มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 525
แม้ว่าสำนักไท่เสวียนจะเพิ่งเริ่มก่อตั้ง แต่เพราะชื่อเสียงของหลัวซิว ที่โด่งดังในแผ่นดินประเทศเทียนหวูแห่งนี้ เรื่องสำคัญอย่างพิธีเปิดสำนักจึงดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมาก
“จักรพรรดิยุทธ์หยวนเฉิง ประธานแก๊งองค์กรนักล่ายุทธ์ ขอเข้าทำความเคารพ!”
“อาจารย์หงหมิง ประธานแก๊งนักหลอมอาวุธ ขอเข้าทำความเคารพ!”
“……”
ผู้ที่มีหน้ามีตาใหญ่โตในประเทศเทียนหวูต่างพากันมาที่นี่ แต่หลัวซิวไม่ได้ออกไปต้อนรับคนพวกนี้ด้วยตัวเอง โดยให้เหว้ยห้าวหรานทำหน้าที่แทน
เนื่องด้วยตอนนี้เขามีฐานะเป็นเจ้าสำนัก แม้ว่าจะไม่อยากโอ้อ้วดตน แต่ก็ต้องรักษาฐานะของตน วางตัวให้ยิ่งใหญ่
เหว้ยห้าวหรานเองก็เป็นหนึ่งในประธานแก๊งสี่แก๊งที่ยิ่งใหญ่ การที่คนฐานะอย่างเขาไปต้อนรับแขกก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติคนพวกนี้มากแล้ว จึงไม่มีใครติดใจเรื่องนี้
เมื่อเห็นว่าเหว้ยห้าวหรานกลายเป็นผู้คุมกฎของสำนักไท่เสวียนแล้ว คนพวกนี้ต่างแสดงออกแตกต่างกัน โดยไม่รู้ว่าในใจของพวกเขาคิดอะไรกันบ้าง
หัวหน้าแก๊งเหวินเซวียนหงของเขตการปกครองหยุนหลง รวมทั้งหัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานของเขตการปกครองโตว้ไห่ก็มาทำความเคารพด้วย แม้ว่าตอนนี้ฐานะของหลัวซิวจะเหนือกว่าพวกเขา แต่ในตอนที่เขาเข้ามาในเส้นทางของการฝึกยุทธ์ใหม่ๆ เขาก็ได้คนทั้งสองคนนี้เป็นคนช่วยดูแลอย่างดี
หลัวซิวคิดเอาไว้แล้วว่าพิธีเปิดสำนักจะต้องไม่ราบรื่น ตามที่เขาได้รับข่าวคราวจากแก๊งนักล่ายุทธ์ สำนักอัสนีวายุได้ส่งผู้อาวุโสขั้นมกุฎยุทธ์มาถึงสามคน ทางด้านอาณาจักรตะวันตกก็มีเพื่อนของป๋ายหลี่หยวนหลงและเจียงตงหลิว ไหนจะยังมีเบื้องหลังหยูเชียนฮั่วอย่างผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์ ซึ่งจะสร้างความกดดันได้มากกว่ามกุฎยุทธ์
“เฮอะ ไท่เสวียนโบราณคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพวกเรา ถึงขั้นกล้าเอาไท่เสวียนมาเป็นชื่อของตน คิดว่าตนเองเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้บุกเบิกแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ”
น้ำเสียงไม่เป็นมิตรดังลอยเข้ามาจากด้านนอกสำนัก เป็นผู้อาวุโสสวมใส่เสื้อผ้าของสำนักอัสนีวายุของอาณาจักรตะวันออกสามคน ด้านหลังยังพาลูกศิษย์ที่ขี่อยู่ด้านบนสุดของเรือรบที่ออกมาฝึกฝนมาด้วย พวกเขามองลงมายังสำนักไท่เสวียนอย่างดูแคลน
การกระทำเช่นนี้ในพิธีเปิดสำนัก ถือเป็นพฤติกรรมที่ยั่วยุและไม่ให้เกียรติอย่างยิ่ง
