มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 664
หลังจากที่เสียงที่ไม่มีอารมณ์แม้แต่น้อยพูดกฎเกณฑ์เสร็จก็ไม่มีเสียงใดๆอีก
แต่หลัวซิวส่วนมากก็เดาได้ว่าเจ้าของเสียงในตอนนี้น่าเป็นวิญญาณของค่ายกล
มีเพียงค่ายกลระดับเทพที่สูงกว่าขั้น 9 เท่านั้น ที่สามารถเกิดจิตวิญญาณได้ หลัวซิวไม่ใช่ครั้งแรกที่รู้เรื่องนี้
สิ่งนี้ทำให้เขานึกถึงเทวทูตที่พบในแดนแต่งตั้งราชา
ในโลกแสงดาว ในแดนปริศนาทั้งห้าได้แก่ แต่งตั้งราชา จักรพรรดิยุทธ์ เทพศักดิ์สิทธิ์ เจ้ายุทธจักร มหาจักรพรรดิยุทธ์ ทุกแดนปรอศนาถูกปกคลุมไปด้วยค่ายกลระดับเทพ และมีเทวทูต
ค่ายกลระดับเทพนั้นไม่ได้ง่ายในการสร้างค่ายกลแต่อย่างใด ยิ่งค่ายกลที่แข็งแกร่ง การสร้างจะยากมากเท่านั้น แม้ว่าผลการฝึกตนจะตรงตามข้อกำหนดของการสร้างค่ายกล ก็ต้องรวบรวมวัสดุล้ำค่ามากมาย
แดนปริศนาทั้งห้า เป็นเรื่องยากสำหรับหลัวซิวที่จะจินตนาการว่าใครเป็นคนสร้างขึ้นมา จุดประสงค์ความสำคัญของอีกฝ่ายที่สร้างแดนปริศนาทั้งห้านี้คืออะไร?
หลัวซิวส่ายหัวและทิ้งความคิดเหล่านี้ไว้ข้างหลังชั่วคราว ดวงตาและตัวสำนึกของเขากวาดไปทั่วกลุ่มแสงที่ลอยอยู่ในอากาศ
เขาเห็นกระบี่ยาวสีแดงเพลิงเป็นอย่างแรก กระบี่เล่มนี้ ดูเหมือนจะมีจิตวิญญาณ บินไปมาด้วยหางเปลวเพลิงด้วยความเร็วที่เร็วมาก มีร่องรอยบนกระบี่ที่มองเห็นไม่ชัด พลังแห่งกฎเพลิงอัคคีและพลังกฎแห่งห้วงกระบี่ซ่อนอยู่
จากนั้นหลัวซิวก็เห็นโล่อีกอันหนึ่ง ซึ่งมีร่องรอยของพลังแห่งกฎด้วย ทำให้รู้สึกเหมือนภูเขาที่ไม่อาจทำลายได้ ไม่แตกหัก และมั่นคง
“สมบัติทุกอย่างที่นี่ ประเมินค่าไม่ได้!”
หลัวซิวมองแค่สองอย่างเท่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีอึ้ง เพราะมีกลุ่มแสงหลายร้อยกลุ่มบินวนอยู่กลางอากาศทั่วทั้งห้อง
กลุ่มแสงเหล่านี้บางกลุ่มเป็นอาวุธ บางกลุ่มเป็นสิ่งของแปลก ๆ แต่ไม่มีข้อยกเว้นว่าต่างมีร่องรอยของพลังแห่งกฎ และสมบัติที่สามารถมีพลังแห่งกฎได้นั้นอย่างน้อยก็เป็นสมบัติระดับเจ้ายุทธจักรขั้น 9 !
งั้นก็หมายความว่าในห้องของวังเต๋า มีสมบัติวิเศษหลายร้อยชิ้น!
ถ้าเลือกทีละอัน หลัวซิวประเมินว่าเขาจะไม่สามารถดูได้หมดภายในสี่ชั่วโมง
ดังนั้นหลัวซิวไม่ใช้สายตาดู แต่ปล่อยตัวสำนึกของตนออกมา เพื่อสัมผัสถึงรัศมีแห่งกฎที่เหมาะกับตน
สำหรับหลัวซิว กฎการเวียนว่ายตายเกิดเป็นพื้นฐาน แม้ว่าเขาจะมีภูตอัคคีที่แข็งแกร่งก็ตาม แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เขาสนใจเกี่ยวกับความเข้าใจจากกฎการเวียนว่ายตายเกิดมากกว่า
ทันใดนั้น ตัวสำนึกของหลัวซิวก็หยุดนิ่งอยู่ที่ประตูทองแดงขนาดเล็กและละเอียดอ่อน ประตูทองแดงนี้ดูเหมือนจะมีขนาดเท่าฝ่ามือห่อหุ้มด้วยแสงสีเงินที่สรัว
หลัวซิวสัมผัสได้ถึงพลังแห่งกฎโซนจากร่องรอยพลังแห่งกฎประตูทองแดง
“พลังแห่งกฎโซนเป็นพลังแห่งกำที่สูงส่งที่สุด สมบัติที่มีร่องรอยของพลังแห่งกฎระดับสูงส่งนั้นประเมินค่าไม่ได้”
ตัวสำนึกของหลัวซิวหยุดอยู่ที่ประตูทองแดงเพียงครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็มองหาสมบัติอื่นต่อไป เพราะแม้ว่าพลังแห่งกฎโซนจะไม่เลว แต่ถ้าเขาต้องการฝึกฝน เว้นแต่ว่าต่อจากนี้ไปเขาจะเปลี่ยนไปฝึกฝนวิชาล่องหนไท่เสวียน
สำหรับหลัวซิวไม่ว่าจะเป็นวิชายิ่งเลิศของไท่เสวียน หรือภูตอัคคีฟ้าดิน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นวิธีเสริมเท่านั้น เข้าทิ้งวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพไปแล้วไปฝึกวิชาอื่นไม่ได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลัวซิวจะฝึกฝนกฎการเวียนว่ายตายเกิดเป็นหลัก แต่วิธีการอื่นๆ จะไม่กลายเป็นเครื่องประดับ เช่นภูตอัคคีเปลวเยือก เพราะเป็นเปลวไฟที่ฟ้าและดินหล่อเลี้ยงมา มีพลังแห่งกฎซ่อนอยู่ในตัวอยู่แล้ว เปลวไฟแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง พลังแห่งกฎที่ซ่อนอยู่ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น