“หลี่เสวียนหยางยังไม่ตาย ข้าก็ไม่สามารถอยู่ได้อย่างวางใจ จิตใจมันไม่สงบ” อาจารย์สำนักฉางเหอไตร่ตรองครู่หนึ่ง “เช่นนั้นข้อเสนอนั้นคืออะไร ปรมาจารย์กลั่นยาท่านนั้นจึงจะยอมเคลื่อนไว?”
“เหมือนครั้งก่อนที่อาจารย์สำนักฉางเหอมอบให้ข้า พวกก้อนหินสีเทานั่นก็เพียงพอ ครั้งก่อนข้าให้ท่านอาจารย์ดู ก็ถูกเขาแย่งไปทันที” หลัวซิวพูดด้วยสีหน้าเหยเก
อาจารย์สำนักฉางเหอได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็พลันลำบากใจขึ้นมา ในตอนแรกเขามอบหินตรีภพชิ้นหนึ่งให้กับหลัวซิวเป็นการปาหินถามทาง ถึงอย่างไรเขาไม่รู้ว่าหินตรีภพที่แท้มันใช้งานอย่างไร
แต่สิ่งที่เขากังวลใจมากที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เจ้าหนุ่มหลัวซิวคนนี้กลับจดจำหินตรีภพที่อยู่ในมือเขาได้
หลี่เสวียนหยางจิตใจหมกมุ่นอยู่กับการเล่นงานสำนักฉางเหอ เป้าหมายก็คือหินตรีภพเช่นกัน
อาจารย์สำนักฉางเหอขมวดคิ้วอยู่นาน “หินชนิดนั้น ข้ารู้เพียงมันเรียกว่าหินตรีภพ ไม่รู้ว่ามันใช้ทำอะไรได้ ถ้าหากเจ้าสำนักหลัวสามารถบอกข้าได้ว่าเจ้าก้อนหินนั้นสามารถทำอะไรได้บ้าง ข้าก็สามารถนำหินชิ้นสุดออกมาให้ได้”
หลัวซิวได้ยินดังนั้น ในใจคิดแล้วว่ามีเรื่องสนุก ก็รีบพูดทันที “ที่แท้ก้อนหินนั้นคือหินตรีภพนี่เอง ส่วนประสิทธิผลของมันนั้น อาจารย์ของข้าเขาเคยกล่าวถึง ดูเหมือนว่าจะเอามาเพื่อช่วยในการกลั่นยา สามารถยกระดับอัตราการสำเร็จในการกลั่นยา”
พอพูดถึงตรงนี้ หลัวซิวก็ยิ้มออกมาบาง ๆ “ข้าคิดว่าสมบัติที่ช่วยยกระดับอัตราการสำเร็จในการกลั่นยา สำหรับนักกลั่นยาคนหนึ่งสำคัญเสียจนไม่อาจคาดการณ์ได้ ไม่ต้องให้ข้าพูด ท่านอาจารย์สำนักฉางเหอก็น่าจะเข้าใจดี”
“โดยเฉพาะเมื่อถึงแดนปรมาจารย์กลั่นยา เป็นเรื่องยากมากที่จะเพิ่มอัตราความสำเร็จได้แม้เพียงสักหนึ่งส่วน ดังนั้นเมื่อเห็นหินชนิดนั้น เขาจึงรีบคว้ามันไว้เหมือนสมบัติล้ำค่า”
การร่ายยาวของหลัวซิวนี้ อาจารย์สำนักฉางเหอเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อเห็นหลัวซิวที่ดูทีท่าไม่เหมือนกำลังพูดโกหก สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดในทันใด
“ไม่รู้ว่าหินตรีภพนั้น อาจารย์สำนักฉางเหอยังมีอีกกี่ชิ้น? ข้าคิดว่าท่านอาจารย์ของข้าน่าจะเสนอราคาให้ท่านได้ในราคาที่ท่านพอใจ” หลัวซิวพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ข้าได้รับมาทั้งหมดสองชิ้น แต่ไม่เคยรู้เลยว่ามันมีวิธีการใช้อย่างไร เพราะมันคือสมบัติที่ช่วยยกระดับอัตราการสำเร็จในการกลั่นยา ถึงให้อยู่ในมือของข้าต่อไปก็คงจะเป็นสิ่งที่เสียเปล่า สู้นำออกมาแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ของเจ้าสำนักหลัว ท่านคิดว่าอย่างไร?”
อาจารย์สำนักฉางเหอก็เปลี่ยนใจกะทันหัน คิดจะเอาหินตรีภพชิ้นที่สองมาแลกกับสมบัติบางอย่าง
หลัวซิวพยักหน้า เขาหยิบกล่องส่งข้อความออกมา ทำท่าทำทางเหมือนส่งข้อความ “ข้าคิดว่า ท่านอาจารย์ของข้าน่าจะเห็นด้วย”
จากนั้นสักพัก หลัวซิวก็เก็บกล่องส่งข้อความ มองไปทางอาจารย์สำนักฉางเหอ “ท่านอาจารย์ตกลงแล้ว หากเป็นหินตรีภพขนาดเท่า ๆ กับครั้งก่อน สามารถกลั่นยาระดับเจ็ดได้สี่เม็ด ที่องค์กรนักล่ายุทธ์การประกาศภารกิจรางวัลนำจับโดยให้มกุฎยุทธ์เคลื่อนไหวนั้น ต้องการสองเม็ด ข้าและท่านจ่ายกันคนละเม็ด อาจารย์สำนักฉางเหอก็จะสามารถได้รับยาระดับเจ็ดสามเม็ด”
“สามเม็ด?” อาจารย์สำนักฉางเหอขมวดคิ้ว เขาสามารถมั่นใจได้ว่า หินตรีภพนี้ต้องไม่ใช่สมบัติธรรมดาแน่นอน หากเพียงสามารถแลกได้แค่ยาระดับเจ็ดสามเม็ด เขาก็รู้สึกว่าตยต้องขาดทุนแน่นอน
หลัวซิวก็สามารถเดาได้คร่าว ๆ ถึงความคิดในใจของอาจารย์สำนักฉางเหอ จึงพูดพร้อมรอยยิ้ม “หินตรีภพถึงแม้จะสามารถช่วยยกระดับอัตราความสำเร็จของการกลั่นยา แต่ก็ไม่ใช่แบบที่สามารถยกระดับได้อย่างถาวร เพียงสามารถยกระดับได้สองสามครั้ง ผลนั้นก็จะหายไป นำมาแลกยาระดับเจ็ดสามเม็ด ความจริงก็ถือว่ามากอยู่”
ยาระดับเจ็ดในประเทศเทียนหวูนี้ประเมินค่าไม่ได้ แม้แต่ที่อื่นก็ยากจะจับต้องได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือปรมาจารย์กลั่นยาขั้นเจ็ดขึ้นไปนั้นมีน้อยมาก
อาจารย์สำนักฉางเหอย่อมรู้เรื่องนี้ดี โดยไม่มีทางเลือก เขาได้หยิบหินตรีภพออกมาแล้วพูดว่า “หินตรีภพชิ้นนี้ใหญ่กว่าครั้งก่อนสักหน่อย สามารถแลกยาได้มากที่สุดกี่เม็ดหรือ?”
ครั้งก่อนหลัวซิวได้รับหินตรีภพมามีขนาดใหญ่เท่ากำปั้นเด็กทารก แต่ครั้งนี้ที่อาจารย์สำนักฉางเหอนำออกมา กลับมีขนาดเท่ากับกำปั้นของเด็กอายุประมาณ7-8ขวบ
ในใจของหลัวซิวนั้นดีใจจนดอกไม้แทบจะบานในใจเขาอยู่แล้ว แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงแกล้งทำเป็นลำบากใจอยู่เช่นเดิม “ยาระดับเจ็ดนั้นวัตถุดิบหายากมาก กลั่นก็ไม่ง่าย อย่างมากก็เพิ่มให้ท่านได้อีกเพียงหนึ่งเม็ด”