มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 615
เรื่องที่หลัวซิวได้จัดเข้าไปอยู่ในรายชื่อ 10 อันดับแรกนั้นทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความไม่เชื่อใจขึ้นมา
เจ้ายุทธจักรพลานุภาพต้วนฉือเทียนถึงขั้นมองว่า เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูซิวตั้งใจจัดกลุ่มแบบนี้เพื่อให้ตนเองในฐานะคนแนะนำได้รับชื่อเสียงที่ดีตามไปด้วย
ผ่านไปอีกสักพักใหญ่ รายชื่อสิบคนที่เข้ารอบก็ปรากฏออกมา
เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูซิวโบกมือ ทันใดนั้นเวทีประลองยุทธ์อันใหม่ก็ปรากฏขึ้นที่เมืองหลัวเทียนโดยลอยอยู่กลางอากาศ
หลังจากนั้นแท่นบัวเพลิงอัคคีที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของหลัวซิวและคนทั้งเก้าก็ค่อยๆ ลอยสูงขึ้นไปยังเวทีประลองยุทธ์ที่กลางท้องฟ้า
“พวกเจ้าทั้งสิบคนเป็นสิบรายชื่อแรก ส่วนผู้ที่แพ้การประลองรอบเมื่อครู่นี้ ให้แบ่งกลุ่มใหม่ และจะตัดสินรายชื่ออีกสิบคนที่เหลือเป็นรอบสุดท้าย”
การประลองครั้งนี้จัดขึ้นที่เมืองหลัวเทียน กฎในการประลองจะกำหนดอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเขาเป็นคนตัดสิน
ผู้ที่เป็นสิบอันดับแรกไม่ใช่ผู้สืบทอดที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ทั้งหมดและก็ไม่รู้ด้วยว่าเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูซิวตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรือไม่ที่ปล่อยให้ผู้สืบทอดที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ได้พบกันในรอบที่ผ่านมา เมื่อมีคนหนึ่งแน่นอนว่าย่อมมีคนหนึ่งแพ้ตกรอบไป
“ผู้ที่ติดสิบอันดับแรก ข้าจะเป็นคนตัดสินพวกเจ้าเอง”
เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูซิวกล่าวช้าๆ ให้หลัวซิวและคนที่เหลือได้ยิน
เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้ายุทธจักรอัคคีหวูซิว แม้ว่าจะเป็นผู้สืบทอดมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็ยังไม่กล้าที่จะแสดงอาการรังเกียจเขา เพราะว่าคนตรงหน้าไม่ได้เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งจากตระกูลยุทธ์แดนศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เท่านั้น แต่ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้ายุทธจักรคนหนึ่งด้วย
ในบ้างด้าน เจ้ายุทธ์จักรที่ได้รับการแต่งตั้งยังได้รับความสำคัญมากกว่าผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์เสียอีก เพราะผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้ายุทธจักรสามารถคานอำนาจกับมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้ และเมื่อใดก็ตามที่สามารถบรรลุแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ได้ก็จะนับว่าเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับยอดฝีมือ
“ยกแรก หลัวซิวแข่งกับเจ้าผามีด”
หลังจากที่เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวเอ่ยปาก สายตาของทุกคนก็ตกไปอยู่ที่คนทั้งสอง
หลัวซิวเองก็มองไปที่เจ้าผามีดเช่นกัน เขาเป็นชายหนุ่มที่กุมมีดเอาไว้ในอก สวมใส่ชุดสีดำประณีต สีหน้าไร้ความรู้สึก
บนกลุ่มเมฆา เจ้ายุทธจักรอัคคีหวูชิวหันมองไปมองต้วนฉือเทียน “เจ้ายุทธจักรพลานุภาพ ท่านว่าสองคนนี้ ใครเหนือกว่าใครรึ”
ต้วนฉือเทียนถอนใจ “เดิมทีท่านก็ตั้งใจจัดคู่ต่อสู้ที่ค่อนข้างอ่อนแอให้หลัวซิวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ นั่นไม่ได้เป็นเพราะท่านต้องการให้หนุ่มน้อยคนนี้ถูกจัดลำดับสูงขึ้นกว่านี้อีกหน่อยหรือ”
“แม้การจัดลำดับของอัจฉริยะจะสูงขึ้นมากเท่าไหร่ แดนศักดิ์สิทธิ์ก็จะมีรางวัลให้ แต่สำหรับพวกเราทั้งสี่คนนั้น นอกจากกฎของโลกแสงดาวแล้ว รางวัลอื่นๆ ก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไร”
“แต่การที่จะไปฝึกตนที่กฎแห่งโลกแสงดาวได้นั้น มีเพียงทางเดียวคืออัจฉริยะที่แนะนำจะต้องได้รับตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่ง”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ดวงตาของต้วนฉือเทียนก็หรี่ลง “อย่าหาว่าเราดูถูกหลัวซิวคนที่ท่านแนะนำมาเลยนะ หากดูจากฝีมือที่เขาแสดงออกมาเมื่อครู่นี้ไม่มีทางที่เขาจะได้รับตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน อีกอย่างเจ้าผามีดคนนี้ ฝีมือของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน”
เจ้าผามีดกำเนิดมาจากสำนักดาบเทพของแดนศักดิ์สิทธิ์ของอาณาจักรตะวันออก เมื่อพิจารณาจากชื่อสำนักก็พอจะรู้ได้แล้วว่าพวกเขามีความชำนาญด้านมีด ในอดีตที่ผ่านมาได้ใช้พลังสังหารอันแข็งแกร่งไร้คู่ต่อสู้มาโดยตลอด
หลัวซิวกับเจ้าผามีดลงมาหยุดอยู่บนเวทีประลองยุทธ์ ยืนเผชิญหน้าห่างกันเพียงสิบจั้ง เจ้าผามีดที่ยืนอยู่ตรงหน้าเงียบสนิท พลังที่โคจรอยู่ในร่างกายของเขาถูกปล่อยออกมาทันที แรงอาฆาตเข้มข้นคล้ายมีตัวตน ปรากฏออกมาเป็นพลังสีแดงฉานปกคลุมไปทั่วเวทีประลองยุทธ์
ส่วนร่างของเขาก็แปรเปลี่ยนไปเป็นกระบี่รบสีเลือดตั้งตระหง่าน ที่สามารถร่วงลงมาฟันคอคู่ต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
หลัวซิวกลับไม่ยอมปล่อยระบบโคจรปราณของตัวเองออกมา เขาปล่อยให้คู่ต่อสู้ปล่อยพลังออกมาว่าจะน่าหวาดหวั่นเพียงใด แต่เขากลับยืนนิ่งราวกับไม่ใส่ความเป็นไปที่เกิดขึ้น