หลังจากนั้นหลัวซิวก็นำเอายาวิเศษระดับหกขึ้นไปจากองค์กรนักล่ายุทธ์ กลับไปที่สำนักไท่เสวียน
ถึงแม้ในตอนนี้คนในสำนักไท่เสวียนจะยังไม่มาก เหล่าศิษย์นอกสำนักที่คัดเลือกมาจากตระกูลสวี ผลการฝึกตนก็ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มีวิชายุทธ์มากมายที่เก็บมาจากหอเสวียนดำ รวมกับพลังฟ้าดินจิตที่เข้มข้นของสำนักเขาไท่เสวียน และยาที่ได้รับประจำจากหอกลั่นยา ส่วนมากต่างก็บรรลุถึงพรสวรรค์ช่วงปลายแล้ว มีหลายคนที่ใช้เวลาไม่นานก็สามารถบรรลุถึงแดนฝึกจิตแล้ว
สำหรับผู้ดูแลนอกสำนักหลายคนที่มาจากตระกูลสวีนั้น กลับไม่ก้าวหน้าสักเท่าใด เพราะเดิมทีแล้วพวกเขาก็มีผลการฝึกตนอยู่ในระดับแดนราชายุทธ์ ถึงแม้จะมีพรสวรรค์ส่วนตัวไม่เลว แต่เพราะว่าก่อนหน้านี้เคยได้ใช้หนทางที่ไม่ปกติมามากมายในการฝึกตน ดังนั้นจึงแทบจะไม่มีโอกาสไปต่อได้แล้ว
ศิษย์ในสำนักหนึ่งเดียวคนนั้น หลินจื่อเฟิงก็ตั้งใจชี้แนะจนถึงที่สุด ในวันนี้ก็บรรลุถึงแดนฝึกจิตขั้นหก
ผลการฝึกตนของเหยียนเยว่เอ๋อร์ก็พัฒนาไปมากทีเดียว ตอนนี้ได้ข้ามจักรพรรดิยุทธ์ช่วงกลางไป จนบรรลุถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสี่แล้ว
“เจ้าสำนัก!”
ที่ตำหนักวัฏสงสาร สวีจิงเหนียนและเกาเหลียนหง ผู้คุมกฎทั้งสองคนเดินเข้ามา คารวะหลัวซิว
“ครั้งนี้เรียกทั้งสองมา เป็นการแจ้งแก่เจ้าทั้งสองว่า ต่อไปในทุก ๆ เดือนพวกเจ้ามีเวลาสามวันเพื่อเข้าไปฝึกตนในหอคอยฝึกตนที่แดนตำหนักจื่อ ผู้ดูแลนอกสำนักและผู้ดูแลในสำนัก ทุก ๆ เดือนจะมีเวลาหนึ่งวันสามารถเข้าไปในหอฝึกฝนแดนปริศนา” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม
ได้ยินเช่นนี้ สวีจิงเหนียนและเกาเหลียนหงต่างก็เผยสีหน้าทั้งประหลาดใจและดีใจ พวกเขาย่อมรู้ดีว่าภายในแดนตำหนักจื่อนั้นมีพลังฟ้าดินจิตเข้มข้นอย่างมาก เหมาะแก่การฝึกตนอย่างมาก ต่อให้มีเวลาเพียงสามวันต่อเดือนในการฝึกตนในนั้น ผลลัพธ์นั้นก็คุ้มค่าจนสามารถเทียบเท่าการฝึกสามปีได้เลย!
