เมื่อได้ยินแบบนี้ หัวใจของหลัวซิวสั่นเทา เรื่องที่เขากังวลที่สุดเกิดขึ้นแล้ว ร่องถ้ำนั้นถูกขั้วอำนาจอื่นพบแล้ว ทั้งยังเกี่ยวข้องกับสำนักเสวียนหยางที่มีอำนาจยิ่งใหญ่
โบราณสถานที่ไม่ได้รับการเปิดมาก่อน เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์หวั่นไหว ถ้าหากอาจารย์มกุฏยุทธ์สำนักเสวียนหยางลงมือ เขากับเหยียนเยว่เอ๋อร์ไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
“สำนักเสวียนหยางมีอาจารย์มกุฏยุทธืและผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธื ฉันไม่อยากรนหาที่ตาย” หลัวซิวขมวดคิ้วพูด
ร่องถ้ำโบราณบางทีอาจจะมีโอกาสที่ดีและของล้ำค่า แต่เมื่อเทียบกับชีวิตแล้ว ไม่ถือว่าเป็นอะไรทั้งนั้น
“ฮ่าๆๆ น้องหลัวคิดมากไปแล้ว เบื้องบนของสำนักเสวียนหยาง ไม่รู้เรื่องร่องถ้ำ”
ขณะที่หลัวซิวกำลังคิดจะล้มเลิกความคิดในการตามหาร่องถ้ำ จวงหย้าเฟยพูดขึ้นกะทันหัน
เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ ความหวังก่อตัวขึ้นมาในใจของหลัวซิว รีบถามต่อ:”นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“เมื่อสิบวันก่อน ฉันบังเอิญเข้าไปในพื้นที่นั้น พบที่ตั้งของร่องถ้ำ ตอนนั้นมีปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตของสำนักเสวียนหยางคนหนึ่ง พบร่องนั้นพร้อมกันกับฉัน ตอนนั้นฉันกับอีกฝ่ายล้วนต่างคนต่างอยากจะฆ่าปิดปาก แต่ความสามารถไล่เลี่ยกัน”
“พบว่าพวกเราไม่มีใครทำอะไรได้ พวกเราทั้งสองคนจึงสัญญากันว่าจะไม่แพร่งพรายเรื่องร่องถ้ำนี้ หลังจากนั้นสิบวัน ทั้งสองฝ่ายพาคนมาแปดคน แล้วเข้าไปตรวจสอบด้านในถ้ำนั้นด้วยกัน” จวงหย้าเฟยเล่าที่มาที่ไปของเรื่องให้ฟัง
“คำสัญญาแบบนี้พี่ช่วยด้วยเหรอ?” หลัวซิวเผยสีหน้าแปลกใจ “ตอนนี้พี่สามารถบอกเรื่องถ้ำให้ฉันรู้ อีกฝ่ายก็สามารถบอกเรื่องถ้ำในผู้แข็งแกร่งในสำนักเสวียนหยางรู้”
จวงหย้าเฟยยิ้มเศร้าด้วยความจนปัญญาเล็กน้อย “ฉันเองก็เข้าใจข้อนี้เหมือนกัน แต่ว่าฉันก็ทำได้แค่เดิมพันดูสักครั้ง เพราะถึงอย่างไรถ้าหากเชิญผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์มา ในถ้ำมีของดีอะไรละก็ ไม่มีทางตกถึงคนอื่นแน่นอน คนสำนักเสวียนหยางคนนั้นน่าจะเข้าใจข้อนี้ดี ดังนั้นฉันจำได้แต่เดิมพันว่าเขาไม่บอกเรื่องนี้กับเบื้องบนของสำนักเสวียนหยาง”
หลัวซิวขมวดคิ้วเป็นปมแล้วนิ่งเงียบ เป็นไปตามที่จวงหย้าเฟยพูด มีความเป็นไปได้นี้ เพราะถึงอย่างไรทุกคนล้วนมีความเห็นแก่ตัวและความโลภ ไม่มีใครอยากจะให้ร่องถ้ำที่ตนพบเจอด้วยความยากลำบาก ด้านในมีโอกาสดีและของล้ำค่าอะไร ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
จวงหย้าเฟยกำลังเดิมพัน ถ้าหากหลัวซิวรับปากจะไปด้วย ความเป็นจริงก็เป็นการเดิมพันอีกครั้ง เพราะถ้าหากเดิมพันผิด พบเจอกับมกุฏยุทธ์ของสำนักเสวียนหยางกระทั่งผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ ตนต้องแบกรับผลลัพธ์แย่ๆที่ตามมาอีก
เขาไม่ได้ตัดสินใจบุ่มบ่ามด้วยตนเอง แต่ว่าใช้ตัวสำนึกส่งเสียง บอกเรื่องนี้กับเหยียนเยว่เอ๋อร์
“ร่องถ้ำคือโอกาสดีที่หาได้ยาก ในเมื่อเจอแล้ว ย่อมห้ามคลาดไปเด็ดขาด” คำแนะนำที่เหยียนเยว่เอ๋อร์ให้คือลองไปดู ถ้าสถานการณ์ไม่ดี อย่างมากก็แค่ถอยออกไป
“ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ลองไปดู!”
