มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 578
แต่ที่เมืองหลัวเทียนแห่งนี้ กลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากสุ่มขว้างก้อนหินเข้าไปในเมืองส่ง ๆ หินนั้นอาจจะไปโดนศิษย์ของกองกำลังใหญ่ชั้นหนึ่ง หรือทายาทบางคนของแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้ กองกำลังเช่นนั้นสำหรับหลัวซิวแล้ว ถือเป็นยักษ์ใหญ่ที่ดูเหมือนแข็งแกร่งแต่แท้จริงแล้วอ่อนแอที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งกองกำลังของประเทศเทียนหวูสามารถเทียบได้โดยสสิ้นเชิง
ที่เมืองหลัวเทียนได้รวบรวมสายลับของกองกำลังต่าง ๆ ไว้ ข้อมูลนั้นแพร่สะพัดไปได้อย่างรวดเร็ว เรื่องเกิดที่กลางภัตตาคารเทียนอี แค่เพียงไม่นานก็ถูกเล่าสู่ผู้คนมากมายในเมือง
“ชายหนุ่มชุดดำคนนั้นชื่อว่าหลัวซิว อายุ21ปี ผลการฝึกตนระดับจักรพรรดิยุทธ์ขั้น7”
“ว่ากันว่าคนคนนี้ได้รับการสืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์โบราณไท่เสวียน อีกทั้งยังก่อตั้งสำนักเขาขึ้นที่ประเทศเทียนหวู สืบทอดลัทธิไท่เสวียนโบราณอีกด้วย”
“หลี่หยวนก็ถือเป็นหนึ่งในอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดถือว่ามีชื่อเสียงอยู่พอสมควร หากไม่ได้ผู้แข็งแกร่งแห่งภัตตาคารเทียนอีออกหน้าไว้ เกรงว่าจะถูกหลัวซิวฆ่าตายคาที่ไปแล้ว!”
หลี่หยวน คือชายหนุ่มหน้าตาร้ายกาจจากแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภาที่มีเรื่องขัดแย้งกับหลัวซิวในภัตตาคารเทียนอี
“หลี่หยวนเป็นถึงแดนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น9 แต่หลัวซิวนั่นเป็นแค่จักรพรรดิยุทธ์ขั้น7 ผลการฝึกตนห่างกันถึงสองแดนเล็ก ผู้อ่อนแอเอาชนะผู้แข็งแกร่ง หลัวซิวคนนี้ไม่ใช่ธรรมดาจริง ๆ”
ในขณะที่ทั่วทั้งเมืองกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น หลัวซิวกลับนั่งดื่มเหล้าอยู่กับฉีฝ่าเทียนที่ภัตตาคารเทียนอีเช่นเดิม
“สหายท่านนี้ ข้าคือตวนมู่หยาง ขอคำนับท่านหนึ่งจอก”
เมื่อเห็นหลัวซิวเอาชนะหลี่หยวนได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น กลุ่มคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์พื้นนภาเหล่านั้นก็ต่างพากันตกตะลึงตาค้างเช่นกัน
ผู้นำอย่างตวนมู่หยางเดินเข้ามา ดื่มเหล้าขอบคุณต่อหลัวซิว
หลัวซิวก็ยิ้มพลางยกจอกเหล้าขึ้นเป็นสัญญาณ จากนั้นก็ยกรวดเดียวหมดแก้ว
“ไม่รู้ว่าสหายท่านนี้มีนามว่าอย่างไร?” ตวนมู่หยางถาม
“หลัวซิว”
“ศิษย์พี่หลัว คนจากแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดจิตใจคับแคบ ท่านต้องระวังให้มาก” ตวนมู่หยางเอ่ยเตือน ถึงอย่างไรหากไม่ใช่เพราะตนเอง อีกฝ่ายก็คงไม่ต้องไปขัดแย้งกับเจ้าพวกแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดนั่น
หลัวซิวไม่ได้สนใจในจุดนี้ เขารู้ตัวเองดีถึงนิสัยเช่นนี้ของเขา ในเส้นทางการฝึกยุทธ์ยิ่งเดินไปไกลเท่าไร คนที่จะต้องขัดแย้งด้วยก็ยิ่งมากขึ้น ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
การฝึกยุทธ์ คือการยื้อชีวิตกับสวรรค์ หลัวซิวไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด ตรงกันข้าม เขากลัวว่าคู่ต่อสู้จะอ่อนแอเกินกว่าจะกดดันเขาได้
ทันใดนั้น หลัวซิวรู้สึกถึงสายตาของใครบางคนที่จ้องมา หันหลังไปมอง ก็เห็นว่าที่มุมหนึ่งของภัตตาคาร มีชายหนุ่มใบหน้ายิ้มแย้มคนหนึ่งนั่งอยู่
ชายหนุ่มคนนี้ สวมชุดสีม่วง ยกจอกเหล้าและขยับเล็กน้อยไปทางหลัวซิว
หลัวซิวไม่รู้ว่าชายหนุ่มชุดสีม่วงคนนี้คือใคร แต่สามารถแน่ใจได้ว่าสายตาที่สัมผัสได้เมื่อครู่นี้ จะต้องมาจากคนผู้นี้เป็นแน่
แต่หลัวซิวกลับไม่ได้รู้สึกถึงความเป็นศัตรูจากอีกฝ่ายแต่อย่างไร จึงได้ยกจอกเหล้าขึ้นเป็นสัญญาณ ถือเป็นการทักทาย
นอกจากหนุ่มชุดม่วงแล้ว มีเด็กสาวคนหนึ่งที่มีดวงตาเป็นประกายและฟันขาวสะอาด ใบหน้างดงามไม่ด้อยไปกว่าเหยียนเยว่เอ๋อร์แม้แต่น้อย
“ชายชุดดำคนนั้นสุดยอดมาก แต่ดูเหมือนจะเพิ่งเริ่มฝึกพลังแห่งโซน สามารถเทเลพอร์ตได้เพียงแค่ระยะใกล้ ๆ เท่านั้น” ผู้หญิงคนนั้นพูดเสียงเบา
“สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือความแข็งแกร่งของร่างเนื้อของเขา จะต้องข้ามผ่านระดับจักรพรรดิ บรรลุถึงแดนมกุฎแล้วเป็นแน่ แม้แต่ที่เขาตรีภพของพวกเรา อัจฉริยะอายุประมาณ20ปีที่สามารถฝึกตนร่างเนื้อได้ถึงแดนมกุฎก็มีไม่มากนัก”
“เจ้าพูดถูกแล้ว แค่เพียงร่างยุทธ์ร่างเนื้อบรรลุถึงแดนมกุฎ ก็สามารถกวาดล้างคนรุ่นใหม่ของกองกำลังแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ส่วนมากได้แล้ว” ชายหนุ่มชุดม่วงยิ้มพลางจิบเหล้าในมือ
เด็กสาวยิ้มออกมาบาง ๆ “แต่หากเทียบกับท่านพี่ใหญ่ซางหลันแล้ว ยังห่างไกลกันมากนัก”
“เหอ ๆ คนผู้นี้ไม่ธรรมดา ที่เขาสำแดงออกมาให้เห็นนั้นเป็นเพียงพลังส่วนหนึ่งที่เปรียบได้กับยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น” ชายหนุ่มชุดม่วงนามว่าซางหลันพูดพร้อมยิ้มตาหยี
“อ๋อ? ยอดภูเขาน้ำแข็ง?” เด็กสาวชะงักไป นางรู้ดีว่าแววตาของซางหลันเฉียบแหลมเพียงใด สามารถทำให้เขาให้ความสำคัญกับหนุ่มชุดดำคนนี้ได้ เก็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ เพียงแค่ตนยังมองคนไม่ขาดก็เท่านั้น
ซางหลันก็ไม่ได้อธิบายอะไร ค่อย ๆ เอ่ยต่อ “แดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดในบรรดาแดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องเห็นแก่ตัวและใจแคบมาตลอด ข้าอยากจะรู้ยิ่งนักว่าคนผู้นี้กับศิษย์ยอดฝีมือเซวี่ยลี่เฟิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์จันทราสีเลือดใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”
หญิงสาวเผยสีหน้าประหลาดใจอีกครั้ง “ท่านพี่ใหญ่ซางหลันคิดว่าเซวี่ยลี่เฟิงจะลงมือหรือ?”
สามารถยึดอันดับหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์ท่ามกลางเหล่าศิษย์อัจฉริยะได้ แน่นอนว่าต้องไม่มีข้อกังขาในพลังของเซวี่ยลี่เฟิง