“อยู่ในโลกเสวียนเทียนก็สามารถจัดอยู่ในกลุ่มอัจฉริยะชั้นสูง แต่ก็ไม่ถึงขั้นยอดอัจฉริยะ” เทวทูตจื่อเยียนพยักหน้า
อัจฉริยะสำหรับพิภพต่ำ อยู่ในพิภพกลางไม่ควรค่าแก่การเอ่ยถึงเลยสักนิด ต่อให้เป็นผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นยอดอัจฉริยะที่หมื่นปีพบได้เพียงหนึ่งครั้งอย่างซิงหลิง ในพิภพกลาง ก็สามารถจัดอยู่ในอัจฉริยะระดับกลางเพียงเท่านั้น
เทวทูตจื่อเยียนสามารถประเมินให้หลัวซิวจัดอยู่ในอัจฉริยะชั้นสูง นับว่าเป็นการประเมินที่ค่อนข้างสูงแล้ว
“เขาผ่านแล้ว!”
ทันใดนั้น แววตาของเจ้าแดนหลิวเคร่งขรึมขึ้นมาเล็กน้อย คู่ต่อสู้มหายุทธ์ขั้นเก้าคนสุดท้ายถูกหลัวซิวสังหาร ทะลวงชั้นที่สามของหอคอยสุดหล้าได้สำเร็จ
“ทะลวงผ่านชั้นที่สามได้ภายในสามสิบลมหายใจเข้าออก ดูเขามีท่าทางสบาย ๆ หรือว่าจะลองทะลวงชั้นที่สี่ดุอย่างนั้นหรือ?”
เจ้าแดนหลิวอึ้งทึ่ง ทุกชั้นของหอคอยเสวียนเทียน ระดับความยากก็จะเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะชั้นสามถึงชั้นสี่ ชั้นหกถึงชั้นเจ็ดการข้ามขั้นระหว่างสองแดนใหญ่นี้ ระดับความยากยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ!
“หรือว่าความสามารถของเขาในตอนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าซิงหลิงแล้วอย่างนั้นหรือ?” เจ้าแดนหลิวพึมพำกับตัวเอง เขายอมรับว่าพรสวรรค์ของหลัวซิวนั้นเหนือกว่าซิงหลิง แต่ความสามารถจะเหนือกว่าซิงหลิงได้นั้น อย่างน้อยจะต้องใช้เวลาสองสามปี
บริเวณโดยรอบเปลี่ยนไป หลัวซิวเข้าสู่ชั้นที่สี่ของหอคอยฝึกตน
คู่ต่อสู้แดนเจ้ายุทธจักรขั้นสามสามคนปรากฏขึ้น บนร่างกายของแต่ละคนต่างกระเพื่อมไปด้วยกระแสพลังอันมหาศาลที่ไม่อาจคาดเดาได้ เหมือนมีพลังแห่งกฎเคลื่อนไหวอยู่เลือนราง
ไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ การทดสอบในหอคอยสุดหล้าจะไม่ยั้งมือให้กลับผู้ใดแม้แต่คนเดียว เจ้ายุทธจักรขั้นสามทั้งสามคนลงมือในทันที ยังคงเป็นเจ้ายุทธจักรกลั่นร่างที่นำอยู่ด้านหน้า
วินาทีนี้ หลัวซิวที่มีท่าทางสุขุมมาโดยตลอด ก็ได้ปรากฏท่าทางเคร่งเครียดออกมา ในดวงตาทั้งสองข้างของเขาลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิงสีดำ พลังแห่งกฎความตายภายใต้การขับเคลื่อนของเขา ปะทุขึ้นมาเหมือนดั่งคลื่นยักษ์!
สองเท้าของหลัวซิวเหยียบลงไปบนพื้น พื้นของเวทีประลองที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาแตกเป็นรอยร้าวขึ้นมา เปลวเพลิงสีดำรายล้อมขึ้นมาบนหมัดของเขา รวมตัวกันกลายเป็นรูปกระบี่ กระบี่หมัดซัดออกไป
“โฮกกก!”
เสียงร้องคำรามตะโกนออกมาจากปากของเขา ราวกับเสียงคำรามของสัตว์ร้ายโบราณ บริเวณที่กระบี่หมัดเลื่อนผ่าน ช่องอากาศพังทลาย เศษช่องอากาศจำนวนมากแตกกระจายไปทั่วสารทิศ
ตูม!
กระบี่หมัดและหมัดของเจ้ายุทธจักรกลั่นร่างกระทบเข้าด้วยกัน เทียบกับร่างยุทธ์แดนเจ้ายุทธจักร หลัวซิวไม่ได้ด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ที่ทำให้คนคิดไม่ถึงก็คือ กระบี่หมัดของเขากลับได้ต่อยจนหมัดของอีกฝ่ายแตกกระจายกลายเป็นม่านโลหิตในทันที
“นี่คือ…… จุลอมตะ?”
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแดนหลิวหรือเทวทูตจื่อเยียนต่างก็ตะลึงจนลุกยืนขึ้นมาภายในตำหนัก จะต้องรู้ว่าจุลอมตะแม้จะไม่นับว่าเป็นพลังอมตะที่แท้จริง แต่อานุภาพนั้นกลับได้เหนือชั้นกว่าวิชายิ่งเลิศเสียอีก!
ในโลกแสงดาว วิชายิ่งเลิศนั้นนับเป็นทักษะยุทธ์ระดับสุดยอดแล้ว ที่เหนือวิชายิ่งเลิศขึ้นมา สิ่งนั้นเรียกว่าพลังอมตะ
และระหว่างวิชายิ่งเลิศและพลังอมตะ ยังมีทักษะยุทธ์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าจุลอมตะ
อานุภาพของจุลอมตะ อยู่เหนือวิชายิ่งเลิศ ด้อยกว่าพลังอมตะ
ในสถานการณ์โดยทั่วไป ผู้แข็งแกร่งแดนเทพมารนิรันกาลถึงจะสามารถสร้างวิชายิ่งเลิศธรรมดาได้ เทพมารที่ร้ายกาจขึ้นมาหน่อยสามารถสร้างวิชายิ่งเลิศขั้นสูง และมีเพียงผู้แข็งแกร่งชั้นสุดยอดในหมู่เทพมารถึงจะสามารถสร้างวิชายิ่งเลิศระดับสุดยอดขึ้นมาได้
สำหรับวิชายิ่งเลิศในระดับที่สูงกว่านั้น ผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าถึงจะสามารถสร้างทักษะยุทธ์ได้
เทวทูตจื่อเยียนและเจ้าแดนหลิวต่างก็ทราบดีว่า ทักษะยุทธ์หมัดกระบี่นั้นคือทักษะการโจมตีของร่างเนื้อที่หลัวซิวตระหนักรู้ได้จากหอคอยร่างทอง
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ หลังจากที่ทักษะยุทธ์หมัดกระบี่ได้ถูกหลัวซิวพัฒนาให้สมบูรณ์แบบอย่างต่อเนื่อง คาดไม่ถึงว่าจะสามารถบรรลุถึงระดับจุลอมตะได้
นี่หมายความว่าอย่างไร? ที่หมายความว่าทักษะยุทธ์ที่เขาสร้างขึ้น มันเหนือกว่าวิชายิ่งเลิศที่ผู้แข็งแกร่งชั้นสุดยอดในหมู่เทพมารสร้างขึ้นเสียอีก!
แน่นอน นี่ไม่ได้หมายความว่าแดนฝึกตนของหลัวซิวในโลกยุทธ์เหนือชั้นกว่าผู้แข็งแกร่งชั้นสุดยอดในหมู่เทพมารกระบี่หมัดของเขายังมีข้อบกพร่องอยู่หลายแห่ง เพียงแค่มีเค้าโครงของจุลอมตะอยู่เท่านั้น