ได้ยินหลัวซิวรับปาก จวงหย้าเฟยก็โล่งอก เขารู้ดีว่าตนกำลังเดิมพัน เดิมพันชนะ ตนสามารถได้รับประโยชน์ดีๆที่ไม่อาจจินตนาการได้ เดิมพันแพ้ ตนจะไม่เหลืออะไรทั้งนั้น อีกทั้งถึงขั้นที่จะกลายเป็นซากกระดูกในบ่อน้ำอมตะ
ตลอดทางไม่ได้พูดอะไรกัน ก่อนที่ฟ้าจะมืด พวกเขามาถึงพื้นที่ที่กำกับเอาไว้ในแผนที่บนมือจวงหย้าเฟย
นี่คือลำธาร เต็มไปด้วยต้นหญ้า มีลมปราณของอสูรกายแข็งแกร่งหลายตัวอยู่ส่วนลึกในลำธาร
จากที่จวงหย้าเฟยพูด ทางเข้าของร่องถ้ำ อยู่ใจกลางลำธาร มีอสูรกายระดับ9ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในนั้น
ในเวลาเดียวกันที่หลัวซิวและพวกมาถึงที่นี่ อีกฝั่งหนึ่งของลำธาร ก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฎตัว สวมชุดของสำนักเสวียนหยาง มีทั้งหมดแปดคน
“จวงหย้าเฟย พวกเราตกลงกันแล้วว่าจะมาแปดคนไม่ใช่เหรอ ทำไมนายถึงมาแค่เจ็ดคน?” ชายหนุ่มสำนักเสวียนหยางคนหนึ่งเหาะเหินมา แล้วพูดเย้ยหยัน:”คงจะไม่ได้ตายไประหว่างทาง คนหนึ่งรึเปล่า?”
ขณะพูด อีกฝ่ายมองหลัวซิวและพวกอย่างไม่เกรงกลัว มุมปากหัวเราะเยาะเยือกเย็น “คนที่นายพามา ความสามารถแย่ไปหน่อยรึเปล่า ถ้าขืนเป็นแบบนี้ ในร่องถ้ำไม่มีเรื่องอะไรของนายแล้ว ไม่แน่ว่าชีวิตของคนพวกนี้อาจจะต้องทิ้งอยู่ที่นี่”
“ซ่งช่าวหยวน สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” จวงหย้าเฟยหัวเราะเยือกเย็น
“แค่มดตัวเล็กๆขั้นฝึกจิตไม่กี่คน ฉันแค่ยกมือขึ้นก็ทำลายได้แล้ว!”
ในเวลานี้เอง เสียงเยือกเย็นดังขึ้น ชายชราผมขาวคนหนึ่งของสำนักเสวียนหยาง มองมาที่หลัวซิวและพวกอีกหกคนด้วยสีหน้าดูแคลน แผ่ซ่านเจตนาสังหารออกมาอย่างไม่ซ่อนเร้น
ในเวลาเดียวกัน ลมปราณที่แข็งแกร่งจนไม่สามารถคำนวฯได้ แผ่ซ่านออกมาจากตัวของชายชรา กลายเป็นการข่มที่น่าเกรงขาม ราวกับภูเขาลูกใหญ่ กดดันมาทางหลัวซิวและพวก
ไอแห่งความน่าเกรงขามนี้ เหนือกว่าราชายุทธ์ แข็งแกร่งกว่าเผยหยวนชิวผู้นำตระกูลเผยซึ่งเป็นผู้แข็งแกร่งราชายุทธ์ขั้น9มาก
“ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์!……” สีหน้าของหลัวซิวสั่นเทา
ชายชราของสำนักเสวียนหยางคนนี้ปรากฏตัว แผ่ซ่านความน่าเกรงขามของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ออกมา เจตนาสงสารไม่ซ่อนเร้น
สีหน้าของจวงหย้าเฟยซีดขาวทันที เขาคิดว่าอย่างมากซ่งช่าวหยวนก็เชิญแค่ราชายุทธ์มาหนึ่งถึงสองคน ทางตนมีหลัวซิวอยู่ ก็ไม่มีอะไรให้น่าหวาดกลัว
แต่ว่าเขาคิดไม่ถึง ไอ้สารเลวซ่งช่าวหยวนจะเชิญจักรพรรดิยุทธ์มา?
