บทที่ 410 เทือกเขาจื่อเหยียน
“เป็นพลังวิญญาณที่บริสุทธิ์มาก ขอบใจเจ้าหนู” วิญญาณของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำตื่นจากการหลับไหล
“ผู้อาวุโสเกรงใจเกินไปแล้ว ถ้าหากไม่มีท่าน ไม่แน่ชีวิตของข้าอาจจะจบลงที่เขาจิตนภาไปแล้ว” หลัวซิวพูด
“ได้ของที่อยู่ด้านในหรือยัง?” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำถาม
“ได้มาแล้ว แต่เป็นอย่างที่ผู้อาวุโสเคยพูดเอาไว้ สิ่งที่ควบแน่นอยู่ตรงศูนย์กลางของค่ายกลไม่ใช่ช่องจิต แต่เป็นเพียงกลุ่มพลังวิญญาณบริสุทธิ์เท่านั้น” หลัวซิวพูด ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องของช่องจิตปลอม
สำหรับของอย่างช่องจิต ความเข้าใจของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำที่ยังไม่เข้าใกล้ดินแดนนิรันดร์มีขีดจำกัด
“ของอย่างช่องจิต มันใช่สิ่งที่อาศัยค่ายกลอย่างเดียวก็สามารถควบแน่นหรือ?” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำถอนหายใจ “ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่รู้มีผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์มากเท่าไหร่ที่ไม่สามารถเข้าใกล้ดินแดนนิรันดร์ ทั้งหมดเป็นเพราะ การที่จะบรรลุถึงดินแดนนิรันดร์ จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากกฎดั่งเดิม”
“เดิมทีกฎก็เป็นสิ่งที่ยากจะตระหนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกฎดดั้งเดิม” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดอย่างเสียดาย “แต่ไม่รู้ว่าพลังวิญญาณที่ควบแน่นอยู่ใจกลางค่ายกลแห่งนั้นมานานเท่าไหร่ พลังสายนี้ยิ่งใหญ่มาก เจ้าได้รับผลเก็บเกี่ยวไม่น้อยเลย”
ที่พูดแบบนี้เป็นเพราะตอนที่จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำตื่นจากการหลับไหล เขาสัมผัสได้ถึงตัวสำนึกของหลัวซิวบรรลุถึงระดับจักรพรรดิยุทธ์แล้ว
ส่วนตัวหยั่งรู้ของหลัวซิวเนื่องจากมีการดำรงอยู่ของลูกแก้วความเป็นต่อไป เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่อยู่ด้านใน
“ด้วยตัวสำนึกวิญญาณระดับจักรพรรดิยุทธ์ เจ้าสามารถยืมใช้พลังส่วนหนึ่งของสามสมบัติวิเศษเสวียนดำของข้าแล้ว” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูดอย่างกะทันหัน
“สามสมบัติวิเศษเสวียนดำ?” หลัวซิวได้ยินคำพูดประโยคนี้ ตาลุกวาวเป็นประกาย
สามสมบัติวิเศษเสวียนดำที่พูดถึงก็คือสมบัติวิญญาณสามชิ้นที่จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำใช้ในอดีตจนสร้างชื่อให้กับตนเอง
ถึงแม้สมบัติวิญญาณทั้งสามชิ้นจะไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา แต่ก็ถูกตั้งโดยปรมาจารย์ค่ายกลระดับเก้า บวกกับวิธีการหลอมของวิเศษในยุคบรรพกาล ตอนที่หลอมสมบัติวิญญาณทั้งสามชิ้น เรียกได้ว่าผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์คนนี้ทุ่มเททั้งหมดที่เขามี ของทุกชิ้นล้วนแต่เป็นสมบัติวิญญาณขั้นสูง
ลูกแก้วเสวียนดำ ตำหนักเสวียนดำ เขาทองดำไท่เสวียน!
