มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 601
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าการโจมตีทางวิญญาณนั่นแข็งแกร่ง แต่ก็มีข้อบกพร่องอยู่บ้าง อย่างแรกเลยคือความอันตรายในการฝึกซ้อม หากไม่ระวังอาจจะทำให้จิตแตกสลาย หลังจากนั้นก็เป็นระหว่างการใช้การโจมตีทางวิญญาณ ตัวสำนึกวิญญาณของตัวเองจะทำการปะทะกับตัวหยั่งรู้ของศัตรู หากตัวสำนึกได้รับการบาดเจ็บแล้ว คิดจะฟื้นฟูถือเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นในด้านการกลั่นวิญญาณ ผู้ที่จะฝึกฝนบรรลุถึงระดับสูงขึ้นจริงๆ ได้นั้น มีเพียงคนจำนวนน้อยเท่านั้น
“เพียงการฝึกตนระดับจักรพรรดิยุทธ์แต่กลับเอาชนะมกุฎยุทธ์ได้ทั้งสองคน ข้าต้องยอมรับจริงๆ ว่าเจ้ามีความสามารถมากนัก” เมื่อเห็นหลัวซิวลงมาจากเวทีประลองยุทธ์แล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของปี้คงก็ยิ่งสดใสขึ้นจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “แม้ว่าร่างเนื้อของเจ้าจะแข็งแกร่ง แต่การควบคุมการโจมตีทางวิญญาณของข้าเกรงว่าเจ้าจะไปไม่ถึงยกที่สองด้วยซ้ำ”
“ท่านแน่ใจขนาดนั้นเชียวหรือว่าจะชนะข้าได้” หลัวซิวยิ้มอย่างไม่ถือสา หากเป็นคนอื่น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักยุทธ์กลั่นวิญญาณอาจจะรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง แต่หลัวซิวกลับตรงกันข้าม คนประเภทที่เขาไม่เกรงกลัวมากที่สุดก็คือผู้ที่ชำนาญการโจมตีทางวิญญาณ
“เจ้านี่ช่างมั่นใจเสียจริงนะ” ปี้คงชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจเท่าไหร่นักว่าทำไมคนคนนี้ถึงมีความมั่นใจได้ขนาดนี้ หรือว่าเขาคิดว่าการฝึกตนจักรพรรดิยุทธ์ขั้น 7 ของเขานั้นจะเพียงพอต่อการรับมือการโจมตีทางวิญญาณของผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ได้
“ความมั่นใจย่อมมาจากฝีมือ” สีหน้าของหลัวซิวยังคงนิ่งสงบ
หากเป็นสถานการณ์ทั่วไป หลัวซิวไม่ชอบที่จะออกหน้าออกตามากนัก เขาค่อนข้างจะอยากเก็บฝีมือที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้มากกว่า
แต่ครั้งนี้เขามีนัดหมายกับเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวเอาไว้แล้ว เขาจึงต้องทุ่มเทสรรพกำลังทุกอย่างกับการประลองครั้งนี้เป็นลำดับแรก เคล็ดลับต่างๆ ที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้จึงไม่อาจปิดบังเอาไว้ได้อีกต่อไป
แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ หลัวซิวก็ยังขี้เกียจที่จะเสแสร้งถ่อมตน ทำให้ในสายตาของคนอื่น การกระทำเช่นนี้ของถือเป็นท่าทางที่เย่อหยิ่งอย่างยิ่ง
“ปากดีไม่น้อย ข้าอยากเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะรับมือการโจมตีทางวิญญาณของข้าอย่างไร”
หลังจากที่ปี้คงตวาดเสียงแข็ง บรรยากาศรอบตัวของหลัวซิวก็เริ่มรางเลือน ความมืดดำปกคลุมไปทุกทิศทุกทาง ออร่าแห่งความตายหนาวสะท้านแผ่ซ่านไปรอบตัว
ปี้คงมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ญาณ คำว่าศักดิ์สิทธิ์นี้ เป็นที่มาของวรยุทธ์กลั่นวิญญาณของแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือตำราล้ำค่าการฝึกจิตทางวิญญาณ
วรยุทธ์กลั่นวิญญาณของแดนศักดิ์สิทธิ์ญาณนี้ คือการเอาตัวสำนึกทางวิญญาณของตนฝึกฝนเป็น เทพผีเพื่อดูดทำลายวิญญาณหยั่งรู้ของฝ่ายตรงข้าม
“โฮ่!”
เสียงคำรามของภูตนี้ดังสนั่นขึ้น ใบหน้าของผีร้ายแสยะแยกเขี้ยว ทั้งน่าสยดสยองและน่าหวาดกลัว
“อ้อ? น่าสนุกซะแล้ว”
เมื่อเห็นผีร้ายพุ่งคำรามเข้ามาอย่างโหดร้าย หลัวซิวก็ยังคงยิ้มออกมาอย่างสบายๆ
เขาเคยฝึกวรยุทธ์กลั่นวิญญาณมาก่อน โดยมีชื่อว่าพลังก่อรวมวิญญาณ ทว่าระดับของวรยุทธ์กลั่นวิญญาณนี้ไม่สูงมากนัก เป็นเพียงวรยุทธ์ระดับ 8 เท่านั้น
วิชาการโจมตีทางวิญญาณที่จดบันทึกเอาไว้นั้นค่อนข้างไม่ซับซ้อน หากเผชิญกับจอมยุทธ์ระดับล่างถือว่าได้ผลลัพธ์ไม่เลว แต่หากใช้จัดการกับนักยุทธ์ระดับสูงแล้วกลับก่อให้เกิดผลกระทบน้อยมาก
ส่วนวิชาที่ปี้คงใช้นั้น กลับนำวิญญาณของศัตรูลากเข้าไปภายในโซนที่ปิดตาย วิธีการเช่นนี้นับเป็นวิธีการที่ฉลาดกว่าพลังก่อรวมวิญญาณหลายเท่าตัว
ร่างของหลัวซิวยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ในช่วงเวลาที่ผีร้ายบุกเข้ามาตรงหน้า กลับมีเปลวไฟสีดำระเบิดพวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาทันที
เปลวไฟสีดำม้วนตัวขึ้น ทำให้ผีร้ายตัวนั้นหายวับเข้าไป เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นและภายในเวลาสั้นๆ ก็ถูกเผามอดไหม้จนไม่เหลือร่องรอย
“เจ้า……ตัวสำนึกของเจ้า……”
สีหน้าของปี้คงแปรเปลี่ยน จากนั้นจึงรู้สึกว่าศีรษะของเขาปวดร้าว ตัวหยั่งรู้ทางวิญญาณถูกฉีกทึ้ง เสียงร้องโหยหวนดังสนั่น ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับกำลังจะถลนออกมา