มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 464
งานยาไม้เสวียน ร้อยปีจัดขึ้นหนึ่งครั้ง ในอาณาเขตเทือกเขาเหิงหยุนพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร
บนท้องฟ้าที่อยู่เหนือหัวของทุกคน ได้ปรากฏห้องใต้หลังคา ที่ลอยขึ้นมาจากการใช้ค่ายกล และนี่ก็คือสถานที่จัดงานประมูลยา
เพียงแต่งานประมูลยาอย่างเป็นทางการนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนต่างมีคุณสมบัติเข้าร่วม จะต้องมีความสามารถในระดับจักรพรรดิยุทธ์ถึงจะได้
ความสามารถที่หลัวซิวได้แสดงออกมาในการต่อสู้เมื่อก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าสอดคล้องกับคุณสมบัติดังกล่าว ได้เขาไม่ได้มีความคิดว่าจะเข้าร่วมงามประมูลยาในครั้งนี้ ถ้าหากตาเฒ่าประหลาดมกุฎยุทธ์ของตระกูลหยูได้ตามมา จะต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่
“เจ้าสำนัก ถ้าหากพวกเราจากไปแบบนี้ จะไม่ทำให้ผู้อื่นดูถูกสำนักไท่เสวียนของพวกเราหรอกหรือ?” เกาเหลียนหงพลันกล่าวขึ้นมา
“ท่านก็พูดง่าย ตาเฒ่าประหลาดมกุฎยุทธ์เชียวนะ” หลัวซิวเบ้ปากอย่างหมดคำจะพูด แต่เพื่อรักษาหน้าเจ้าสำนักของตนเอาไว้ แน่นอนว่าจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด
เกาเหลียนหงยิ้มเล็กน้อย “เจ้าสำนักไม่ต้องกังวลไป ปกติแล้วผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์จะไม่มาร่วมงานประมูลยาด้วยตนเอง ผู้ที่มาส่วนมากล้วนอยู่ในแดนจักรพรรดิยุทธ์ ตระกูลหยูอยู่ห่างจากที่นี่ไปหลายล้านลี้ ต่อให้อาจารย์ของตระกูลหยูจะรีบเดินทางมา รอเขามาถึง พวกเราก็ได้จากไปนานแล้ว”
หลัวซิวได้ยินดังนั้น ก็เห็นว่าสมเหตุสมผล ดังนั้นจึงได้พยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ดูสิว่าจะได้พบของล้ำค่าอะไรในงานประมูลยา”
“พาข้าไปด้วยคนได้หรือไม่?” หลินจื่อเฟิงที่อยู่ด้านข้างพลันเอ่ยขึ้นมา
แม้ว่าความสามารถจะไม่ถึงขั้นจักรพรรดิยุทธ์ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานประมูลยา แต่ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมงานประมูลยาทุกคน สามารถพาผู้ติดตามเข้าร่วมได้สองคน
“พี่หลิน ท่านต้องเข้าร่วมงานประมูลยาพร้อมกับข้าในฐานะผู้ติดตาม มันจะไม่ทำให้ท่านไม่ได้รับความไม่เป็นธรรมหรอกเหรอ?” หลัวซิวยิ้มกล่าว
“พี่หลัวหยอกล้อเกินไปแล้ว จากความสามารถที่ท่านได้แสดงออกมาในเมื่อสักครู่ อย่าว่าแต่ผู้ติดตามเลย ท่านจะให้ข้าเป็นศิษย์ก็ยังได้” หลินจื่อเฟิงยิ้มกล่าวล้อเล่น
“ในเมื่อพี่หลินไม่รังเกียจ เช่นนั้นก็ไปดูด้วยกันเถอะ”
หลัวซิวพึ่งจะกล่าวจบ ก็ได้มีเสียงหนึ่งดังลอยมา “เจ้าสำหนักหลัวพาข้าไปด้วยอีกคนได้หรือไม่?”
เมื่อหันไปมอง หลัวซิวพบว่าคนที่เอ่ยขึ้นมานั้น เป็นเย่เฟยเทียนที่ได้ทำการแลกเปลี่ยนกับเขาเมื่อสักครู่นั่นเอง
“ตัวพี่เย่มีผลการฝึกตนที่แดนจักรพรรดิยุทธ์อยู่แล้ว สามารถเข้าร่วมงานประมูลยาได้โดยตรง ไม่เห็นจำเป็นต้องเสียแรงเปล่าแบบนี้เลย?” หลัวซิวกล่าวด้วยความสงสัย
เย่เฟยเทียนหายใจเข้าเฮือกใหญ่ เขากำหมัดคารวะ “ถ้าหากเจ้าสำนักหลัวไม่รังเกียจ เข้าอยากจะเข้าสำนักไท่เสวียน……”
จากนั้น เย่เฟยเทียนก็ได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมา ที่แท้ภรรยาของเขา มีชื่อว่าหยูหลัน เป็นคุณหนูสามแห่งตระกูลหยู
ทว่าตระกูลหยูกับเห็นว่าเย่เฟยเทียนเป็นเพียงผู้ฝึกตนที่ไม่มีหลักแหล่งไม่มีที่พึ่ง จึงได้ขัดขวางไม่ให้เขาและหยูหลันอยู่ด้วยกัน
ต่อมาทั้งสองฝ่ายได้เกิดการปะทะกัน จุดตันเถียนของหยูหลันได้รับบาดเจ็บ จะต้องใช้ยาเสวียนจือ ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลหยูมียาเสวียนจือเม็ดหนึ่งอยู่ในมือ แต่กลับได้เรียกร้องให้เย่เฟยเทียนนำดอกแท้สามมาแลก ถึงจะมอบยาเสวียนจือมาให้รักษาหยูเจิน
แต่เย่เฟยเทียนทราบดี ต่อให้เขาหาดอกสามแท้เจอ ตระกูลหยูจะต้องพลิกหน้ามือเป็นหลังมือทันที และตอนนี้หยูหลันยังถูกตระกูลหยูกักขังเอาไว้ เขาไม่อาจต่อกรกับตระกูลหยูได้ เมื่อเห็นหลัวซิวได้ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่แห่งตระกูลหยูได้รับบาดเจ็บหนัก แถมยังได้สังหารสามผู้อาวุโสจักรพรรดิยุทธ์ ดังนั้นจึงต้องการที่จะยืมใช้พลังของเขา เพื่อช่วยหยูหลัน
หลังจากได้ฟังเรื่องราวของเย่เฟยเทียนแล้ว หลัวซิวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าหากท่านคิดที่จะยืมพลังของสำนักไท่เสวียนมาต่อกรกับตระกูลหยู ข้าคงได้แต่กล่าวขอโทษแล้ว”
หลัวซิวเป็นคนที่มีหลักการ แม้ว่าสำนักไท่เสวียนในตอนนี้จะขาดแคลนยอดฝีมืออัจฉริยะ แต่สำหรับผู้ที่มีเป้าหมายส่วนตัว เขายอมขาดแคลนดีกว่ามีของไร้คุณภาพ
เหมือนว่าเย่เฟยเทียนได้คาดเดาถึงจุดนี้มาก่อนแล้ว จึงกล่าวขึ้นมาทันที: “ขอเพียงเจ้าสำนักหลัวยอมช่วยข้าช่วยหยูหลันออกมา ข้ายินดีให้เจ้าสำนักใช้วิชาสยบวิญญาณกับข้า ตลอดชีวิตนี้ จะไม่ทรยศสำนักอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวซิวก้ได้หลุดหัวเราะออกมา เย่เฟยเทียนมีผลการฝึกตนที่แดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่ บางทีสำหรับตระกูลหรือสำนักอื่น ๆ แล้ว เป็นยอดฝีมือที่หาได้ยาก แต่สำหรับสำนักไท่เสวียนในตอนนี้ จะมีหรือไม่มีก็ได้
ดังนั้น เย่เฟยเทียนเอ่ยเงื่อนไขเช่นนี้ออกมา สำหรับหลัวซิวแล้วมันไม่ได้มีแรงดึงดูดใด ๆ เลย
หลัวซิวส่ายหน้า และไม่ได้สนใจคนผู้นี้อีก เขาลอยตัวขึ้น มุ่งหน้าไปยังห้องใต้หลังคาที่ลอยอยู่ในอากาศ