จนถึงตอนนี้ หลัวซิวไม่ได้วางแผนจะเปิดหอคอยฝึกตนแห่งแดนตำหนักจื่อให้กับศิษย์ทั้งในและนอกสำนัก ถึงอย่างไรก็เป็นสถานที่ที่ดีของสำนัก หากสามารถเข้าถึงได้ง่าย ๆ นั่นก็จะไม่สามารถแสดงถึงความล้ำค่าของมันได้
“หากใครสามารถมีส่วนช่วยทำให้กับสำนักได้ ก็สามารถรับรางวัลเป็นเวลาในการเข้าไปในหอฝึกฝนแดนปริศนา”
หลัวซิวพูดเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการตั้งกฎเกณฑ์บางอย่างไว้ล่วงหน้าก่อนเปิดสำนักเขา
หลังจากนั้น หลัวซิวก็เอาม้วนหยกออกมา ด้วยการควบคุมของพลังจิตแท้ มันลอยไปทางสวีจิงเหนียน
“ข้อกำหนดของศิษย์ในสำนัก ให้เป็นหน้าที่ของผู้คุมกฎสวีรับผิดชอบ เจ้าลองดูเนื้อหาด้านในม้วนหยก หากมีส่วนใดต้องการเพิ่มเติม เจ้าก็สามารถเพิ่มเติมเข้าไปได้” หลัวซิวกล่าวเช่นนั้น
สวีจิงเหนียนเอื้อมมือไปรับมา เมื่อดูเนื้อหาในม้วนหยก ก็อดที่จะตกใจไม่ได้
“ศิษย์นอกสำนัก ทุก ๆ เดือนสามารถรับยาระดับสามที่หอกลั่นยาได้หนึ่งเม็ด ผลการฝึกตนระดับฝึกจิตสามารถรับยาระดับสี่ได้หนึ่งเม็ด? ศิษย์ในสำนัก ทุก ๆ เดือนสามารถรับยาที่หอกลั่นยา โดยผลการฝึกตนแดนฝึกจิตสามารถรับยาระดับสี่ได้สามเม็ด ผลการฝึกตนแดนราชายุทธ์รับยาระดับห้าได้สามเม็ด? ผลการฝึกตนแดนจักรพรรดิยุทธ์ทุกเดือนสามารถรับยาระดับหกได้สองเม็ด ผลการฝึกตนแดนมกุฎยุทธ์ทุกเดือนสามารถรับยาระดับเจ็ดได้หนึ่งเม็ด?”
สวีจิงเหนียนเมื่อเห็นเนื้อหาในส่วนนี้ ก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย “เจ้าสำนัก ถ้าหากเป็นเช่นนี้ ทุก ๆ เดือนหอกลั่นยาของพวกเราก็ต้องจ่ายยาออกเป็นจำนวนมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้?”
ในมุมมองของสวีจิงเหนียน ในตอนนี้สำนักยังมีศิษย์น้อยอยู่ การใช้จ่ายตามกฎนี้เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่หากต่อไปเปิดสำนักเขาใหญ่ รวบรวมศิษย์ได้เป็นจำนวนมากเมื่อใด นั่นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว
ถึงอย่างไร จำนวนยาที่เยอะขนาดนี้ ต่อให้เป็นสำนักเสวียนหยาง สำนักฉางเหอก็คงจะไม่สามารถรับภาระได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสำนักไท่เสวียนที่เพิ่งก่อตั้งเลย
สำหรับสิ่งนี้ หลัวซิวกลับยิ้มโดยไม่ได้มีความกังวลใดใด “เรื่องยานั้นเจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าเพียงทำตามกฎที่ข้าเขียนไว้ให้ลุล่วงก็พอ”
หลัวซิวเชื่อว่า ด้วยสถานะของเขาที่เป็นถึงประธานแก๊งแห่งแก๊งนักกลั่นยาในตอนนี้ ไม่นานก็จะมีนักกลั่นยาจำนวนไม่น้อยมาพึ่งพาสำนักไท่เสวียน อีกทั้งยังมีแก๊งนักกลั่นยาเป็นกองหนุนอีก การกลั่นยาจำนวนมาก มันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
เพียงแต่ว่ายาระดับหกขึ้นไป จำเป็นต้องให้ตัวเขาเป็นคนลงมือกลั่นด้วยตนเอง