“สมบัติวิญญาณทั้งสามชิ้นที่ข้าสร้างขึ้น หนึ่งในเขาทองดำไท่เสวียนใช้สังหาร ตำหนักเสวียนดำใช้ป้องกัน ส่วนลูกแก้วเสวียนดำมีพลังมหาศาลซ่อนอยู่ สามารถทำให้พลังจิตแท้ของข้าอยู่ในสภาวะสมบูรณ์ตลอดเวลา ในสมัยยุคบรรพกาล ข้าอาศัยสมบัติวิญญาณทั้งสามชิ้นสังหารมหาจักรพรรดิยุทธ์พร้อมกันสามคน ผลการฝึกตนของแต่ละคนไม่ได้ด้อยไปกว่าข้า”
เรื่องในอดีตเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำรู้สึกภาคภูมิใจมากที่สุด ศึกครั้งนั้นกินเวลานานถึงสามวันเต็ม เขาอาศัยสามสมบัติวิเศษเสวียนดำสามชิ้นเผชิญหน้ากับมหาจักรพรรดิยุทธ์สามคน สุดท้ายมีสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส และชนะไปในที่สุด
“เจ้าไม่สามารถใช้ตำหนักเสวียนดำและเขาทองดำไท่เสวียน แต่เจ้าสามารถอาศัยตัวสำนึกระดับจักรพรรดิยุทธ์ขับเคลื่อนลูกแก้วเสวียนดำ ยืมพลังของลูกแก้วเสวียนดำ สามารถทำให้ผลการฝึกตนของเจ้าเพิ่มขึ้นได้ประมาณหนึ่งขั้นใหญ่” จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำพูด
“หนึ่งขั้นใหญ่? แบบนี้ไม่เท่ากับ…” แววตาของหลัวซิวเป็นประกาย ผลการฝึกตนก้าวข้ามหนึ่งขั้นใหญ่ แบบนี้ก็หมายความว่าเขาสามารถอาศัยพลังของลูกแก้วเสวียนดำ ปลดปล่อยพลังระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสาม
ด้วยไพ่ตายที่อยู่ในมือของเขา บวกกับผลการฝึกตนของจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสาม ถึงไม่สามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์ แต่การปกป้องตนเองไม่ใช่ปัญหา
ส่วนในระดับดินแดนจักรพรรดิยุทธ์ เขาไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวใคร!
ทว่ากลับไม่สามารถใช้ตำหนักเสวียนดำและเขาทองดำไท่เสวียว ทำให้หลัวซิวรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ของทั้งสองสิ่งเป็นถึงสมบัติวิญญาณที่ใช้จู่โจมและตั้งรับของยุคบรรพกาล การป้องกันของตำหนักเสวียนดำ คนที่อยู่ระดับจักรพรรดิยุทธ์ลงไปไม่สามารถทำลาย ส่วนเขาทองดำไท่เสวียนหากโยนออกไป ต้องสามารถบดขยี้มกุฎยุทธ์คนหนึ่งตายอย่างง่ายดายแน่นอน
แต่หลังจากที่ครุ่นคิด ผลการฝึกตนของตนเองเป็นเพียงดินแดนราชายุทธ์ ถ้าหากสามารถใช้ของวิเศษที่ร้ายกาจเช่นนี้มารับมือศัตรู แบบนี้มันก็ขัดกับลิขิตสวรรค์มากเกินไป
เวลาล่วงเลยผ่านไปทีละนิดโดยไม่รู้ตัว ตอนที่ตัวสำนึกของหลัวซิวบรรลุถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้นห้า เรือรบที่ลอยอยู่กลางอากาศหยุดชะงักอย่างกะทันหัน
หลัวซิวลุกขึ้นยืน ปลดผนึกค่ายกลต้องห้าม เดินออกมาจากในเรือ
“ถึงแล้วเหรอ?”
เขายืนอยู่บนดาดฟ้า ด้านล่างของเรือเป็นผืนป่าที่รกร้างแห่งหนึ่ง หลังจากเดินทางติดต่อกันมานานสองเดือน ในที่สุดก็มาถึงสถานรกร้างภาคเหนือของประเทศเทียนหวู
“ผู้อื่นไม่รุกล้ำข้า ข้าไม่รุกรานผู้อื่น ตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยาง พวกเจ้ารนหาที่เอง!” หลัวซิวกระตุกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างเย็นชา
สถานที่รกร้างภาคเหนือ เป็นสถานที่ที่มีข้อมูลรวดเร็วที่สุด ย่อมเป็นเมืองร้าง
หลัวซิวไม่ต้องการให้คนของตำหนักจื่อและสำนักเสวียนดำรู้ว่าตนเองกลับมาแล้ว เหตุนี้จึงสั่งให้มู่จื่อซิวเก็บเรือรบ คนทั้งกลุ่มบินอยู่กลางอากาศ เดินทางตรงไปยังตำแหน่งของเมืองร้าง
ในขณะเดียวกันเขาได้ติดต่อกับสวีจิงเหนียน ให้เขาช่วยสืบญาติมิตรสหายของตนเองถูกจับตัวไปที่ไหน
“เขากลับมาแล้วเหรอ?”
ในเมืองเทียนหวู ภายในตำหนักตระกูลสวี บนใบหน้าที่ชราภาพของสวีจิงเหนียนมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
ในระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา ภายใต้การกดดันของตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยาง ความรุ่งเรืองของตระกูลสวีได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทำให้อาจารย์ของตระกูลสวีคนนี้รู้สึกอัดอั้นใจมาโดยตลอด
“ในเมื่อหลัวซิวกล้ากลับมา แสดงว่าเขาต้องมั่นใจว่าสามารถรับมือตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยาง มีปรมาจารย์ลึกลับอยู่เบื้องหลังของเจ้า!”
ที่สวีจิงเหนียนเชื่อใจหลัวซิวมากขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกว่าหลัวซิวเป็นคนลึกลับมาก และผู้คนมักจะรู้สึกหวั่นเกรงต่อเรื่องลึกลับที่ตนเองไม่รู้
เขาตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “พี่สาวของเจ้าและคนของตระกูลหลิว ถูกจับตัวไปที่สำนักเสวียนหยาง ส่วนพ่อแม่ของเจ้าถูกคนของตำหนักจื่อจับตัวไป”
หลังจากผ่านการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นของสวีจิงเหนียน หลัวซิวก็พอจะรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นหลังจากปีที่เขาจากไป
ก่อนที่เขาจะจากไป เขาให้คำชี้แนะวิธีการฝึกฝนบางอย่างให้แก่ผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์หลายคน นอกเหนือจากนี้เพื่อป้องกันอาจารย์ของตำหนักจื่อถูกบีบคั้นจนทำเรื่องที่ไม่คาดคิด เขาตั้งใจมอบม้วนหยกส่วนหนึ่งให้เจ้าสำนักเสวียนหยางและเจ้าสำนักฉางเหอ ด้านในเป็นบันทึกเกี่ยวกับเคล็ดลับการฝึกฝนดินแดนมกุฎยุทธ์
เคล็ดลับเหล่านี้ล้วนแต่ได้มาจากจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ เป็นของล้ำค่ามาก
ต่อมาอาจารย์ของตำหนักจื่อพาคนจำนวนมากกลุ่มหนึ่งมาเยือนมืองชิงหยุน จุดประสงค์คือจับตัวญาติของเขา ในตอนนั้นอาจารย์เสวียนหยางและอาจารย์ฉางเหอปรากฏตัวขึ้นทันที เผชิญหน้ากับอาจารย์จักรพรรดิยุทธ์สองคนร่วมมือกัน อาจารย์ตำหนักจื่อต้านทานไม่ไหว จึงทำได้แต่ถอยจากไปด้วยความโกรธ ค่อยกลับมาล้างแค้นทีหลัง
แต่ผ่านไปได้ไม่นาน อาจารย์ตำหนักจื่อและอาจารย์เสวียนหยางแอบทำข้อตกลงกัน ร่วมมือกันลอบโจมตีอาจารย์ฉางเหอที่ไม่ทันระวัง โชคดีที่อาจารย์ฉางเหออาศัยวิธีการที่พิเศษหนีรอดมาได้ เพราะแบบนี้จึงไม่จบชีวิตลงที่นั่น
ต่อมาสำนักฉางเหอปิดผนึกภูเขา ตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยางยิ่งได้ใจ จับตัวญาติมิตรสหายของเขาในเมืองชิงหยุนไปจนเกือบหมด และทำลายเมืองชิงหยุนจนสิ้นซาก
ไม่เพียงแค่นั้น หัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานของเขตการปกครองโตว้ไห่และหัวหน้าแก๊งเหวินเซวียนหงของเขตการปกครองหยุนหลง ก็โดนทั้งสองสำนักทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ หากไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนขององค์กรนักล่ายุทธ์ เกรงว่าคนทั้งสองต้องจบชีวิตลงแน่นอน
เห็นได้ชัดว่าตำหนักจื่อและสำนักหยางเสวียนต้องการเล่นงานคนทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา
หลังจากที่รู้เรื่องทั้งหมด ถึงสีหน้าของหลัวซิวจะดูสงบนิ่ง แต่ส่วนลึกภายในใจของเขามันเต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่าที่ท่วมท้น
“ดินแดนแห่งนี้กำลังจะเปื้อนเลือด!” หลัวซิวพูดในใจ!
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเทียนหวู มีป่าทึบโบราณที่ทอดยาวไม่มีสิ้นสุดแห่งหนึ่ง ฟ้าดินเต็มไปด้วยพลังจิตแท้ เป็นสถานที่อุดมไปด้วยทรัพยากร
เพราะหินของสถานที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นสีม่วง ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าเทือกเขาจื่อเหยียน
บท