มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 694
เพราะสำหรับหวูหยุนแล้ว เส้นทางการฝึกตนของนักยุทธ์นั้นยาวไกล มกุฎยุทธ์ก็ดี มหายุทธ์ก็ดี ล้วนเป็นเพียงการเริ่มต้นของเส้นทางเท่านั้น
ต่อให้เป็นซิงหลิงที่ได้ฉายาอัจฉริยะไร้เทียมทานที่จะหมื่นปีจะมีสักคนแล้วอย่างไร หนทางวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล จะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็ไม่มีผู้ใดรู้แน่ชัด
เพราะผู้ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานนั้น ไม่ได้หมายความว่าทุกๆ คนจะมีเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงทุกคน
หลังจากซิงหลิงเข้าไปในหอคอยมหาภพ แล้ว จึงเกิดประกายแสงสีม่วงสว่างวาบออกมาจากชั้นที่สาม นั่นหมายความว่าสองชั้นก่อนหน้านั้น ซิงหลิงได้ใช้วิธีการที่สองผ่านด่านไปเรียบร้อยแล้ว
ทุกคนต่างมุ่งสายตาไปยังประกายแสงที่สว่างมาจากชั้นสาม และแอบคะเนเวลาอยู่ในใจ
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป แสงสีม่วงที่ปรากฏออกมาจากชั้นสามค่อยๆ หายไป จากนั้นก็มีแสงสว่างส่องประกายออกมาจากชั้นที่สี่
“คุณพระ ศิษย์พี่ซิงหลิงผ่านชั้นสามแล้ว”
“แม้ว่าจะผ่านด่านโดยใช้วิธีแรกก็ตาม แต่ก็เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าพลังของซิงหลิงนั้นแข็งแกร่งที่สุดในรุ่นพวกเรา”
ในขณะที่ฝูงชนพากันส่งเสียงอื้ออึงอยู่นั้น ซิงหลิงก็ถูกส่งออกมาจากหอคอยมหาภพ เขารู้ดีว่าพลังของตัวเองไม่พอ ดังนั้นจึงไม่ฝืนตัวเองเพื่อให้ผ่านด่านชั้นสี่
เมื่อเขาปรากฏตัวก็ถูกฝูงชนล้อมหน้าล้อมหลังเอาไว้ราวกับดาวล้อมเดือน บรรดาอัจฉริยะที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับเขา
“หลัวซิวมาแล้ว”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงคนตะโกนขึ้น สายตาของทุกคนจึงมองออกไปด้านนอกโดยมีซิงหลิงยืนอยู่ตรงกลาง
ซิงหลิงยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปาก การที่เขาเลือกฝ่าด่านเมื่อครู่นี้อันที่จริงแล้วเขามีเจตนาแอบแฝง
แต่วัตถุประสงค์หลักของเขาไม่ได้ต้องการจะท้าทายกับหลัวซิว แต่เป็นเพราะพวกหวูหยุนและคนอื่นๆ อยู่ในสนามตรงนั้นต่างหาก
เขาต้องการให้พวกของหวูหยุนได้เห็นกับตาว่าตนผ่านด่านชั้นที่สามแล้ว เพื่อให้พวกเขารู้ว่าตนกับพวกเขานั้นห่างชั้นกันขนาดไหน
ส่วนหลัวซิวนั้น ซิงหลิงกลับไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตา
เมื่อเห็นว่ามีคนมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่หอคอยมหาภพเช่นนี้ คิ้วของหลัวซิวก็เริ่มขมวดแน่น แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก และมุ่งหน้าตรงเข้าไปในหอคอยมหาภพ ทันที
เมื่อเข้าไปในหอคอยมหาภพแล้ว ร่างของหลัวซิวก็ไปปรากฏอยู่บนเวทีอันกว้างใหญ่ และปรากฏเงาของคนสามคนขึ้นตรงกันข้ามกับเขาโดยมีระยะห่างออกไปหลายสิบจั้ง
พลังงานที่แผ่ออกมาจากเงาร่างของคนทั้งสามคนนี้คือมหายุทธ์ขั้นสาม คนหนึ่งคือมหายุทธ์กลั่นร่าง คนหนึ่งคือมหายุทธ์กลั่นวิญญาณ และอีกคนหนึ่งคือผู้ที่พลังจิตแท้เข้มข้นเทียบเท่าได้กับมหายุทธ์ขั้นหก
ปั้ง!
เมื่อเท้าของมหายุทธ์กลั่นร่างสัมผัสพื้น พื้นเวทีก็สนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ทันใดนั้นพลังงานของอีกฝ่ายก็ระเบิดออกมาแล้วพุ่งทะยานเข้าใส่หลัวซิว
ในเวลาเดียวกันนั้น การเคลื่อนไหวของตัวสำนึกอันแข็งแกร่งถูกถ่ายทอดออกมา มหายุทธ์กลั่นวิญญาณผู้นั้นใช้วิชาอาถรรพ์วิญญาณเพื่อโจมตีตัวหยั่งรู้ของเขา
ส่วนมหายุทธ์ที่มีพลังจิตแท้เข้มข้นผู้นั้นใช้สองมือบีบตรา ทันใดนั้นทั้งเวทีก็ถูกพลังอันเย็นยะเยือกปกคลุมไปทั่ว พื้นดินแข็งกลายเป็นน้ำค้างแข็ง ทำให้หลัวซิวรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองแข็งทื่อส่งผลต่อแรงในการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน
บนหอคอยมหาภพแห่งนี้ปรากฏคู่ต่อสู้สามคน โดยแต่ละคนล้วนมีจุดแข็งของตัวเองและร่วมมือซึ่งกันและกัน อีกทั้งกระบวนท่าที่ทุกคนแสดงออกมานั้นล้วนมาจากวิชายิ่งเลิศทั้งสิ้น
“มิน่าเล่าถึงว่ากันว่าการฝ่าด่านที่หอคอยมหาภพนั้นยากที่สุด แต่พวกอัจฉริยะที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีสมบัติที่มีพลังแข็งแกร่งอยู่ในมือทั้งสิ้น การผ่านด่านจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก”
หลัวซิวไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นานนัก เขาจึงเอามือเข้าไปล้วงกระบี่เสวียนยวนสีดำออกมาและตั้งใจว่าจะใช้กระบี่ยุทธ์ในระดับสมบัติขั้นสูงนี้ช่วยในการผ่านด่านให้เร็วที่สุด
ในช่วงเวลาที่หลัวซิวล้วงกระบี่เสวียนยวนออกมานั้น บนมือของคู่ต่อสู้ฝ่ายตรงกันข้ามทั้งสามคนล้วนปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมาเช่นกัน
ในมือของมหายุทธ์กลั่นร่างปรากฏดาบรบ ในมือของมหายุทธ์กลั่นวิญญาณปรากฏกระจกทองแดง และในมือของมหายุทธ์พลังจิตแท้เข้มข้นก็ปรากฏพัดน้ำแข็งสีฟ้าออกมาหนึ่งเล่ม