Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1054 การแก่งแย่งโชควาสนาเปิดฉาก

ตอนที่ 1054 การแก่งแย่งโชควาสนาเปิดฉาก

ตอนที่ 1054 การแก่งแย่งโชควาสนาเปิดฉาก
เซียวชิงเหอถูกวิธีที่ดูหมิ่นและเหี้ยมโหดคัดออก

นี่ทำให้หลินสวินยากระงับความโกรธภายในใจ

ถูกเอาชนะไม่เท่าไหร่ แต่แพ้ด้วยความอัปยศวิปริตเช่นนี้กลับทำให้หลินสวินไม่อาจยอมรับ!

‘หลินสวิน เจ้าโกรธมากใช่หรือไม่ นี่ก็ถูกแล้ว ตอนนั้นที่เจ้าสังหารน้องเหลียนเอ๋อร์ ข้าก็โกรธมากเช่นกัน’

ข้างหูยินเสียงแหบพร่าบางเบาดุจอสรพิษแลบลิ้น

หลินสวินไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ชิงเหวินเจวี้ยนเหลือบสายตามองมายังยอดเขาที่ตนอยู่

เขาสวมชุดขนนก ผิวขาวกระจ่าง ใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์แปลกประหลาด ริมฝีปากบางแดงสดดุจคมดาบเผาไฟแรง

‘เจ้ามาล้างแค้นข้าก็ได้ ทำไมต้องลงมือกับเซียวชิงเหอ’ หลินสวินสีหน้าเยียบเย็น

‘เพราะข้าก็อยากให้เจ้าสัมผัสรสชาติของความโกรธสักหน่อย’

ชิงเหวินเจวี้ยนยิ้มกำเริบเสิบสาน ‘จะว่าไปเจ้าไร้ที่พึ่งพิง ในดินแดนรกร้างโบราณแม้แต่ญาติสักคนก็ไม่มี ทำให้แม้ข้าคิดแก้แค้นก็ต้องปวดหัว ยังดีที่สุดท้ายข้าก็ได้เจอเซียวชิงเหอ’

เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้ชิงเหวินเจวี้ยนแอบสืบข่าวเกี่ยวกับหลินสวินไว้ก่อนแล้ว หมายลงมือทำร้ายคนใกล้ตัวหลินสวิน!

‘เจ้าไม่ห่วงว่าจะถูกตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราโจมตีรึ’ หลินสวินมุ่นคิ้ว รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ดูเหมือนบอบบางนิ่งสงบ อันที่จริงกลับราวคนบ้าวิปริต

‘หากข้ากลัวจะกล้าทำเช่นนี้รึ’

ชิงเหวินเจวี้ยนกล่าวเนิบช้า ‘จุดจบของเซียวชิงเหอเจ้าก็เห็นแล้ว บอกเลยว่าเว้นแต่เจ้าคุกเข่าขอร้องข้าโดยดีเสียตอนนี้ ไม่เช่นนั้นคนที่เกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าจะทำให้พวกเขากลายเป็นจิตรกรรมเลือดทีละคน’

กล่าวถึงตอนท้ายเขาอดยิ้มไม่ได้ บนหน้าอ่อนโยนแต่เปี่ยมเสน่ห์เต็มไปด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่ง

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งก็ยิ้มกล่าว ‘เช่นนั้นข้าก็อยากดูนักว่า พวกเจ้าเผ่าหงส์เขียวจะรับไฟโทสะของข้าได้หรือไม่ เจ้ากล้าทำเช่นนี้ ข้าก็กล้าทำลายเผ่าพวกเจ้าให้สิ้นซาก ไม่เชื่อก็ลองดูว่าใครจะหัวเราะทีหลัง’

‘จริงสิ ทางที่ดีเจ้าควรภาวนาว่าอีกเดี๋ยวขออย่าให้ข้าเจอเจ้า’

น้ำเสียงราบเรียบ แต่มีเจตจำนงเด็ดเดี่ยว

พูดจบเขาถอนสายตากลับ ไม่เหลือบมองฝ่ายตรงข้ามอีก

วิธีการของชิงเหวินเจวี้ยนได้สะกิดต่อมโกรธเขาแล้ว ทำให้เขาไม่อาจอดกลั้น ตัดสินใจสังหารทิ้ง

ขณะเดียวกันชิงเหวินเจวี้ยนก็อึ้งไป จากนั้นพลันส่งเสียงหัวเราะคิกคักเหมือนคนบ้า ในดวงตาอ่อนโยนเปี่ยมด้วยความคลั่งระห่ำ ‘เช่นนั้นก็ลองดู!’

โครม!

บนยอดเขาอีกลูก อาหลู่ราวสัตว์ปีศาจที่ไม่มีทางอ่อนกำลัง แค่เพียงมือเปล่าก็ซัดสมบัติคู่แข่งกระเด็น เท้าข้างหนึ่งเตะอีกฝ่ายลอยออกนอกแท่นมรรค

จิตต่อสู้เขาทะลุทะลวง ผงาดง้ำทั่วจตุรทิศ ยื่นมือชี้เหล่าผู้กล้าที่อยู่ไม่ไกลซึ่งตระหนกจนไม่กล้าเข้ามานานแล้ว กล่าวไม่สบอารมณ์ “ตาขาวกันไปหมดได้อย่างไร พวกเจ้าไม่พอใจไม่ใช่รึ ทำไมหดหัวเข้ากระดองเหมือนผู้หญิงอยู่ตรงนั้น พวกเจ้ามันผู้กล้าตดหมา!”

น้ำคำยั่วยุเต็มเปี่ยม ทำให้เหล่าผู้กล้าโกรธจนอกแทบแตก แทบอยากฉีกปากเหม็นเน่าของเจ้าคนป่านี่ให้กระจุย

แต่สุดท้ายกลับไร้คนพุ่งไปเบื้องหน้า

ช่วยไม่ได้ พลังต่อสู้ของคนป่านี่เหมือนกับปากเหม็นเน่าของมัน ทรงอานุภาพจนผิดวิสัย ต่อสู้ถึงตอนนี้ แม้แต่บุคคลแห่งยุคล้วนถูกเขากำราบอย่างแข็งกร้าว ใครยังจะกล้าพุ่งเข้าไปอีก

หลินสวินเห็นดังนี้ก็ถอนสายตากลับ มองไปทางจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่บนยอดเขาอื่น

ไม่เจอกันหลายปี ศักยภาพของจ้าวจิ่งเซวียนก็รุดหน้าเช่นกัน กระทั่งแข็งแกร่งถึงขั้นทำให้หลินสวินรู้สึกตะลึง

นางสวมชุดกระโปรงม่วง เงาร่างสูงโปร่งทรงสง่าร่ายรำดุจหงส์ตื่น แข็งแกร่งราวมังกรเหิน กรำศึกบนแท่นมรรคประหนึ่งเซียนเดินเล่นในสวนบ้าน

กระถางสมบัติเก้ามังกรถูกนางนำมาใช้ สำแดงเงามายาเจินหลงเก้าตัว เชิดศีรษะกลางอากาศ เคลื่อนทะยานแผดคำราม พลานุภาพศักดิ์สิทธิ์ล้นฟ้า สว่างอำไพดั่งอานุภาพสวรรค์มาเยือน

คนที่กำลังต่อกรกับนางคือบุคคลแห่งยุคผู้หนึ่ง แต่ประมือกันแค่ไม่กี่สิบกระบวนท่า ระหว่างที่ฝืนปะทะซึ่งหน้าก็ถูกจ้าวจิ่งเซวียนกำราบสิ้นเชิง!

‘นางมีพลังจักรพรรดิพญามังกรติดตัว ทั้งขัดเกลาฝึกฝนยอดวิชามรดกของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ มีผลสัมฤทธิ์เช่นนี้ก็นับว่าสมเหตุสมผล’

หลินสวินวางใจลง จากการวิเคราะห์ของเขา หากไม่ผิดคาดจ้าวจิ่งเซวียนสามารถเข้าสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้อย่างสบาย

‘ไม่เลว ศิษย์น้องจิ่งเซวียนบรรลุขั้น ‘เข้าถึงชำนาญ’ ของมกุฎมรรคา ห่างจาก ‘บรรลุสูงสุด’ ไม่ไกลแล้ว’

ขณะเดียวกันเยี่ยนจั่นชิวที่ติดตามจ้าวจิ่งเซวียนมาตลอดลอบพยักหน้า ในดวงตาเจือความชื่นชมจากใจ

วู้ม!

ทันใดนั้นบนเขาเทพไร้มรณะส่งเสียงกระหึ่มไม่หยุด ปรากฏพลังกฎระเบียบมหามรรคไม่เสื่อมคลายและสูงส่ง ทำให้เหนือยอดเขาสามสิบหกลูกสว่างไสวโดยพร้อมเพรียง

สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ว่าการต่อสู้บนแท่นมรรคแต่ละแห่งเวลานี้ต่างถูกระงับพร้อมกัน

ขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งที่ท้าชิงไม่สำเร็จก็ถูกพลังไร้รูปขับออกจากแท่นมรรค เหลือเพียงเงาร่างทั้งสามสิบหกแยกกันยืนอยู่บนนั้น

เวลาหนึ่งก้านธูปจบลง การครองภูผาสิ้นสุดแล้ว!

พริบตานั้นกลุ่มคนที่เฝ้ารอตรงเชิงเขา ต่างทอดสายตามองไปยังแต่ละเงาร่างที่ยืนอยู่บนยอดเขานั่นโดยพร้อมเพรียง

เซี่ยวชางเทียน เยี่ยเฉิน จินมู่อวิ๋น ฉู่เป่ยไห่ หลี่ชิงผิง อวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา โก่วเหยียนเจิน จ้าวจิ่งเซวียน…

แน่นอนว่ายังมีหลินสวิน

รวมเหล่าผู้กล้าทั้งสิ้นสามสิบหกคนที่ครองภูผาสำเร็จ!

เหล่าผู้กล้าแต่ละสำนักที่แม้ปีนเขาแต่ไม่เคยพุ่งสู่แท่นมรรคเห็นภาพนี้เข้า ไม่มีใครไม่เผยสีหน้าท้อแท้และผิดหวัง

การปีนเขาและครองภูผาดูเหมือนห่างกันเพียงก้าว แต่กลับแตกต่างราวฟ้ากับดิน!

ผู้ครองภูผาสำเร็จเท่ากับจัดอยู่ในกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ กลายเป็นบุคคลระดับยอดมกุฎในหมู่คนรุ่นเยาว์

นี่เป็นทั้งเกียรติภูมิอันยิ่งใหญ่ และเป็นคำอธิบายซึ่งมีพลังที่สุดต่อศักยภาพตัวเอง!

สำหรับผู้กล้าอื่นๆ เป็นได้แค่ตัวประกอบที่ถูกคัดออก จากนี้คงไม่มีทางดึงดูดความสนใจได้มากเท่าไรนัก

นี่ก็คือการแก่งแย่งมหามรรค เหลื่อมกันเพียงก้าวก็เป็นไปได้สูงที่จะแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน!

“ต่อไปน่าจะเริ่มการต่อสู้จัดอันดับ ‘ชิงโชควาสนา’ ช่วงท้ายแล้ว ยอดมกุฎรุ่นเยาว์สามสิบหกคน ไม่รู้ว่าสุดท้ายใครจะได้อันดับหนึ่ง”

ณ เชิงเขา เสียงวิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ผู้ฝึกปราณแต่ละสำนักต่างกำลังเฝ้าดู

“เปรียบเทียบกับอดีต การแข่งขันครองภูผารอบนี้เรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์ ผู้กล้าส่วนหนึ่งหากเป็นเมื่อก่อนต้องมีศักยภาพดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์แน่ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้แพ้ ทำให้ผู้คนทอดถอนใจด้วยความเสียดาย”

“ไม่ผิด ใช่ว่าพวกเขาไม่แข็งแกร่ง แต่ผู้กล้าที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ รวมตัวบุคคลแห่งยุคซึ่งเจิดจรัสที่สุดของสี่แดนวิภูในดินแดนรกร้างโบราณ ความพ่ายแพ้ของพวกเขาไม่ใช่เรื่องผิด!”

“เมื่อไหร่ก็ตามที่มหายุคมาเยือน จะต้องมีปีศาจและอัจฉริยะนับไม่ถ้วนเด่นผงาด แก่งแย่งฟ้าดินช่วงชิงบนมหามรรค มหายุคครั้งนี้แม้ยังไม่มาเยือน แต่จากตัวคนรุ่นเยาว์เหล่านี้สามารถสัมผัสได้เลยว่า มหายุคครั้งนี้ต้องไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์!”

เหล่าผู้อาวุโสต่างกำลังรำพึงทอดถอนใจ

“ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว บางทีอาจเป็นเทพมารหลินนี่!”

“ถูกผู้กล้าสำนักโบราณมากขนาดนั้นหมายหัวร่วมมือกันโจมตี เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงถูกสังหารนานแล้ว แต่เจ้าหมอนี่กลับยืนหยัดถึงตอนท้าย ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”

“หึๆ รอก่อนเถอะ การแสดงออกของเขายิ่งสะดุดตา ยามออกจากเขตหวงห้ามไร้มรณะก็ยิ่งตายอนาถ!”

คนที่คอยตามดูหลินสวินก็มีจำนวนไม่น้อย

ก่อนหน้านี้ใครต่างคิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถดันตนขึ้นบนกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้ ล้วนคิดว่าภายใต้การโจมตีของผู้กล้าสำนักโบราณมากมาย เขาต้องถูกคัดออกแน่

แต่ผลกลับเกินคาด

หลินสวินชนะแล้ว!

ตัวคนเดียวเอาชนะเหล่าผู้กล้าบนยอดเขาลูกที่เก้าได้ทั้งหมด!

นี่ดึงดูดความสนใจผู้แข็งแกร่งเหนือยอดเขาอื่นที่ดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เช่นกัน

“อย่างนี้สิค่อยน่าสนุก” ในดวงตาเฉียบคมดุจดาบของเซี่ยวชางเทียนสาดแสงแวววาววูบหนึ่ง

“ร้ายนักนะเทพมารหลิน! ข้ายิ่งเฝ้าคอยที่จะได้ดื่มกับเจ้าเข้าไปอีก!” มารกระบี่เยี่ยเฉินชายเสื้อพลิ้วไหว ยิ้มรื่นรมย์

“นี่สิค่อยเหมือนเทพมารหน่อย” อาหลู่ยิ้มยิงฟัน

สีหน้าพวกจินมู่อวิ๋น ฉู่เป่ยไห่ อวี่หลิงคง หลี่ชิงผิง โก่วเหยียนเจิน แต่ละคนล้วนอึมครึมไม่น่าดู

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างส่งกำลังพลไปกดดันหลินสวิน แต่คิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หลินสวินยังสามารถได้ชัยชนะ นี่ทำให้พวกเขามีท่าทางอักอ่วนเหมือนกินแมลงวันเข้าไป

“เก่งมาก พี่ชายเทพมาร” จ้าวจิ่งเซวียนกะพริบตาปริบ หยอกล้อทะเล้นประโยคหนึ่ง

“ชนะแล้วอย่างไร ‘ชิงโชควาสนา’ ต่อจากนี้ จะดูว่าคนไร้ยางอายอย่างเจ้าจะอวดเบ่งได้ถึงเมื่อไหร่!” จี้ซิงเหยาไม่พอใจนัก

