บทที่ 408 ประกาศภารกิจ
หลัวซิวคิดไม่ถึง ตนเองถึงขั้นสามารถประเมินสิทธิในระดับขั้นดินชั้นกลาง เดิมทีเขาคิดว่าอาศัยผลการฝึกตนระดับราชายุทธ์ขั้นสาม สามารถเป็นสิทธิของระดับขั้นดินชั้นกลางก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ถึงขั้นถ้าหากไม่ได้ เขาเตรียมคิดเอาไว้แล้วว่าจะเปิดเผยความสามารถในด้านค่ายกลหรือไม่ก็กลั่นยา
แต่หลังจากครุ่นคิด เขาเข้าใจแล้ว ที่สามารถประเมินสิทธิระดับขั้นดินชั้นกลาง คาดว่าน่าจะเป็นเพราะเขาที่เพิ่งอายุสิบแปด แต่กลับมีตัวสำนึกที่เทียบเท่ากับระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้นหนึ่ง
ในตัวหยั่งรู้ของเขา วิญญาณดั้งเดิมได้ก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของมนุษย์แล้ว หน้าตาเหมือนกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน สวมชุดกี่เพ้าสีดำขาว ลูกแก้วความเป็นตายถูกฝังอยู่ตรงหน้าผากกลางหว่างคิ้ว
ผลการฝึกตนของเขาไม่ได้บรรลุดินแดนจักรพรรดิยุทธ์อย่างแท้จริง ดังนั้นวิญญาณดั้งเดิมก็ไม่ได้กลายเป็นเทพจิต พูดให้ถูกน่าจะเป็นเทพจิตปลอม
คล้ายคลึงกับช่องจิตปลอม เทพจิตปลอมมีตัวสำนึกที่แกร่งกล้าระดับจักรพรรดิยุทธ์ แต่กลับไม่ได้อยู่ในระดับผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิยุทธ์
ในองค์กรนักล่ายุทธ์ อัจฉริยะระดับขั้นดินชั้นกลาง สอดคล้องกับสิทธิของผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์
และนั่นก็หมายความว่าการประกาศจ้างวานภารกิจในองค์กรนักล่ายุทธ์ของหลัวซิว มากสุดสามารถเชิญผู้แข็งแกร่งระดับมหายุทธ์ลงมือ
แต่ค่าตอบแทนที่ผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์ลงมือก็ไม่ธรรมดา หลัวซิวคิดว่าด้วยความมั่งคั่งของตนเอง ไม่มีปัญญาเชิญผู้แข็งแกร่งระดับนี้แน่นอน
“ประกาศจ้างวานภารกิจ!” หลังจากระดับของสิทธิเพิ่มขึ้น หลัวซิวพูดขึ้นทันที
เท่าที่หลัวซิวรู้มา ผลการฝึกตนอาจารย์จักรพรรดิยุทธ์ของตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยางไม่เกินมกุฎยุทธ์ขั้นสาม
ส่วนผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์ ว่านเหลียนเฉิงและเจ้าตำหนักของตำหนักจื่ออยู่ในมือของหลัวซิว ส่วนอาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ของสำนักเสวียนหยางก็ถูกเขาและเหยียนเยว่เอ๋อร์ร่วมมือกันสังหาร เรียกได้ว่าขอเพียงสามารถจัดการความน่าเกรงขามอาจารย์มกุฎยุทธ์ ทั้งสองสำนักก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อหลัวซิวอีก
ดังนั้นการประกาศจ้างวานภารกิจภายในองค์กรของเขาคือเชิญผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์สองคนขึ้นไป ค่าตอบแทนคือยาเม็ดระดับเจ็ด ยาสลายร่างหลงหยางและยาวาตะทองน้้ำค้างหยก
ร่างกายและเทพจิตของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์รวมเป็นหนึ่ง จุดประสงค์คือการฝึกกลายเป็นร่างทอง ระดับนี้เป็นการฝึกร่างกายเป็นหลัก ส่วนยาสลายร่างหลงหยาง เป็นยาระดับเจ็ดที่ใช้ฝึกร่างกาย
ส่วนยาวาตะทองน้้ำค้างหยก เป็นยาระดับเจ็ดที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บ
หลัวซิวได้หญ้าวิญญาณระดับเจ็ดมาส่วนหนึ่ง หญ้าวิญญาณที่อยู่ในมือของเขาปัจจุบัน เพียงพอที่จะกลั่นยาเพียงสองชนิดนี้เท่านั้น
ภารกิจถูกประกาศออกไป วิญญาณแห่งค่ายกลจะส่งรายละเอียดภารกิจไปให้ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ที่ตรงตามเงื่อนไขของการจ้างวานภารกิจ ถ้าหากมีคนรับภารกิจ เขาจะได้รับการแจ้งเตือนในทันที
เวลาที่เหลือต่อจากนี้ สิ่งที่เขาต้องทำก็คืออดทนรอก็พอ
หลัวซิวเชื่อ ขอเพียงผลการฝึกตนไม่เกินมกุฎยุทธ์ขั้นหก ยาสลายร่างหลงหยางและยาวาตะทองน้้ำค้างหยก เพียงพอที่จะทำให้มกุฎยุทธ์ทุกคนหวั่นไหว
……
ดินแดนเป่ยเซี๋ย ผู้ลาดตระเวนมู่จื่อซิวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนชั้นบนสุดของห้องใต้หลังคาหลังแห่งหนึ่ง รอบตัวมีแสงสีทองเป็นประกายจางๆ จมอยู่ในสภาวะของการฝึกตน
ทันใดนั้น เขาลืมตาขึ้น พลิกมือเรียกม้วนหยกที่อยู่ในแหวนเก็บของออกมาหนึ่งม้วน มีข้อมูลสายหนึ่งถูกส่งผ่านจากม้วนหยกเข้าไปในตัวหยั่งรู้
“การจ้างวานระดับมกุฎ? ยาสลายร่างหลงหยางและยาวาตะทองน้้ำค้างหยก ?”
มู่จื่อซิวรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย ดินแดนเป๋ยเซี๋ยมีปรมาจารย์กลั่นยาระดับหกไม่น้อย แต่ปรมาจารย์กลั่นยาระดับเจ็ดกลับมีน้อยมากจนน่าสงสาร ยิ่งไปกว่านั้นโอกาสความสำเร็จและคุณภาพไม่ได้สูงมาก จึงส่งผลให้ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ทุกคนล้วนแต่ขาดแคลนยาระดับเจ็ดมาช่วยในการหนุนเสริมผลการฝึกตน
โดยเฉพาะยาสลายร่างหลงหยาง มันเป็นหนึ่งในยาที่ดีที่สุดสำหรับการฝึกชุบร่างทองของผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ มู่จื่อซิวเคยได้มาหนึ่งเม็ดเมื่อร้อยกว่าปีกว่า
ปัจจุบันเขาบรรลุถึงดินแดนมกุฎยุทธ์ขั้นสาม ถ้าหากได้ยาสลายร่างหลงหยางมาอีกหนึ่งเม็ด ขอเพียงคุณภาพของยาบรรลุถึงแปดส่วนขึ้นไป เขาก็มีความมั่นใจเจ็ดส่วนในการทะลวงถึงดินแดนมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ จากมกุฎยุทธ์ปฐมภูมิ ก้าวเข้าสู่มกุฎยุทธ์ช่วงกลาง
ขั้นสามและขั้นสี่ เป็นเหมือนกับเส้นกั้นต้นน้ำ ทันทีที่สามารถทะลวง ความแข็งแกร่งจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
มู่จื่อซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย หลังจากนั้นตรวจสอบรายละเอียดการจ้างวานภารกิจ
“ตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยางของอาณาจักรใต้?”
