มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 557
เขารู้ว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์ได้ปลุกเลือดหงส์โบราณขึ้นมาแล้ว ไม่ช้าหรือเร็วก็จะเกี่ยวข้องกับเผ่าหงส์ แต่เขาคาดไม่ถึงว่าคนในเผ่าหงส์จะมาหาถึงที่นี่เร็วขนาดนี้
“ในโลกแสงดาว เผ่าหงส์มีอำนาจไม่น้อยและมีภูมิหลังที่มั่นคง หากเยว่เอ๋อร์ไปเผ่าหงส์ จะได้รับการฝึกที่ฝนที่สำคัญ จะเป็นประโยชน์ต่อนาง”
หลัวซิวครุ่นคิดในใจ แต่ด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับนิสัยของเหยียนเยว่เอ๋อร์ที่เขามีต่อนาง นางจะไม่ทิ้งเขาแล้วไปเผ่าหงส์แน่
สำนักเขาไท่เสวียน ตำหนักนภาเสวียน
เพราะฝึกฝนวิชาล่องหนไท่เสวียน เกาเหลียนหงรับผิดชอบสายนภาเสวียน ชื่อตำหนักผู้คุมกฎที่เขาอยู่เลยตั้งชื่อว่านภาเสวียน
ลึกลับ ประตูแห่งความมหัศจรรย์ คำว่าเสวียน มีความหมายลึกซึ้งในฝึกฝนของโลกยุทธ์
เมื่อไท่เสวียนถูกสร้างขึ้นมาในตอนแรก ตำหนักอาวุโสไร้คนเฝ้ารับผิดชอบดูแล เจ้าสำนักไม่อยู่ที่นั่น ดังนั้นจึงไม่มีใครมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเข้าไปในตำหนักวัฏสงสาร ดังนั้นเกาเหลียนหงจึงต้อนรับพวกเขาโดยนำคนสามคนจากเผ่าหงส์ไปยังตำหนักไท่เสวียน
เฟิ่งหลิงกล่าวถึงจุดประสงค์ของการมาที่นี่โดยตรง ต้องการนำเหยียนเยว่เอ๋อร์กลับไปที่สำนักใหญ่ของเผ่าหงส์
“ภรรยาของเจ้าสำนักอยู่ในการปิดขังฝึกตน เรื่องนี้ผู้คุมกฎอย่างข้าก็ไม่สามารถให้คำตอบพวกเจ้าได้” เกาเหลียนหงส่ายหัวพร้อมกล่าวโดยไม่ลังเล
“ในเมื่อกำลังปิดขังฝึกตน เจ้าไปบอกนาง ให้นางออกมาก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?” เฟิ่งหงเสว่พูดอย่างไม่พอใจ
ในรุ่นเยาว์ของสำนักใหญ่ของเผ่าหงส์ เขาถือเป็นพรสวรรค์ที่ค่อนข้างโดดเด่น แต่เขาไม่ได้ปลุกเลือดหงส์โบราณความสามารถนี้
ดังนั้น ในใจของเขาจึงมีการต่อต้านต่อเหยียนเยว่เอ๋อร์อยู่บ้าง เพราะทันทีที่นางเข้าไปในสำนักใหญ่เผ่าหงส์ นางจะได้รับความสนใจจากผู้บริหารระดับสูงของสำนักใหญ่เผ่าหงส์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฟิ่งหงเสว่ต้องการเห็นแน่
และจากหางตาของเขา เขาจะสังเกตเฟิ่งเยียนหรานที่มาพร้อมเขาอยู่บ่อยๆ และแอบคิดในใจว่า ผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะไม่อยากให้คนที่ปลุกเลือดหงส์โบราณขึ้นมาไปที่สำนักใหญ่ของเผ่าหงส์ด้วย?
ทั้งเขาและเฟิ่งเยียนหรานต่างก็ไม่มีเลือดหงส์โบราณ ทันทีที่ผู้มีเลือดหงส์โบราณกลับไปที่สำนักใหญ่ สถานะของเขาและ เฟิ่งเยียนหรานในหัวใจของผู้บริหารระดับสูงของเผ่าหงส์ก็จะลดลงอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านี้ที่เฟิ่งหงเสว่สร้างปัญหานอกสำนักไท่เสวียน ในสายตาของเฟิ่งหลิงคิดว่ามันเป็นการสร้างปัญหา แต่ในความเป็นจริง เฟิ่งหงเสว่ตั้งใจสร้างปัญหา
เขาก็รู้ด้วยว่าเฟิ่งหลิงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ที่มีเลือดหงส์โบราณ เมื่อไปที่สำนักใหญ่ของเผ่าหงส์ เขาจะได้มีที่พึ่งพา
แต่เฟิ่งหงเสว่ไม่คิดอย่างนั้น เขารู้สึกว่าแค่ไม่ให้ผู้ที่มีเลือดหงส์โบราณไม่สามารถกลับไปที่สำนักใหญ่ของเผ่าหงส์ สถานะของเขาถึงจะสามารถรักษาไว้ได้
ดังนั้นนี่ถึงเป็นเหตุผลที่เฟิ่งหงเสว่สร้างปัญหาไม่หยุด เพื่อกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย ทำให้ผู้ที่มีเลือดหงส์โบราณ กลายเป็นศัตรูกับสำนักใหญ่ของเผ่าหงส์
เฟิ่งหลิงถลึงตาใส่เฟิ่งหงเสว่ แต่ใบหน้าเขายังคงมีรอยยิ้มที่มีเมตตา พูดกับเกาเหลียนหงว่า “พลังของเลือดหงส์โบราณจะต้องใช้กับวิชาพิเศษถึงจะสามารถใช้พลังที่แท้จริงออกมาได้ และวิชาดังกล่าวนี้เป็นวิชาที่ไม่สืบทอดให้คนนอกเผ่าหงส์ของเรา”
“ดังนั้น แม้ว่าภรรยาเจ้าสำนักของพวกเจ้าจะปลุกพลังของเลือดหงส์โบราณได้ หากไม่มีวิชาขิงเผ่าหงส์ของเรา เลือดหงส์โบราณก็จะไม่มีผลมากนัก”
เมื่อพูดตรงนี้ น้ำเสียงของเฟิ่งหลิงหยุดชะงักเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า “ท้ายที่สุด เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตและความสำเร็จของเหยียนเยว่เอ๋อร์ ดังนั้นข้าหวังว่าจะได้คุยกับนางแบบตัวต่อตัว”
เกาเหลียนหงขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเจ้าต้องการคุยกับภรรยาเจ้าสำนักตัวต่อตัวก็ได้ แต่ต้องรอให้นางออกจากปิดขังฝึกตน”
แม้ว่าเขาไม่อยากจะมีความขัดแย้งกับคนเหล่านี้จากเผ่าหงส์ต่อไป แต่เกาเหลียนหงก็รู้ว่าการฝึกตนของเหยียนเยว่เอ๋อร์มาถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว เวลานี้ไปรบกวนนางไม่ได้ ไม่อย่างนั้นความพยายามของนางก็จะสูญเสียไป
“ อืม ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกข้าก็รบกวนพวกเจ้าช่วงหนึ่งเพื่อรอนางออกมาจากการฝึกฝน” เฟิ่งหลิงพูดช้าๆ หลังจากครุ่นคิด
หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน เหยียนเยว่เอ๋อร์ออกมาจากการฝึกตน ด้วยความช่วยเหลือของพลังที่มีอยู่ในหินตรีภพ ที่หลัวซิวทิ้งไว้ให้กับนาง ควบคู่ไปกับพลังจิตอุดมสมบูรณ์ในหอฝึก ระดับแดนของนางในช่วงหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมานี้ ก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด
นอกจากนี้ ยังมีเลือดหงส์โบราณของนางที่ได้ปลุกขึ้นมา ได้เติบโตขึ้นในร่างกายของนางด้วย และภายใต้อิทธิพลของสายเลือด ความเร็วในการฝึกฝนของนางก็เร็วขึ้น