ตอนที่ 1030 ข่าวลือของภูเขาเทพไร้มรณะ
“ข้าว่าเจ้ารู้ที่มาของข้าแล้ว ยังจะตามข้ามาทำไม ไม่กลัวเดือดร้อนหรือ” หลินสวินเหลือบมองเซียวชิงเหอปราดหนึ่ง
“เอ่อ…” เซียวชิงเหอหลุดจากภวังค์ความคิด พลันถามว่า “เดือดร้อนอะไร”
หลินสวินเตือนอย่างจริงจัง “นับนิ้วดูแล้ว นอกจากเหล่าสำนักในแดนฐิติประจิม เพียงแค่ในแดนชัยบูรพา แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์และสำนักกระบี่เทียมฟ้าก็เห็นข้าเป็นศัตรูแล้ว เจ้าอยู่กับข้า ไม่กลัวถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกับข้าหรือ”
เซียวชิงเหอหัวเราะเยาะ “เจ้ายังไม่กลัวเลย ข้าจะกลัวอะไร”
สีหน้าของเขาแฝงความเย่อหยิ่ง ในฐานะหนึ่งในสิบหกสุริยันผู้กล้าแห่งตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เขาก็ไม่ได้กลัวความเดือดร้อนอะไรเลยจริงๆ
“เช่นนั้นเจ้าคิดจะตามข้าอยู่แบบนี้หรือ” หลินสวินขมวดคิ้ว
เซียวชิงเหอท่าทางบอบช้ำมาก พลันเอ่ย “พี่หลิน พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกันนะ ข้า…”
“หยุด!” หลินสวินตัดบท “เจ้าอยากตามข้าก็ได้ แต่เจ้าก็ควรบอกข้าว่าเพราะอะไรไม่ใช่หรือ”
เซียวชิงเหอพูดพร้อมสีหน้าเคารพเลื่อมใส “พี่หลิน เจ้าคิดมากไปแล้ว ในบรรดาคนรุ่นเดียวกัน นอกจากศิษย์พี่หมีเหิงเจินและเจ้าแล้ว ชาตินี้ข้าเซียวชิงเหอก็ไม่เคยชื่นชมใครอีกเลย”
หยุดไปครู่หนึ่งเขาจึงพูดอย่างครุ่นคิด “ในฐานะสหาย ข้าอยากชวนเจ้าไปภูเขาเทพไร้มรณะเพื่อร่วมการแข่งขัน ‘กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์’ ที่จะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”
ไม่รอให้หลินสวินถาม เขาก็อธิบายเรื่องกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์นี้รอบหนึ่ง
ในแดนชัยบูรพา ทุกๆ ห้าปีจะมีการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ครั้งหนึ่ง
ในเวลานั้นผู้กล้ารุ่นเยาว์ที่มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติจะรวมตัวกันที่ ‘ภูเขาเทพไร้มรณะ’ เพื่อแข่งขัน
สุดท้ายมีเพียงผู้แข็งแกร่งสามสิบหกอันดับแรกจึงจะได้รับโชควาสนามหามรรค!
“โชควาสนามหามรรคงั้นหรือ” หลินสวินหัวใจสะท้าน
“ใช่ เจ้าก็รู้ว่าไร้โชควาสนาไม่อาจจะเป็นราชัน!”
เซียวชิงเหอสายตาร้อนระอุ “โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าอยากบรรลุสู่มกุฎราชันหลังจากมหายุคมาเยือน พึ่งพาศักยภาพของตนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ จะต้องช่วงชิงและสั่งสมโชควาสนา โชควาสนายิ่งแข็งแกร่ง โอกาสที่จะทะลุสู่ระดับราชันก็ยิ่งมาก!”
นี่คือความเห็นพ้องของสำนักใหญ่โบราณทั่วหล้า
“ภูเขาเทพไร้มรณะนั่น เป็นถึงเขตแดนลี้ลับที่เรียกได้ว่าวิเศษอัศจรรย์มาตั้งแต่สมัยบรรพกาล จนปัจจุบันยังไม่เคยมีคนค้นพบที่มาของมัน”
“ในสมัยโบราณเล่ากันว่า ภูเขานี้เกิดขึ้นพร้อมกับโชควาสนาฟ้าดิน มีคุณสมบัติพิเศษที่เป็นอมตะ สามารถดำรงอยู่นิจนิรันดร์ อยู่ยงคงกระพัน”
“และมีข่าวลือว่า ภูเขานี้เป็นหนึ่งในต้นกำเนิดมหามรรคที่เก่าแก่ที่สุดของดินแดนรกร้างโบราณ เคยมีเทพสวรรค์ที่กำเนิดในปฐมกาลอาศัยอยู่ที่นี่…”
เซียวชิงเหอเอ่ยเสียงทอดถอนใจ “สรุปแล้วข่าวลือเกี่ยวกับภูเขาเทพไร้มรณะเยอะเกินไป แต่ในกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด จนตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้”
“ภูเขาเทพไร้มรณะอยู่ที่ไหน” หลินสวินถาม
“พี่หลินหวั่นไหวแล้วหรือ”
เซียวชิงเหอตาเป็นประกาย “ข้าคิดว่าด้วยพลังต่อสู้ของเจ้า ย่อมสามารถเข้าไปเป็นหนึ่งในสามสิบหกผู้แข็งแกร่งในการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์อย่างแน่นอน”
“ข้าถามเจ้าว่าภูเขานี้อยู่ที่ไหน” หลินสวินรู้สึกจนปัญญาขึ้นมา
“เขตหวงห้ามไร้มรณะ!”
เซียวชิงเหอตอบอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด “หากเจ้าเข้าร่วม ข้าสามารถนำทางเจ้าได้”
เขาพูดต่อ “เขตหวงห้ามไร้มรณะเป็นหนึ่งในห้าเขตหวงห้ามแห่งแดนชัยบูรพา มีเพียงขุมอำนาจสำนักโบราณจึงจะครอบครอง ‘แผนภาพลับนำทาง’ ที่เข้าไปภายใน ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ แม้มีพลังต่อสู้พลิกฟ้า แต่ถ้าอยากเข้าไปก็ต้องขอความช่วยเหลือจากสำนักโบราณที่ใดสักแห่งหนึ่ง”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจแล้ว
ในใจเขาอดถอนหายใจไม่ได้ นี่คือความจริง ในดินแดนรกร้างโบราณ สำนักโบราณเหล่านั้นเป็นเหมือนผู้คุมอำนาจที่ครอบครองฟ้าดิน ควบคุมทรัพยากรฝึกปราณทั้งหมด
หากไม่ใช่ผู้สืบทอดสำนักโบราณ แม้พรสวรรค์และพลังต่อสู้จะเยี่ยมยอดเพียงใด ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์!
เป็นเช่นนี้เรื่อยมา การที่ผู้สืบทอดสำนักโบราณใช้ทรัพยากรฝึกปราณต่างๆ ก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ย้อนกลับมาดูที่ผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ อยากจะลืมตาอ้าปากก็กลายเป็นเรื่องที่ยากขึ้นเรื่อยๆ!
……
สุดท้ายหลินสวินตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ในครั้งนี้
จะว่าไป การแข่งขันครั้งนี้ยังมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับ ‘การประลองกระดานดาราสี่แดนวิภู’ ที่กำลังจะมาถึงในอีกหนึ่งปีข้างหน้า
สถานที่แข่งขันของทั้งสอง ล้วนอยู่ในเขตหวงห้ามไร้มรณะ
สามสิบหกอันดับแรกของกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เรียกว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับยอดมกุฎรุ่นเยาว์
ส่วนสิบอันดับแรกของการประลองกระดานดาราสี่แดนวิภูจะเป็น ‘ยอดมกุฎ’ ที่แท้จริง!
……
ทว่าการแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์จะเริ่มขึ้นหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน ก่อนหน้านั้นหลินสวินตัดสินใจจะไปแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณสักรอบ
แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตั้งอยู่ในแคว้นหมึกขาว ห่างจากแคว้นพยัคฆ์มังกรที่พวกหลินสวินอยู่ตอนนี้เพียงสามแคว้น ไม่ถือว่าไกลนัก
ในเมื่อมาถึงแดนชัยบูรพาแล้ว แน่นอนว่าหลินสวินจะต้องไปเยี่ยมจ้าวจิ่งเซวียนสักหน่อย
นึกถึงผู้หญิงที่ชัดเจนและเป็นอิสระคนนี้ มุมปากของหลินสวินก็อดเผยรอยยิ้มไม่ได้
หลังจากแยกกันนอกแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ตอนนั้น พวกเขาก็ไม่ได้พบกันมาหลายปีแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มรรคของนางไปถึงขั้นไหนแล้ว
หนึ่งวันหลังจากนั้น
หลินสวินและเซียวชิงเหออาศัยค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณมาถึงภายในอาณาเขตของแคว้นหมึกขาว จากนั้นก็เหินทะยานกลางอากาศอยู่นานครึ่งวัน ในที่สุดก็มาถึงเมืองเนินยุทธ์
เขาสามกระจ่างซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ อยู่ท่ามกลางภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาลที่ห่างไกลจากเมืองเนินยุทธ์พันลี้
ในหอสุราแห่งหนึ่ง
เซียวชิงเหอมองหลินสวินที่อยู่เบื้องหน้า ลังเลอยู่นานจึงอดถามไม่ได้ “หลินสวิน เจ้ามาแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณครั้งนี้เพื่อการใดกันแน่”
“ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่ามาเยี่ยมสหายเก่าคนหนึ่ง” หลินสวินพูดสบายๆ
“แต่เหตุใดเจ้าต้องแปลงกาย” เซียวชิงเหอไม่เข้าใจอย่างมาก
หลินสวินในตอนนี้แต่งตัวเป็นบัณฑิตผอมบางอ่อนแอ หากไม่ใช่เพราะเห็นกับตาเขาเองก็จำไม่ได้
“หากผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณจำข้าได้ อาจจะเกิดความวุ่นวายไม่น้อย”
หลินสวินพูดออกมาเช่นนี้ เซียวชิงเหอก็ตบหน้าผากทันที พลันร้องโวย “ข้าว่าแล้วว่าต้องมีปัญหา!”
จากนั้นเขาก็อดสื่อจิตถามไม่ได้ ‘เจ้า… มีความแค้นกับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณใหญ่หลวงแค่ไหน’
‘เคยฆ่าศิษย์สืบทอดแท้จริงคนหนึ่งของพวกเขา และเคยทำให้ศิษย์สืบทอดแท้จริงกลุ่มหนึ่งของพวกเขาอับอาย อืม ใช่สิ มีเจ้าเฒ่าที่นามว่าเกาหยางอีกคนที่เกลียดข้าเข้ากระดูก…’
หลินสวินครุ่นคิดแล้วพูด ในหัวอดนึกถึงแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแดนลับอสูรมารอริยะภายในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้
ตอนนั้นจ้าวจิ่งเซวียนเคยพาเขาและกองทัพขบวนหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ไปแสวงหาวาสนาที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน
แต่ภายหลังกลับเกิดความขัดแย้งนองเลือดขึ้นระหว่างเขากับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ
หลินสวินยังจำได้ว่ากงหยางอวี่ตายในมือตน ส่วนเซียวหรัน ซูซิงเฟิง เหวินเสียงและอวิ๋นเช่อ ถือว่าพ้นเคราะห์ไปครั้งหนึ่ง
นี่ก็ทำให้อีกฝ่ายเกลียดตนเข้ากระดูกแล้ว
ในสถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินไม่อยากเปิดเผยเกินไปจนถูกแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณรู้ฐานะตน เขามาครั้งนี้เพียงเพื่อมาเยี่ยมจ้าวจิ่งเซวียนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ได้ยินเรื่องพวกนี้แล้ว เซียวชิงเหออึ้งงันไปอย่างสิ้นเชิง สายตาที่มองหลินสวินแฝงความซับซ้อนที่พูดไม่ออก
‘เพิ่งเข้าสู่แดนชัยบูรพา ก็ป่วนจนแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่นวุ่นวายอลม่าน โกรธจนคลั่ง ตามฆ่าเจ้าทั่วหล้า’
‘จากนั้นก็ไปที่นครหยกขาว ทำลายห้าสถิติของอวิ๋นชิ่งไป๋ในรวดเดียว ทำให้สำนักกระบี่เทียมฟ้าเองก็เดือดดาล ใบหน้าอับแสง’
‘วันนี้แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณยังมีความแค้นกับเจ้า ชาตินี้ข้าเซียวชิงเหอไม่เคยนับถือใคร ตอนนี้นับถือเพียงแค่เจ้าหลินสวินคนเดียว!’
เซียวชิงเหอถอนหายใจ สำหรับเขา หลินสวินดุดันเกินไปแล้ว
เขาไม่มีสำนักไม่มีพรรค มาจากโลกชั้นล่าง กลับป่วนแดนฐิติประจิมด้วยตัวคนเดียว วันนี้แม้เข้าสู่แดนชัยบูรพาก็ไม่เคยเงียบเหงา ถูกเขาก่อกวนจนเกิดความฮือฮาครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างสมกับเป็นเทพมาร!
“ประกาศแล้วๆ ‘กระดานเกียรติภูมิผู้กล้า’ ของเดือนนี้ออกมาแล้ว ถูกเผ่าวาทวาโยประกาศบนต้นข่าวสารทองคำ!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นในหอสุรา
จากนั้นหอสุราที่เต็มไปด้วยลูกค้าพลันฮือฮาขึ้นมา ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปทางต้นข่าวสารทองคำที่อยู่กลางเมือง
หลินสวินชะงัก “กระดานเกียรติภูมิผู้กล้าอะไรหรือ”
“กระดานที่ถูกเผ่าวาทวาโยจัดขึ้นด้วยตัวเอง เผยแพร่เดือนละครั้ง แพร่ข่าวฮือฮาที่ร้อนแรงที่สุดเกี่ยวกับผู้กล้ารุ่นเยาว์ในดินแดนรกร้างโบราณครั้งละสิบเรื่อง”
เซียวชิงเหอพูดสบายๆ “กระดานนี้เผยแพร่ติดต่อกันมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว ตอนนี้ได้กลายเป็นกระแสหนึ่ง ผลกระทบใหญ่มาก ได้รับความสนใจจากคนทั่วหล้า”
“เจ้าเองก็รู้ว่าสงครามมหายุคกำลังจะมาเยือนแล้ว การกระทำของเหล่าผู้กล้าจึงดึงดูดความสนใจของคนในโลกอย่างแน่นอน”
“ดังนั้นกระดานเกียรติภูมิที่เผ่าวาทวาโยจัดทำขึ้น ทันทีที่เผยแพร่ออกมาก็ได้รับการติดตามจากผู้ฝึกปราณจำนวนนับไม่ถ้วนทันที”
“เรียกได้ว่า หากสามารถเบียดเข้าไปอยู่บนกระดานนี้ได้ตอนนี้ ก็หมายความถึงการเป็นที่นิยมและชื่อเสียงอย่างหนึ่ง สามารถดึงดูดความสนใจจากคนใต้หล้า”
“แน่นอนว่ากระดานนี้มีเพียงสิบข่าว นี่ก็หมายความว่า มีเพียงผู้กล้าที่เป็นที่นิยมและฮือฮาที่สุดจึงจะถูกจัดอันดับเข้ามา”
หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจและอดหัวเราะไม่ได้ “เพื่อเผยแพร่ข่าวดึงดูดความสนใจของทั่วหล้า เผ่าวาทวาโยนี่ถือว่าทุ่มเท พยายามทุกวิถีทางแล้ว”
เซียวชิงเหอเองก็นึกขำขึ้นมา “สมัยบรรพกาล บรรพบุรุษของเผ่าวาทวาโยเรียกกันว่าเป็น ‘ราชันแห่งข่าวสาร’ เพื่อสืบข่าวแล้ววิ่งไวกว่าใคร ตามข่าวลือ แม้แต่สีกางเกงชั้นในของอริยะพวกเขายังสืบมาได้…”
เหล้าในปากของหลินสวินเกือบพุ่งออกมา กลั้นขำไม่อยู่ เขานึกถึงเจ้าเฒ่าสากกะเบืออย่างไป่เฟิงหลิวที่ป่าวประกาศว่าจะเป็นราชันแห่งข่าวสารมาโดยตลอด
“ไป พวกเราก็ไปดูสักหน่อยว่าบนกระดานเกียรติภูมิผู้กล้าครั้งนี้ มีผู้กล้าคนไหนบ้างที่กระทำเรื่องฮือฮาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้”
เซียวชิงเหอลุกขึ้นพูดอย่างตื่นเต้น
“ก็ดี”
หลินสวินพยักหน้า
ใจกลางเมืองเนินยุทธ์ ต้นข่าวสารทองคำที่แข็งแรงเจิดจรัสตั้งตระหง่าน กิ่งก้านราวกับหลอมขึ้นจากทองคำ ส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงอาทิตย์
ตอนนี้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยเงาร่างของผู้ฝึกปราณตั้งนานแล้ว ล้อมที่นี่ไว้อย่างแออัด
และรอบๆ ก็ยังมีผู้ฝึกปราณอีกมากมายที่กำลังเร่งตามมา
ราวกับว่าการเผยแพร่ของกระดานเกียรติภูมิผู้กล้าทำให้ทั้งเมืองเนินยุทธ์ฮือฮาขึ้น จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าอิทธิพลของกระดานนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด
หลินสวินกับเซียวชิงเหอเองก็มาถึงแล้ว เห็นภาพที่คนมุงดูอย่างล้นหลามมืดฟ้ามัวดินก็อดถอนหายใจไม่ได้เช่นกัน
มหายุคกำลังจะมาเยือน ทำให้ทุกฝีก้าวของผู้กล้าทั่วหล้าดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน
ตอนที่พวกหลินสวินไปถึง บนต้นข่าวสารทองคำนั่นเพิ่งปรากฏข่าวที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่หกของกระดานเกียรติภูมิผู้กล้า…
‘เย่หมัวเฮอผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิดมุ่งหน้าไปยัง ‘แดนมรณะประหัตมาร’ ที่เป็นหนึ่งในห้าเขตหวงห้ามเพียงลำพัง!’
——