอนว่าตัวเลขสองพันล้านเป็นตัวเลขที่น่าตกใจเกินไป ความเป็นจริงแล้วการบรรลุจากแดนฝึกจิตขั้น 9 ไปถึงแดนราชายุทธ์ เพียงแค่ผนึกรวมพลังจิตแท้ให้กลายเป็นรูปยา และต้องการใช้เพียงพลังจิตแท้เท่านั้น
อีกทั้งสำหรับผู้แข็งแกร่งที่ฝึกตนจนถึงขั้นราชายุทธ์แล้ว การแลกเปลี่ยนต่างๆ จะไม่ใช้หินพลังจิตชั้นล่าง เนื่องจากหินพลังจิตระดับนี้ พลังจิตที่อยู่ในนั้นมีเบาบางเกินไป ทั้งยังไม่ค่อยบริสุทธิ์ จึงไม่มีประโยชน์อะไรต่อการฝึกตน
ดังนั้นผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ขึ้นไป การแลกเปลี่ยนจะใช้อย่างต่ำที่สุดคือหินพลังจิตขั้นกลาง ส่วนสมบัติล้ำค่าบางชิ้นอาจจะต้องใช้ถึงหินพลังจิตขั้นสูงในการแลกเปลี่ยน