หลัวซิวเหลือบตาขึ้นไปมองอย่างเรียบเฉย เขารู้จักคนทั้งสามคนนี้ นั่นก็คือผู้อาวุโสมกุฎยุทธ์ทั้งสามของสำนักอัสนีวายุ และเพราะสามคนนี้เองที่ทำให้สำนักเขาเทียนเหอต้องล่มสลายลง
คนทั้งสามคนนี้ คนหนึ่งมีนามว่าหยูฉู่เซิง อีกคนหนึ่งมีนามว่าซือทงจวิน และอีกคนมีนามว่าจางไห่หยวน
สำนักอัสนีวายุของอาณาจักรตะวันออกมีผู้อาวุโสหกคน ซุนเชียนซางที่ตายไปแล้วอยู่ในลำดับที่หก เขามีพลังอ่อนแอที่สุด ห่างชั้นกับคนทั้งสามคนนี้มาก
“พิธีเปิดสำนักเขาไท่เสวียนของเราวันนี้ หากพวกท่านมาเพื่อแสดงความยินดี พวกเราสำนักไท่เสวียนก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าไม่ได้มาแสดงความยินดีก็เชิญกลับไปเถิด” เหว้ยห้าวหรานก้าวออกมาพูด
“ผู้อาวุโสจงของเราอยู่ตรงนี้ทั้งคน แกเป็นใครกันถึงได้กล้าพูดแบบนี้” จักรพรรดิยุทธ์ผู้คุมกฎของสำนักอัสนีวายุที่อยู่ด้านหลังของผู้อาวุโสมกุฎยุทธ์ทั้งสาม เดินออกมากล่าวเสียงแข็ง
เมื่อเหว้ยห้าวหรานได้ยินคำพูดดังนี้สีหน้าของเขาก็หม่นหมองลง นิสัยของเขาเป็นคนตรงไปตรงมาโดยตลอด หากวันนี้ไม่ใช่งานพิธีเปิดสำนักไท่เสวียนที่ต้องระวังการกระทำของตัวเอง ป่านนี้เขาคงเข้าไปต่อยหน้าคนพวกนี้แล้ว
“ได้ยินมาว่าแกก็เป็นแค่ผู้คุมกฎของสำนักเล็กๆ ที่ไม่เอาไหน คงต้องให้ผู้คุมกฎของสำนักอัสนีวายุอย่างข้าสั่งสอนให้รู้เสียบ้างว่าอะไรคือกฎอะไรคือระเบียบ!”
วัตถุประสงค์ของคนพวกนี้ที่มาจากสำนักอัสนีวายุก็เพื่อมาก่อกวนอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็พยายามมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่สามารถผ่านค่ายพิทักษ์เขาเข้ามาได้
วันนี้จึงใช้โอกาสที่มีพิธีเปิดสำนักไท่เสวียน หากอีกฝ่ายยังหดหัวไม่กล้าออกมาจากค่ายกลอีก ก็คงจะถูกหักหน้าอย่างแรง
ระหว่างที่กล่าวผู้คุมกฎของสำนักอัสนีวายุก็เริ่มลงมือ พลังจิตแท้ของเขาก่อตัวกลายเป็นมังกรที่พุ่งทะยานเข้าใส่เหว้ยห้าวหรานอย่างดุดัน
การฝึกตนของเหว้ยห้าวหรานไม่สูงนัก อยู่ในแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 4 เท่านั้น แต่ผู้คุมกฎของสำนักอัสนีวายุเป็นถึงจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 6 นั่นคือสาเหตุที่เขากล้าลงมืออย่างอุกอาจเช่นนี้
“บังอาจนักที่กล้ามาอาละวาดงานเปิดสำนักเขาไท่เสวียน ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”
เหว้ยห้าวหรานโกรธจัด เขายกมือกวัดแกว่ง หุ่นเชิดขั้น 6 สีดำทะมึนจึงปรากฏออกมา ก่อนที่จะต่อยไปที่มังกรตัวนั้นจนแตกละเอียด