“ทุกท่าน ตอนนี้ก็ได้เวลาแล้ว พวกเจ้าควรเดินทางได้แล้ว” หลัวซิวยิ้มบาง ๆ แต่คำพูดและน้ำเสียงนั้นกลับน่ากลัวถึงขีดสุด
“หลัวซิว เจ้าจะเปิดสงครามกับเผ่าหงส์จริง ๆ หรือ?” ผู้อาวุโสเผ่าหงส์ระดับ เจ้ายุทธจักรช่วงกลางพูดขึ้นเสียงเคร่งขรึม
พลังการต่อสู้ของหลัวซิวทำให้พวกเขารู้สึกหวาดผวา หากมีโอกาสให้เขาได้รักษาชีวิตเอาไว้ พวกเขาก็ไม่อยากจะต่อสู้กับเจ้าหนุ่มที่น่ากลัวเช่นนี้
“เปิดสงคราม?” หลัวซิวหัวเราะเสียงดัง “ตั้งแต่แรกข้าไม่เคยทำอะไรที่ถือเป็นการขัดใจพวกเจ้าเผ่าหงส์ แต่คนของเผ่าหงส์อย่างพวกเจ้ากลับจ้องจะฆ่าข้าอยู่ทุกนาทีทุกวินาที แต่ตอนนี้กลับมาถามข้ากลับ?”
หลัวซิวสีหน้าเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “หากพวกเจ้าเผ่าหงส์คิดจะเล่นงานแค่ข้าเพียงคนเดียวนั่นก็ว่าไปอย่าง แต่กลับลากคนบริสุทธิ์มาเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นวันนี้พวกเจ้าต้องตายอยู่ที่นี่ และตายอย่างน่าเวทนาที่สุด!”
“สู้กับเขา!”
เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์ทั้งห้าได้ยินเช่นนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่าบุญคุณความแค้นไม่อาจแก้ไขได้แล้ว สามในห้าคนนั้นก็พุ่งเข้ามาทางหลัวซิว แต่อีกสองคนกลับพุ่งเข้าไปหอแห่งหนึ่งกลางตำหนัก
“อาจหาญทำตุกติกต่อหน้าต่อตาข้า ช่างน่าขันสิ้นดี”
หลัวซิวยิ้มบาง ๆ ปีกทิพย์ไร้มลทินสั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มองข้ามการโจมตีของทั้งสาม เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์ ตรงเข้าไปต้าน เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์สองคนที่กำลังตรงไปที่หอคอยแทน
ปีกทิพย์ไร้มลทินได้ชื่อว่ารวดเร็วที่สุดในใต้หล้า ไม่ใช่เรื่องโกหกแต่อย่างใด ถึงแม้หลัวซิวในเวลานี้จะมีเพียงแค่ผลการฝึกตนแดนมกุฎยุทธ์ขั้นเก้า แต่เมื่ออาศัยปีกคู่นี้ ความเร็วของเขาก็สามารถทำให้แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับ เจ้ายุทธจักรช่วงปลายก็ไม่สามารถตามได้ทัน
แต่ถ้าหากพบเจอกับผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์ ที่สามารถฉีกทำลายโซนได้อย่างง่ายดายนั้น หลัวซิวก็ยากที่จะหนีได้
ปัง!
หลัวซิวปล่อยมกุฎอัคคีนภาเหลืองออกไปอย่างไม่ลังเล เพลิงอัคคีที่น่าหวาดกลัวซึ่งสามารถทำให้ เจ้ายุทธจักรช่วงกลางผู้แข็งแกร่งกลายเป็นเถ้าถ่านได้ เพียงแค่ช่วงพริบตา เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์ทั้งสองคนก็สลายหายไปทันที
ผู้แข็งแกร่งเผ่าหงส์ที่มีชื่อเสียงทางด้านฝึกตนกฎเพลิงอัคคี ไม่ว่าอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ตนถูกคนอื่นใช้ไฟเผาจนตาย
เมื่อการต่อสู่เดินทางมาถึงนาทีนี้ ก็ไม่ได้มีสิ่งที่น่าประหลาดใจอื่นใดปรากฏขึ้นอีก หากคู่ต่อสู้ของหลัวซิวไม่ใช่ เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์ทั้งหก แต่เป็น เจ้ายุทธจักรผู้แข็งแกร่งที่ฝึกตนด้วยพลังแห่งกฎอื่น ๆ หากเขาต้องการสู้แบบหนึ่งต่อหก สามารถกล่าวได้ว่ามีความหวังเพียงน้อยนิดเท่านั้น
และสามารถที่เขาสามารถใช้พลังกด เจ้ายุทธจักรทั้งหกไว้ได้ นั่นก็เป็นเพราะพลังแห่งกฎเพลิงอัคคีของ เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์ เมื่ออยู่ต่อหน้ามกุฎอัคคีนภาเหลืองแล้ว มันไม่ได้มีประโยชน์ใดเลย
“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน เจ้าต้องไม่ตายดี!”
“ไอ้หนุ่มหลัว เจ้าต้องตายด้วยน้ำมือของมหาจักรพรรดิยุทธ์เผ่าหงส์!”
“……”
ภายใต้การควบคุมรอบด้านของหลัวซิว ไม่ว่าจะเป็นกฎ หรือเป็นเล่ห์เหลี่ยมของวิชายิ่งเลิศ เหล่า เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์ ต่างก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิว
หลังจากที่ผลการฝึกตนบรรลุถึงมหายุทธ์ ความสูงต่ำของกฎระดับที่บรรลุถึง ได้ตัดสินความแข็งแกร่งของพลังการต่อสู้ แต่ความแตกต่างของผลการฝึกตน กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพลังการต่อสู้มากนัก
แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าผลการฝึกตนไม่สำคัญ ยิ่งผลการฝึกตนสูงมากเท่าไร ก็สามารถเข้าใจความลึกลับของกฎได้ง่ายขึ้นเท่านั้น อีกทั้งการเพิ่งระดับผลการฝึกตน ยังสามารถเพิ่มอายุไข ทำให้พลังชีวิตเบ่งบานมากขึ้น และสามารถค้นหาระดับที่บรรลุถึงที่สูงขึ้นต่อไปได้
เจ้ายุทธจักรเผ่าหงส์ทั้งหกไม่เหลือแม้แต่เศษซากกระดูก หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด พวกเขาสามารถมีอายุได้ราว 5000 ปี หากมีโอกาสที่ดี จนกระทั่งมีความเป็นไปได้ที่จะเหยียบเข้าสู่แดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ และฝึกยุทธ์ในป่าแห่งผู้แข็งแกร่งแดนขั้นสูง
“นี่เป็น เจ้ายุทธจักรคนที่เท่าไรแล้วที่ตายด้วยน้ำมือข้า?”
หลัวซิวยืนโดดเดี่ยวอยู่กลางตำหนัก ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มขึ้นมา และมีฝนตกปรอย ๆ
คิดไปไกลถึงตอนที่เขาเริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางการฝึกยุทธ์นี้ แม้ว่าจะเป็นคนที่การกลั่นร่างขั้นสามขึ้นไป ต่างก็ต้องการให้เขายอมสยบอยู่แทบเท้า
จนกระทั่งเวลาต่อมา เขาได้รับลูกแก้วความเป็นตายโดยบังเอิญ โอกาสในชีวิตก็เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