บทที่ 418 พบเจอคนรู้จัก
เวลาที่เขาใช้ในการฝึกฝนครั้งนี้ไม่นาน เพราะเดิมทีเขาก็อยู่ในขอบเขตที่กำลังจะบรรลุแล้ว ใช้เวลาในการเก็บตนฝึกครั้งนี้เพียงแค่สามวัน
อาณาเขตของประเทศเทียนหวู่กว้างใหญ่ไพศาล แต่ด้วยความเร็วของเรือรบระดับล่าง ในเวลาสามถึงสี่วันก็เพียงพอที่จะบินจากตะวันตกไปถึงตะวันออก
“ใกล้แล้ว อีกประมาณพักใหญ่ก็น่าจะถึงเมืองเสวียนหยางแล้ว” เหยียนเยว่เอ๋อร์พูด
เมืองเสวียนหยางเป็นเมืองที่สำนักเสวียนหยางสร้างขึ้น ตั้งอยู่ตรงตีนเขาเสวียนหยาง ส่วนเขาเสวียนหยางก็คือตำแหน่งที่ตั้งของสำนักเสวียนหยาง
ทั้งหมดของฝั่งนี้ล้วนแต่ใช้คำว่าเสวียนหยางในการตั้งชื่อ เนื่องจากบรรพชนผู้บุกเบิกสำนักเสวียนหยางชื่อหลี่เสวียนหยาง หรือก็คือบรรพชนมกุฏยุทธ์ของสำนักเสวียนหยาง
ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฏยุทธ์มีอายุขัยสามพันปี อาจารย์เสวียนหยางคนนี้อยู่มาแล้วสองพันเจ็ดร้อยปี เรียกได้ว่าเป็นคนเก่าคนแก่ของผู้แข็งแกร่งมกุฏยุทธ์
ตามรายงานขององค์กรนักล่ายุทธ์ ผลการฝึกตนของหลี่เสวียนหยางคือมกุฏยุทธ์ขั้นสามระดับสูงสุด แต่เนื่องจากอายุขัยกำลังจะสิ้นสุดลง มีพลังไม่เพียงพอ ที่ผ่านมาจึงไม่สามารถบรรลุมกุฎยุทธ์ขั้นสี่
ในระยะที่ห่างจากเมืองเสวียนหยางหลายสิบลี้ คนทั้งกลุ่มเก็บเรือรบ เหินกลางอากาศมาจนถึงละแวกของเมืองเสวียนหยาง
ภายในเมืองเสวียนหยางค่อนข้างรุ่งเรืองและคึกคัก หน้าประตูเมืองมีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย
มีนักยุทธ์ขี่สัตว์อสูรวิ่งเข้าเมือง ทำให้เกิดเสียงอุทานและสายตาที่อิจฉานับไม่ถ้วน
นอกจากนี้ยังมีชายหญิงนักยุทธ์ที่เดินทางมาพร้อมกัน
หลัวซิวก็กำลังยืนเข้าแถวเพื่อรอเข้าเมือง ก่อนที่จะสามารถช่วยพี่สาวและคนของตระกูลหลิว เขาเปิดเผยสถานะของตนเองไม่ได้เด็ดขาด
ทันใดนั้น รูม่านตาของหลัวซิวหดเล็กลงเล็กน้อย เพราะเขาสังเกตเห็นคนที่คุ้นเคยเล็กน้อยคนหนึ่ง
“หลินเจียเอ๋อร์?”
หลัวซิวสังเกตเห็นหญิงสาวสวมชุดกระโปรงสีขาวคนหนึ่ง มือซ้ายของนางถือกระบี่ ข้างกายมีผู้ชายสองหญิงหนึ่ง สวมเครื่องแบบของหอหย่งชาง
เมื่อหลายปีก่อนเขาก่อเหตุการณ์นองเลือดในเขตการปกครองโตว้ไห่ เจ้าสำนักเหลยหวู่และหัวหน้าตระกูลกงซุนถูกเขาสังหาร เจ้าหอหย่งชางเย่ซวนก็สิ้นท่ากลายเป็นมังกรไร้หัว
ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น หลินเจียเอ๋อร์ยังอยู่เมืองร้างของภาคเหนือ บางทีไม่ควรเรียกนางว่าหลินเจียเอ๋อร์ แต่ควรเรียกนางว่าเย่เจียเอ๋อร์มากกว่า
“ทำไมนางถึงเดินทางมาเมืองเสวียนหยาง?” หลัวซิวขมวดคิ้ว เขตการปกครองโตว้ไห่อยู่ห่างจากที่นี่ไกลมาก
“เจ้าหอ หรือต้องมอบดอกไห่ถังดาวตกให้สำนักเสวียนหยางเป็นของกำนัลจริงเหรอ?”
ข้างกายของเย่เจียเอ๋อร์ เด็กสาวที่เดินทางมาพร้อมกับนางพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเล็กน้อย
“ใช่ เจ้าหอ ดอกไห่ถังดาวตกเป็นยาทิพย์ที่เราทุ่มเทอย่างสุดความสามารถถึงจะได้มา” ดูเหมือนนักยุทธ์ชายสองคนที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ยินยอมที่จะมอบของให้คนอื่นเช่นกัน
“พวกเจ้าจะไปเข้าใจอะไร? ปัจจุบันทั่วทั้งประเทศเทียนหวู สำนักและตระกูลทั้งหมดต้องดูสีหน้าของตำหนักจื่อและตระกูลเสวียนหยางในการทำงาน หอหย่งชางของเราอยู่ในเขตการปกครองโตว้ไห่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากแล้ว ทำได้แต่คาดหวังงานวันเกิดครั้งนี้ของอาจารย์เสวียนหยาง จะสามารถทำให้พวกเรามีโอกาสแก้ไขวิกฤต” เย่เจียเอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดตำหนิด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
บางทีอาจจะเป็นเพราะสำนักหย่งชางต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตครั้งใหญ่ บวกกับพ่อของนางตาย ทำให้นางต้องขึ้นเป็นผู้รับผิดชอบทำหน้าที่ดูแลทั้งตระกูล ดังนั้นหลายปีมานี้ กลิ่นอายความวัยเยาว์บนตัวนางจึงลดน้อยลง มีกลิ่นอายของความเป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นหลายส่วน
ย้อนนึกถึงตอนนั้น ตอนที่หลัวซิวพบนางในเขตปกครองโตว้ไห่ครั้งแรก หญิงสาวคนนี้มีความเย่อหยิ่งเพียงใด?
เสียงสนทนาของพวกนางเบามาก แต่ก็ยังคงโดนหลัวซิวใช้ตัวสำนึกแอบฟัง
ดอกไห่ถังดาวตก?
หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะยิ้ม ดอกไห่ถังดาวตกเป็นเพียงยาทิพย์ที่สามารถเอามากลั่นเป็นยากลั่นจิตอัคคีม่วงระดับหกเท่านั้น ในสายตาของนักยุทธ์ทั่วไป บางทีอาจจะเป็นของล้ำค่าที่หายาก แต่สำหรับกองกำลังอย่างสำนักเสวียนหยาง พวกเขากลับไม่เห็นมันอยู่ในสายตา
เปรียบเหมือนคนจนที่เอาเงินออมทั้งชีวิตไปมอบของขวัญให้คนรวย เขาคิดว่าของขวัญที่เขาให้นั้นมีค่ามาก แต่สำหรับคนรวย มันไม่คุ้มที่จะเอ่ยถึงเลย ไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายในการดื่มกินด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่าพวกเย่เจียเอ๋อร์ไม่เข้าใจจุดนี้ เป็นเพราะถูกจำกัดโดยวิสัยทัศน์และความรู้
หลายปีผ่านไป ผลการฝึกตนของเย่เจียเอ๋อร์บรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้นแปด ผลการฝึกตนระดับนี้เพียงพอที่จะเผชิญหน้าโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลเพียงลำพัง อีกประมาณสิบปี นางน่าจะสามารถบรรลุถึงขั้นราชายุทธ์ กลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแนวหน้าของเขตปกครองโตว้ไห่
ชายวัยกลางคนที่ติดตามข้างกายของนางก็อยู่ในระดับฝึกจิตเช่นกัน คนหนึ่งฝึกจิตขั้นสี่ อีกคนเป็นฝึกจิตขั้นหก
ส่วนเด็กผู้หญิงที่ติดตามนางมาด้วยยังอยู่ห่างชั้นมากเกินไป นางผลการฝึกตนของนางเป็นเพียงพรสวรรค์ขั้นแปด
ในขณะเดียวกัน หลัวซิวได้รู้ข่าวอีกเรื่องหนึ่งจากบทสนทนาของพวกนาง บรรพชนของสำนักเสวียนหยางกำลังจะจัดงานวันเกิด?
“เจ้าเป็นอะไร?” เหยียนเยว่เอ๋อร์เห็นหลัวซิวใจลอย จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“ไม่มีอะไร แค่เห็นคนรู้จัก” หลัวซิวดึงความคิดของตนเองกลับมา พลิกมือเรียกกล่องส่งเสียงออกมาส่งข้อความให้สวีจิงเหนียน ถามเรื่องงานวันเกิด
“ท่านชายกลับถึงประเทศเทียนหวูแล้วเหรอ?”
สวีจิงเหนียนตอบข้อความกลับอย่างรวดเร็ว อธิบายว่า “ข่าววันเกิดของอาจารย์เสวียนหยางเพิ่งถูกปล่อยออกมาเมื่อไม่กี่วันนี้”
อาจารย์เสวียนหยางเป็นมกุฏยุทธ์ที่มีอายุยืนยาวมากที่สุดในบริเวณโดยรอบของประเทศเทียนหวู ปัจจุบันมีอายุสองพันแปดร้อยปีแล้ว ผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ทั่วไป จะจัดงานวันเกิดขึ้นหลังจากที่มีอายุสองพันปี ทุกหนึ่งร้อยปีจะจัดขึ้นหนึ่งครั้ง
วันเกิดของผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ ผู้คนทั่วสารทิศมาอวยพร กองกำลังเล็กใหญ่ภายในประเทศเทียนหวู โดยทั่วไปแล้วแทบจะทุกคนเดินทางมาอวยพรพร้อมกับของกำนัล
ตอนนี้สวีจิงเหนียนกำลังอยู่ในเมืองเสวียนหยาง เตรียมของกำนัลไว้เรียบร้อยแล้ว
“วันเกิด?……”
บนใบหน้าของหลัวซิวปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชา “ข้าจะทำให้วันเกิดของหลี่เสวียนหยางกลายเป็นวันตาย!”
หลังจากเข้าเมือง โรงเตี๊ยมภายในเมืองอัดแน่นไปด้วยผู้คน ร้านอาหารเล็กใหญ่ก็เต็มไปด้วยแขก
วันเกิดของอาจารย์เสวียนหยาง ถูกจัดขึ้นในบนภูเขาของสำนักเสวียนหยาง กำหนดการอยู่ที่สามวันหลังจากนี้ ในระหว่างนี้ ผู้ที่เดินทางมาอวยพร ล้วนแต่ต้องพักอาศัยอยู่ในเมืองเสวียนหยางชั่วคราว มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นบุคคลมีหน้ามีตา จึงจะถูกเชิญไปที่สำนักเสวียนหยางโดยตรง
ภายในห้องร้านอาหารระดับกลางแห่งหนึ่ง หลัวซิวได้พบกับสวีจิงเหนียนที่นั้น
“ท่านชาย” สวี่จิงเหนียนลุกขึ้นมาต้อนรับ ไม่ว่าหลัวซิวจะมีอายุน้อยกว่ามาก แต่ด้วยสถานะและภูมิหลังที่ลึกลับ กลับทำให้สวีจิงเหนียนปฏิบัติต่อเขาเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์
หลัวซิวยกมือขึ้นคำนับเช่นกัน หลังจากนั้นโบกมือสร้างม่านพลังต้องห้ามขึ้นโดยรอบของห้อง
สวีจิงเหนียนย่อมรู้จักเหยียนเยว่เอ๋อร์ ยกมือขึ้นคำนับถือเป็นการทักทาย
“ข้าขอแนะนำให้ท่านรู้จักก่อน ท่านทั้งสองเป็นอาวุโสมกุฎยุทธ์ที่ข้าเชิญมา” หลัวซิวหันไปแนะนำให้สวีจิงเหนียนรู้จักมุ่จื่อซิวและหนิงเหอโจว ส่วนสถานะโดยรวมของทั้งสองคนกลับไม่ได้เอ่ยถึง
หนังตาของสวีจิงเหนียนกระตุกเล็กน้อย สีหน้าดูหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด เขาคิดไม่ถึง การมาครั้งนี้ของหลัวซิว ถึงขั้นเชิญมกุฎยุทธ์มาถึงสองคน
ผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎยุทธ์ ในประเทศเทียนหวูแข็งแกร่งพอที่จะสยบผู้คนทั่วใต้หล้า
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับการโค่นล้มตำหนักจื่อ หลัวซิวก็ไม่ได้เอ่ยถึง เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน ข่าวการล่มสลายของตำหนักจื่อต้องแพร่กระจายไปทั่วแน่นอน