มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 709
ได้ยินสิ่งที่เจ้าแดนหลิวกล่าว หัวใจของหลัวซิวก็หวั่นไหวขึ้นมา “ข้าต้องการจิตฟ้าดินก็ได้หรือ?”
ภูตอัคคีชนิดหนึ่ง ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ตามหาไปทั่วทั้งปฐพี แต่ที่เจ้าแดนหลิวเอ่ยถึงนั้นกลับไม่ใช่ภูตอัคคีแต่เป็นจิตฟ้าดินมันทำให้หลัวซิวรู้สึกว่ารากฐานของดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่ไม่อาจจินตนาการได้
“ถูกต้อง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลาหลายหมื่นปี แม้ว่าจิตฟ้าดินจะหาได้ยาก แต่ก็ได้รวบรวมเอาไว้ไม่น้อย ทองไม้น้ำไฟดินลมอัสนีมีครบทั้งเจ็ดชนิด!”
หลัวซิวอึ้งทึ่งตะลึงงัน จนถึงตอนนี้เขาเคยพบเห็นเพียงภูตอัคคีเท่านั้น จิตฟ้าดินชนิดอื่น ก็เพียงแค่เคยได้ยินมา แต่ไม่เคยพบมาก่อนเลย
“หลัวซิว ในร่างของเจ้ามีกลิ่นอายของภูตอัคคีกลืนกิน ดูท่าชะตาและโอกาสของเจ้าไม่เลวเลย ถึงได้รับภูตอัคคีที่หายากเช่นนี้มาครอบครอง”
ในตอนนี้เอง เทวทูตจื่อเยียนก็ได้เอ่ยขึ้นมา “ในเมื่อเจ้าได้รับภูตอัคคีกลืนกินมาครอบครองแล้ว ก็น่าจะรู้ว่าภูตอัคคีกลืนกินสามารถกลืนกินเปลวเพลิงอื่น ๆ เพื่อเพิ่มระดับได้ และถ้าได้กลืนกินภูตอัคคีชนิดอื่น จะยิ่งมีประสิทธิภาพ”
“ใช่ขอรับ” หลัวซิวพยักหน้า
“ข้าเคยบอกเอาไว้ว่าจะชี้แนะเจ้าอีกครั้งหากเจ้าสามารถทะลวงชั้นที่สามของหอคอยสุดหล้าได้ ดังนั้นสำหรับของรางวัลที่เจ้าเลือก ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกภูตอัคคีชนิดหนึ่ง”
“แม้ว่าภูตอัคคีจะเป็นของภายนอก แต่ข้ากลับได้รับพลังอมตะอย่างหนึ่งมาโดยบังเอิญ มีชื่อว่าพลังอมตะหลอมอัคคี แต่หากจะฝึกพลังชนิดนี้ ก็จำเป็นจะต้องมีภูตอัคคีกลืนกิน”
“พลังอมตะหลอมอัคคี มีการกลืนกินภูตอัคคีเป็นพื้นฐาน ทุกครั้งที่กลืนกินภูตอัคคีชนิดอื่น ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงชนิดหนึ่ง หลังจากที่กกลืนกินภูตอัคคีไปเก้าชนิด ก็จะสามารถแปรเปลี่ยนเป็นอัคคีเทพเพลิงนภา”
เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ของเทวทูตจื่อเยียน แม้แต่ท่าทางของหลิวหงเทียนเองก็ยังเกิดการเคลื่อนไหว เขาคิดไม่ถึงว่า แม้แต่พลังอมตะเทวทูตจื่อเยียนผู้นี้ก็ยังเต็มใจนำออกมาได้ ดูท่าจะฝากความหวังเอาไส้กับหลัวซิวผู้นี้มากจริง ๆ ดูท่าจะฝากความหวังไว้กับหลัวซิวมากจริง ๆ
“ผู้อาวุโส ที่ข้าฝึกนั้นเป็นกฎความตาย ฝึกฝนพลังอมตะธาตุไฟ เหมือนว่าจะไม่เหมาะสมนัก” หลัวซิวบอกถึงความสงสัยของตนเองออกมา
“หึ ๆ ใครบอกว่าฝึกกฎความตาย ไม่สามารถฝึกฝนพลังอมตะธาตุไฟได้?” เทวทูตจื่อเยียนยิ้มอย่างงดงาม “แม้จะบอกว่าผู้ที่ฝึกฝนกฎแห่งธาตุไฟเหมาะที่จะฝึกฝนพลังอมตะธาตุไฟยิ่งกว่า แต่การเพิ่มระดับดินแดนของกฎนั้นจะยากขึ้นมาเรื่อย ๆ และการฝึกฝนพลังอมตะธาตุไฟ กลับสามารถทำให้เจ้ามีฝีมือที่ร้ายกาจยิ่งกว่า”
“และฝีมือก็คือความแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งถึงเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง!”
“หากมีสักวันที่กฎความตายของเจ้าฝึกฝนจนถึงดินแดนที่สูงพอ ก็เป็นธรรมดาที่จะสามารถทิ้งพลังอมตะหลอมอัคคีนี้เอาไว้ก่อนได้ นอกจากนี้แล้วตัวภูตอัคคีฟ้าดินเองก็ได้แฝงกฎเอาไว้อยู่แล้ว และไม่จำเป็นที่เจ้าจะแบ่งความสนใจเพื่อไปตระหนักรู้กฎแห่งธาตุไฟ ตราบใดที่กลืนกินภูตอัคคีได้อย่างเพียงพอ อานุภาพของพลังอมตะชนิดนี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
“พลังอมตะที่สามารถเพิ่มระดับได้โดยไม่ต้องอาศัยดินแดนของกฎ หากไม่ใช้เพราะตลอดเวลามานี้หาภูตอัคคีกลืนกินไม่พบ ข้าก็คงฝึกเองไปตั้งนานแล้ว”
ในตอนที่เทวทูตจื่อเยียนกล่าวคำพูดเหล่านี้ ไม่ได้มีท่าที่ว่าจะแย่งภูตอัคคีกลืนกินมาครอบครองเลยสักนิด
“เจ้าลองดูเองก็แล้วกัน” ในระหว่างที่กล่าว เทวทูตจื่อเยียนก็ได้ดีดนิ้วออกไป ลำแสงสายหนึ่งก็ได้พุ่งเข้าไปยังตรงกลางระหว่างคิ้วของหลัวซิว
กระแสพลังสายหนึ่งหลั่งไหลเข้าไปยังตัวหยั่งรู้ของเขา เป็นวิธีในการฝึกฝนพลังอมตะหลอมอัคคีนั่นเอง
ชื่อของพลังอมตะนี้ เรียกว่าภูตอัคคีร้อยแปร ทุกครั้งที่กลืนกินภูตอัคคีชนิดหนึ่ง ภูตอัคคีคือก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นหนึ่งครั้ง หลังจากที่เปลี่ยนครบเก้าครั้ง ก็จะกลายเป็นอัคคีเทพเพลิงนภา สามารถทำให้เทพฟ้าถดถอยได้!
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่หนึ่งของภูตอัคคี เรียกว่ามกุฎอัคคีนภาแดง สามารถแผดเผาเจ้ายุทธจักรธรรมดาทั่วไปให้ตายได้
การเปลี่ยนแปลงครั้งที่หนึ่งของภูตอัคคี เรียกว่ามกุฎอัคคีนภาเหลืองสามารถแผดเผาสังหารยอดฝีมือเจ้ายุทธจักรระดับสุดยอดได้