คล้ายว่าอากาศจะถูกความน่าเกรงขามทำให้แข็งตัว ร่างกายของจวงหย้าเฟย สิ้งหรันหรันและพวกถูกตรึงเอาไว้ที่เดิม แม้แต่นิ้วก็ยังขยับไม่ได้
ตรงหน้าผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ ปรมาจารย์ยุทธ์ฝึกจิตไม่มีพลังในการต่อต้านแม้แต่น้อย เป็นหรือตายไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนเอง
“จวงหย้าเฟย นายกล้ามาก อาศัยตระกูลจวงเล็กๆของพวกนาย แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับราชายุทธ์ก็ยังไม่มี ยังจะกล้ามาแย่งชิงร่องถ้ำกับสำนักเสวียนหยางของฉันอีกอย่างนั้นเหรอ?” ซ่งช่าวหยวนยืนอยู่ด้านหลังจักรพรรดิยุทธ์ด้วยสีหน้าประจบสอพลอ
สำนักเสวียนหยาง มีผู้แข็งแกร่งมกุฏยุทธ์ดำรงตำแหน่ง มีผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์สองคน คนหนึ่งคือเจ้าสำนักเวียนหยาง คนหนึ่งคือผู้อาวุโสเสวียนหยาง
สำหรับผู้แข็งแกร่งมกุฏยุทธ์ คืออาจารย์เสวียนหยาง
เวลานี้จวงหย้าเฟยหวาดกลัวมากขึ้น ภายใต้ความน่าเกรงขามของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ แม้แต่ปากก็ยังอ้าไม่ออก
หลัวซิวมองเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างกาย ถึงแม้ความน่าเกรงขามของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์เขาเองก็ยากที่จะต่อกรด้วย แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่สามารถทำอะไรได้
“เหมือนกับฉัน คือแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น2 คนคนนี้คือผู้อาวุโสเสวียนหยาง” เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดผ่านตัวสำนึก
เมื่อได้ยินแบบนี้ หลัวซิวก็โล่งอก ขอเพียงไม่ใช่เจ้าสำนักเสวียนหยางมา ทุกอย่างก็จัดการง่าย
เพราะเจ้าสำนักเสวียนหยางคนนั้น ว่ากันว่าตอนนี้บรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น4แล้ว
“หื้ม? ภายใต้ความน่าเกรงขามของผู้อาวุโสยังสามารถเคลื่อนไหวได้?”
ผู้อาวุโสเสวียนหยางเห็นหลัวซิวหันหน้า ดวงตาแก่ชราหรี่ลง พูดเสียงเยือกเย็น:”ฉันมองผิดไปจริงๆ ผลการฝึกตนที่แท้จริงของนายคือแดนฝึกจิตขั้น9″
ขณะพูด ผู้อาวุโสเสวียนหยางทะยานมา ยื่นมือออกมาจะฟาดหลัวซิว เปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหารอย่างชัดเจน
“กับแค่ผู้ฝึกจิตขั้น9 ฉันแค่ตบก็ตายคาฝ่ามือแล้ว”
พลังจิตแท้สีทองออกมาจากง้ามนิ้วมือของผู้อาวุโสเสวียนหยาง ชั่วขณะหนึ่งก็กลายเป็นกรงสีทอง ลมปราณทำลายล้างปะทุขึ้นมา ครอบคลุมมาที่หลัวซิว
ในเวลานี้ เหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อยู่ข้างกายหลัวซิวเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่สวยมีความเยือกเย็นแล่นผ่าน