ส่วนคนอื่นที่ไร้ความแค้นกับหลินสวินและไม่รู้จักเขา แต่เป็นผู้กล้าที่ดันตนขึ้นสู่กระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์เหมือนกันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะสนใจหลินสวินมากขึ้นอยู่บ้าง

มีคนแปลกใจสงสัย บ้างก็ชื่นชม บ้างระวังตัวและระแวดระวัง

ต่อจากนี้จะเริ่มการแข่งขันจัดอันดับ ตัวตนของหลินสวินคือกรณีพิเศษโดยไม่ต้องสงสัย ทำให้พวกเขาไม่อาจไม่ให้ความสำคัญ

สำหรับการจับตามองเหล่านี้หลินสวินไม้ได้ใส่ใจ มาถึงขั้นนี้ ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน แม้ไม่กล้าคุยโวว่าจะคว้าชัยชนะ แต่ก็ไม่หวั่นเกรงศัตรูคนใดแน่นอน!

‘การชิงโชควาสนา ไม่รู้ว่าจะเป็นไปอย่างไร…’

หลินสวินเหลือบสายตามองไปยังแท่นมรรคบนยอดเขาต่างๆ บนภูเขาเทพไร้มรณะไม่มีผู้ตัดสิน หลินสวินก็รู้แค่ว่าอาศัยกฎระเบียบดำเนินการเท่านั้น

ครืน!

ขณะหลินสวินใคร่ครวญ บนยอดเขาสามสิบหกลูก ทุกแท่นมรรคต่างเกิดเสียงกึกก้อง เส้นทางประกายทองแต่ละสายที่พุ่งมายังใจกลางยอดเขาแต่ละลูกรวมตัวเข้าด้วยกัน ระเบิดประกายแสงศักดิ์สิทธิ์สะเทือนใต้หล้าออกมา

จากนั้นประกายศักดิ์สิทธิ์ถักทอ ค่อยๆ ก่อตัวเป็นสนามประลองมหึมาหาใดเปรียบแห่งหนึ่ง!

สนามประลองเป็นสีขาวดำ ยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ สร้างขึ้นบนอากาศ ส่องประกายนิรันดร์ราวไม่ดับสูญ ทันทีที่ปรากฏก็ดึงดูดสายตาทุกคน

เส้นทางประกายทองสามสิบหกสาย พุ่งจากยอดเขาแต่ละลูกไปสู่ใจกลางลานประลอง

นี่ก็คือสนามประลองโชควาสนา!

การต่อสู้จัดอันดับยอดมกุฎรุ่นเยาว์จะเปิดฉากบนนั้น

เมื่อการต่อสู้เริ่มต้น กฎระเบียบต้องห้ามของภูเขาเทพไร้มรณะจะโคจรด้วยตัวเอง เคลื่อนย้ายผู้แข็งแกร่งแต่ละคนไปต่อสู้บนสนามประลอง

ผู้ชนะไม่เพียงอันดับสูงขึ้น ยังสามารถชิงโชควาสนามหามรรคส่วนหนึ่งได้ด้วย!

“กำลังจะเริ่มแล้ว!”

ณ เชิงเขา ทุกคนต่างจับจ้อง สายตารวมอยู่ที่สนามประลองโชควาสนาเหนือท้องฟ้า

ผู้แข็งแกร่งอย่างเผ่าวาทวาโยยิ่งเตรียมใบต้นข่าวสารทองคำหนาปึกอยู่ก่อนแล้ว วางแผนบันทึกทุกเหตุการณ์การประลองแห่งยุคที่จะเกิดขึ้นบนสนามประลองโชควาสนา!

‘ช่างทำให้คนเฝ้ารอเสียจริง…’ นัยน์ตาดำของหลินสวินเปล่งประกาย มองออกไปไกลๆ ในใจเกิดจิตต่อสู้อย่างไม่อาจระงับ

………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท