บทที่ 411 แดนตำหนักจื่อ
ในตอนแรกหลงหมิงได้เคยกล่าวเอาไว้แล้ว สำนักไท่เสวียนในอดีตเคยมีแดนปริศนาอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่าแดนตำหนักจื่อ การก่อตั้งของตำหนักจื่อ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะจะเกี่ยวข้องกับแดนตำหนักจื่อ
ภายหลังวิญญาณของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ได้เข้ามาอาศัยอยู่ภายในร่างของหลัวซิว เขาก็เคยสอบถามเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่เมื่อเขามาถึงบริเวณใกล้เคียงของเทือกเขาจื่อเหยียนแห่งนี้ จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำก็แน่ใจได้ทันที แดนตำหนักจื่อตั้งอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาแห่งนี้จริง ๆ ด้วย
ส่วนหลงหมิงนั้น ตั้งแต่เข้ามาเขาเข้ามาในแดนแต่งตั้งราชาแล้ว ก็ไม่ได้พบเจอเขาอีกเลย หลังจากนั้นพอออกมาจากแดนแต่งตั้งราชา หลัวซิวก็พบว่าการเชื่อมกันด้วยวิชาสยบวิญญาณระหว่างเขาและหลงหมิงนั้น ก็หายไปแล้วด้วย
เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าหลงหมิงไปที่แห่งใด และก็ไม่รู้ว่าในระหว่างที่เขาอยู่ภายในแดนแต่งตั้งราชานั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เขาคิดว่า การหายตัวไปของหลงหมิงบางที่อาจจะมีความเป็นไปได้สองประการ ประการแรกคืออาจจะถูกผู้แข็งแกร่งบางคนพบว่าเป็นตระกูลมารจึงจับเขาไปแล้ว หรือความเป็นไปได้อีกประการคือเขาได้มุ่งหน้าไปที่ถิ่นที่อยู่ของตระกูลมารแล้ว
“ตามรายงานจากแก๊ง ที่ตั้งของตำหนักจื่อ ตั้งอยู่ท่ามกลางแดนปริศนาโบราณ ต้องมีสิ่งที่ถือเป็นหลักฐานยืนยันเฉพาะ ถึงจะสามารถรับรู้ได้ถึงที่ตั้งของแดนปริศนา และจะได้พบสำนักเขาแห่งตำหนักจื่อ”
ลอยอยู่บนอากาศ ท่ามกลางขุนเขา มู่จื่อซิวมองมาทางหลัวซิว พูดเอ่ยช้า ๆ
“ข้าสามารถหาทางเข้าที่ตั้งของแดนปริศนาได้” หลัวซิวพูดขึ้นในทันที
จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำคือหนึ่งในสามมหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักไท่เสวียนในอดีต สำหรับพิกัดทางเข้าแดนปริศนานั้น แน่นอนว่าย่อมชัดเจนยิ่งกว่าใคร ๆ
“ตามข้ามา” หลัวซิวพูดกับมู่จื่อซิวและหนิงเหอโจวซึ่งเป็นมกุฏยุทธ์ทั้งสอง
เหยียนเยว่เอ๋อร์เดินตามอยู่ด้านข้างเขา หลัวซิวสามารถรู้สึกได้ ภายในใจของนาง ไม่ได้สงบไปกว่าตนเท่าไรนัก
ตำหนักจื่อจับตัวท่านพ่อท่านแม่ของเขาไป เมื่อเทียบกับนางแล้วนั้น ก็มีความบาดหมางกันอย่างดุเดือดเช่นกัน ในตอนที่นางยังเยาว์วัย ท่านพ่อท่านแม่แท้ ๆ ของนางก็ถูกผู้แข็งแกร่งแห่งตำหนักจื่อทำร้ายจนตาย
หลัวซิวจับมือของนางไว้ พลางเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ข้าจะทำให้ตำหนักจื่อไม่มีทางได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป”
เหยียนเยว่เอ๋อร์พยักหน้า ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าภายในใจนางนั้นไม่สงบเสียเลย
“แดนตำหนักจื่อพลังฟ้าดินจิตเข้มข้นมาก เป็นที่ตั้งของลานฝึกตนปิดขังของศิษย์ในสำนักไท่เสวียนในสมัยโบราณ”
“ภายในแดนปริศนา แต่เดิมมีการสร้างค่ายผนึกปราณแปดสิบเอ็ดสายที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากไว้ แต่เวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานเช่นนี้ ค่ายกลไม่ได้รับการทำนุบำรุงเป็นเวลานาน ประสิทธิภาพก็ลดลงไปอย่างมาก นอกเสียจากว่าจะได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่โดยปรมาจารย์ค่ายกลระดับเก้า”
จักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำเข้าใจแดนตำหนักจื่อเป็นอย่างดี เพราะในสมัยโบราณนั้น ค่ายผนึกปราณอันแข็งแกร่งในสมัยโบราณแห่งแดนตำหนักจื่อนั้น มันเกิดขึ้นมาจากมือของเขาเอง
“เป็นที่แห่งนี้”
ในส่วนลึกของเทือกเขาจื่อเหยียน ภูเขาทั้งเจ็ดถูกจัดวางตามทิศทางพิเศษ ตามคำบอกเล่าของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ณ จุดที่ห่างอย่างเท่ากันของภูเขาทั้งเจ็ดนี้ ก็คือทางเข้าของแดนตำหนักจื่อ
ทางเข้าของแดนปริศนา ก็มีค่ายกลที่ถูกสร้างขึ้นไว้เช่นกัน จะรับรู้ถึงลมปราณของป้ายบัญชาการ ต้องเป็นคนที่ครอบครองป้ายบัญชาการเท่านั้น ถึงสามารถเข้าไปที่แดนปริศนาได้
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวพบว่า ระหว่างภูเขาเหล่านี้ มีการสร้างตำหนักและบ้านเรือนจำนวนมาก อีกทั้งยังมีศิษย์ตำหนักจื่อจำนวนไม่น้อยปรากฎตัวเป็นครั้งคราว
เห็นได้ชัดว่า ศิษย์ตำหนักจื่อพวกนี้ที่อยู่ด้านนอก คือเหล่าคนที่ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไปยังแดนปริศนา ส่วนมากมีผลการฝึกตนไม่สูงพอ ที่สูงที่สุดก็คือแดนฝึกจิต น่าจะเป็นศิษย์นอกของตำหนักจื่อ
หลัวซิวก็ไม่ได้กระทำอะไรโดยประมาท หากเมื่อได้ที่แหวกหญ้าให้งูตื่น ท่านพ่อและท่านแม่ของเขาก็จะมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะกลายเป็นตัวประกันในมือของตำหนักจื่อ เมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่าตนจะเดินหน้าหรือถอยหลังก็คงจะเป็นเรื่องยาก
“เราจะเคลื่อนไหวกันอย่างไร?” มู่จื่อซิวและหนิงเหอโจวส่งสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปยังหลัวซิว
“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าอยู่ในมือของพวกมัน ข้าจำเป็นต้องช่วยท่านพ่อท่านแม่ของข้าก่อน” หลัวซิวูดด้วยนำเสียงเคร่งขรึม
ในป่าที่ห่างออกไปหลายสิบลี้ หลัวซิวหยิบเอาธงขลังสรรพสิ่งออกมา และสร้างค่ายกลผังค่ายซ่อนงำและแยกลมปราณขึ้นมา
เขาไม่ได้หลบซ่อนความสามารถในด้านค่ายกลของเขา ค่ายกลทั้งสองที่สร้างขึ้นนั้น ต่างก็บรรลุถึงระดับหกแล้ว ทำให้มู่จื่อซิวและหนิงเหอโจว มกุฏยุทธ์ผู้แข็งแกร่งทั้งสองคนต่างก็มีสีหน้าประหลาดใจอย่างเต็มประดา
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุเพียงสิบกว่าปี สามารถฝึกตนได้ถึงแดนราชายุทธ์มันเหนือชั้นอยู่แล้ว แต่กลับยังเป็นถึงปรมาจารย์ค่ายกลระดับหกด้วย นี่เป็นสิ่งที่น่าน่าสะพรึงกลัวจริง ๆ
โดยเฉพาะมู่จื่อซิว เมื่อสังเกตได้ว่าหลัวซิวคือปรมาจารย์ค่ายกลระดับหก เขาก็ยิ่งมั่นใจ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเจ้าหนุ่มวัยรุ่นคนนี้คือคิงซิวหลัว!
เพราะถึงแม้ว่าผลการฝึกตนของเขาจำไม่สูง แต่อาศัยอำนาจของค่ายกลระดับหก ความสามารถที่แท้จริงของเขาในตอนที่อยู่ในแดนแต่งตั้งราชา ก็ไม่ได้แตกต่างไปกว่าพวกปรมาจารย์ราชายุทธ์ขั้นเก้าเลย มิหนำซ้ำอาจจะห่างชั้นกว่าเสียด้วยซ้ำ
แต่ในใจของหลัวซิวในเวลานี้คิดเพียงแต่จะช่วยเหลือท่านพ่อท่านแม่ของตนจากภายในแดนตำหนักจื่อได้อย่างไร จึงไม่ได้คำนึงมากถึงขนาดนั้น ที่เขาสร้างค่ายกลทั้งสองขึ้นมานั้น ก็เพราะเพื่อกลั่นฮู้และสามารถเข้าไปในแดนตำหนักจื่อได้
ค่ายกลทั้งหมดภายในแดนตำหนักจื่อ ต่างก็ถูกสร้างขึ้นด้วยมือของจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำ ค่ายกลที่อยู่ปากทางเข้านั้นจะข้ามผ่านได้อย่างไร แน่นอนว่าจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำรู้ได้อย่างชัดเจน
ผ่านไปไม่นานนัก เขาก็กลั่นฮู้ออกมาสี่อัน วัสดุของฮู้นั้น คือหยกน้ำเงินระดับหก
เขาเอาฮู้สามอันแบ่งให้กับเหยียนเยว่เอ๋อร์ มู่จื่อซิวและหนิงเหอโจว
“ฮู้นี้ที่อยู่ในมือ สามารถผ่านการยืนยันตัวตนของค่ายกลที่หน้าทางเข้าแดนปริศนาได้ อีกเดี๋ยวข้าจะเข้าไปก่อน พยายามช่วยท่านพ่อท่านแม่ของข้าออกมา หลังจากที่ข้าเข้าไปได้ครึ่งชั่วโมง พวกเจ้าทั้งสามก็เข้าไปได้ เมื่อถึงตอนนั้นยิ่งเสียงดังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี” หลัวซิวบอกแผนการ
สำหรับเรื่องที่เขารู้จักแดนตำหนักจื่อมากเช่นนี้ได้อย่างไรนั้น มู่จื่อซิวและหนิงเหอโจวก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เป็นเพียงความคิดอุปาทาน ว่าเขามีความแค้นกับตำหนักจื่อ ดังนั้นจึงได้เข้าใจเรื่องราวของตำหนักจื่อได้ดีถึงเพียงนี้
“เจ้าเข้าไปคนเดียวมันอันตรายเกินไป” เหยียนเยว่เอ๋อร์พูดพลางจับมือหลัวซิว นางไม่วางใจให้หลัวซิวเข้าไปเพียงคนเดียว
“ไม่เช่นนั้นข้าเข้าไปพร้อมกับเจ้า หากมีอันตรายใดจริง ๆ หากมีข้าอยู่สามารถรับรองความปลอดภัยของเจ้าได้” มู่จื่อซิวก็เอ่ยขึ้นอีกเสียง
“ใช่แล้ว ไอ้หนุ่มหากเจ้าติดอยู่ด่านใน ค่าตอบแทนของข้ากับท่านพี่มู่ก็ไม่มีแล้วน่ะสิ” หนิงเหอโจวพูดหยอกล้อ
“เจ้าให้ผู้อาวุโสมู่เข้าไปกับเจ้าเถิด” เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็เห็นดีด้วย นางรู้ดีว่าพลังของนางนั้นยังไม่เพียงพอ แต่มู่จื่อซิวคือมกุฏยุทธ์ผู้แข็งแกร่ง ให้เขาเข้าไปด้วย ความปลอดภัยของหลัวซิวนั้นก็ไม่มีอะไรต้องห่วง
หลัวซิวก็รู้ดีว่า หากเขาไม่รับปาก เหยียนเยว่เอ๋อร์ก็น่าจะไม่มีเห็นด้วยที่จะให้เขาเข้าไปเสี่ยงอันตรายคนเดียว ดังนั้นเขาคิดแล้วก็รับปากตกลงไป
เขาหยิบผังค่ายที่กลั่นออกมาเป็นผังค่ายซ่อนงำออกมาจากแหวนเก็บของ หลังจากเปิดใช้ ม่านแสงก็ปกคลุมทั้งเขาและมู่จื่อซิว ร่างนั้นหายไปจากกลางอากาศ
บริเวณใกล้เคียงกับทางเข้าของแดนปริศนา มีศิษย์นอกของตำหนักจื่ออยู่มากมาย แน่นอนว่าไม่สามารถเข้าไปแบบอึกทึกคึกโครมได้