เขาอาศัยอยู่ในดินแดนเป๋ยเซี๋ยมาเป็นเวลานานมากแล้ว ไม่เคยได้ยินชื่อของทั้งสองสำนัก ดังนั้นจึงตรวจสอบผ่านระบบข่าวกรองขององค์กรนักล่ายุทธ์
“ข้ามู่จื่อซิวสามารถอาศัยมกุฎยุทธ์ขั้นสามกลายเป็นผู้ลาดตระเวนของดินแดนเป่ยเซี๋ย ยากจะหาคู่ปราบในหมู่คนระดับเดียวกัน ถึงแม้ทั้งสองสำนักจะมีมกุฎยุทธ์ แต่ผลการฝึกตนไม่เกินมกุฎยุทธ์ขั้นสาม ข้าสามารถจัดการได้สบาย”
มู่จื่อซิวลองชั่งน้ำหนักดูสักพัก ตั้งใจจะรับภารกิจนี้ ผู้จ้างวานภารกิจได้หมายเหตุเอาไว้แล้ว ต้องการมกุฎยุทธ์สองคนช่วยเหลือ ถ้าหากรับภารกิจช้า บางทีอาจจะโดนคนอื่นแย่งภารกิจนี้ไป
แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ที่มีสถานะสูงส่ง แต่เพื่อความก้าวหน้าของผลฝึกตน ตามหาทรัพยากรในการฝึกตน การแย่งชิงระหว่างนี้ก็ถือว่าค่อนข้างรุนแรง อย่างไรก็ตามเรื่องของทรัพยากร ทรัพยากรยิ่งมีระดับสูง ยิ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
ระยะห่างจากที่หลัวซิวประกาศภารกิจจ้างวานเพียงแค่ครึ่งวัน เขาได้รับข้อความหลายข้อความ
“นี่เพิ่งจะเวลาครึ่งวัน มีมกุฎยุทธ์ถึงหกคนรับภารกิจแล้ว ดูเหมือนของอย่างยาระดับเจ็ดไม่ได้ขาดแคลนธรรมดา”
องค์กรนักล่ายุทธ์ในเมืองห้าวซานหลัวซิวได้รับข้อความแล้ว เขาจำเป็นต้องคัดเลือกมกุฎยุทธ์สองคนในบรรดาทั้งหกคน
ในข้อความ มีหมายเหตุบอกว่ามีผู้ที่มีผลฝึกตนระดับมกุฎยุทธ์หกคน
แน่นอน คนที่สนใจภารกิจนี้ไม่ได้มีเพียงมกุฎยุทธ์ทั้งหกคนแน่นอน แต่เป็นเพราะผู้คนส่วนใหญ่อยู่ห่างจากผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์มากเกินไป ไม่เช่นนั้น ด้วยค่าตอบแทนยาระดับเจ็ดสองเม็ด ต้องทำให้มกุฎยุทธ์มากมายหวั่นไหวแน่นอน
“มู่จื่อซิว?” ในข้อมูลของผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ทั้งหกคน หลัวซิวสังเกตเห็นชื่อของคนที่คุ้นเคย
ผู้ลาดตระเวนของดินแดนเป่ยเซี๋ยคนนี้ ถือว่าเคยมีวาสนาพบเจอหลัวซิวหนึ่งครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นเขารู้มาจากจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ คนที่สามารถขึ้นนั่งตำแหน่งผู้ลาดตระเวนของดินแดนหนึ่ง จะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก
ไม่ต้องสงสัยเลย การมีมู่จื่อซิวช่วยลงมือ อาจารย์มกุฎยุทธ์ของตำหนักจื่อและสำนักเสวียนหยาง จะไม่มีภัยคุกคามสำหรับเขาอีก
มู่จื่อซิวเป็นผู้ฝึกตนมกุฎยุทธ์ขั้นสาม ในบรรดามกุฎยุทธ์ทั้งหก ยังมีอีกหนึ่งคนที่เป็นมกุฎยุทธ์ขั้นสี่ ชื่อหนิงเหอโจว
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงความปลอดภัยของญาติมิตรตนเอง มกุฎยุทธ์ที่เชิญมายิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งดี
ดังนั้นหลัวซิวจึงแทบจะไม่ลังเลอะไรมาก เขาตัดสินใจเลือกให้มู่จื่อซิวและหนิงเหอโจวทั้งสองคนเป็นผู้รับภารกิจนี้ผ่านระบบ
ในเวลาเพียงแค่สามวัน หนิงเหอโจวเดินทางมาถึงองค์กรในเมืองห้าวซาน เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่ บนแผ่นหลังสะพายขวานสองเล่มประสานกัน รอบตัวถูกรายล้อมด้วยกลิ่นอายที่ป่าเถื่อน
คนทั้งสองพบกันในห้องหนังสือแห่งหนึ่งขององค์กร
“พวกเจ้าคือคนที่ประกาศภารกิจ?”
หลังจากที่หนิงเหอโจวเดินเข้าไปในห้อง สังเกตเห็นชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ภายในห้อง อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย